"บิ๊กป้อม" ยันตำรวจทำคดี "สิรวิชญ์" เต็มที่ เผยตัดปมชู้สาว-หนี้นอกระบบ เร่งสอบโยงประเด็นการเมืองหรือไม่ "รอง ผบช.น." ยอมรับการสืบสวนสะดุด หลังภาพกล้องวงจรปิดบางจุดชำรุดไม่ต่อเนื่อง ระบุยังไม่ออกหมายจับใคร "พล.ต.อ.ชัยวัฒน์" แจ้ง ปอท.เอาผิดคนโพสต์แชร์ข่าวหาส่งลูกน้องทุบจ่านิว "เสรีพิศุทธ์" เชื่อมีการจับแพะแน่ "นิว" โพสต์จะกลับมาใช้อุดมการณ์ประชาธิปไตยตอบแทน ปชช.ที่เป็นห่วง
    เมื่อวันที่ 4 ก.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม(รมว.กลาโหม) กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามคดีนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมืองถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณปากซอยรามอินทรา 109 (ซ.พระยาสุเรนทร์) แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ว่าตำรวจได้พยายามทำงานอย่างเต็มที่เพื่อคลี่คลายคดี โดยมีการสเกตช์ภาพคนร้ายและรายงานทุกวันในเวลา 19.00 น. แม้จะยังตามตัวไม่ได้ แต่ก็ถือว่ามีความคืบหน้า
    "ได้มีการตัดประเด็นในเรื่องชู้สาวและหนี้นอกระบบออกไป และยังไม่ทราบว่าจะมีความเชื่อมโยงเป็นประเด็นเรื่องทางการเมืองหรือไม่" พล.อ.ประวิตรกล่าว
    ถามว่ามีการส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลความปลอดภัยนักเคลื่อนไหวทางการเมืองคนอื่นๆ หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีใครร้องขอมา 
    ส่วน พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไอเอ็นเอ็นว่า แนวทางการสืบสวนของตำรวจขณะนี้เกิดอุปสรรค เนื่องจากไม่สามารถเรียบเรียงภาพจากกล้องวงจรปิดในเส้นทางหลบหนีของคนร้ายได้ เพราะมีกล้องวงจรปิดบางส่วนได้รับความเสียหาย ชำรุด จึงมุ่งเป้าประเด็นการสืบสวนไปที่จุดเกิดเหตุและเวลาในการลงมือ โดยตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดคนร้ายจึงเลือกลงมือในวันเวลาดังกล่าว เหตุใดจึงเลือกก่อเหตุบริเวณปากซอย แทนที่จะเป็นภายในซอยหรือใกล้บ้าน ขณะเดียวกันได้สอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ในจุดต่างๆ ทั้งแม่ค้า รถจักรยานยนต์ที่ผ่านไปมา รถยนต์ที่สัญจรในเวลาดังกล่าว และวินจักรยานยนต์รับจ้าง เพื่อนำคำให้การมาเชื่อมโยงกัน พร้อมกับตรวจสอบย้อนหลังว่าก่อนหน้านี้กลุ่มคนร้ายมีการติดตามนายสิรวิชญ์มาก่อนหรือไม่ โดยคาดว่าจะมีการติดตามนายสิรวิชญ์จากสื่อโซเชียลมีเดีย
    "ขณะนี้ยังไม่มีการเตรียมออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาแต่อย่างใด และยังไม่มีการพุ่งเป้าไปที่กลุ่มใดเป็นพิเศษ เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนในหลายประเด็น ทั้งเรื่องของความขัดแย้งทางการเมืองไม่เพียงแต่เฉพาะฝ่ายตรงข้ามหรือฝ่ายเดียวกันสร้างสถานการณ์เท่านั้น แต่ยังตั้งเป้าไปยังกลุ่มคนนอกที่อาจไม่พอใจนายสิรวิชญ์เป็นการส่วนตัว โดยมีชนวนเหตุจากประเด็นเรื่องการเมือง" พล.ต.ต.นิตินันท์กล่าว
    รอง ผบช.น.กล่าวว่า ตำรวจชุดสืบสวนจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ แม้จะมีอุปสรรคในเรื่องกล้องวงจรปิด โดยขณะนี้ได้แบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ออกเป็นสองส่วน แบ่งเป็นชุดติดตามเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย และชุดมุ่งเน้นสืบสวนจุดเกิดเหตุและมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุ เพื่อนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ  พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีสื่อโซเชียลเสนอข่าวระบุเรื่องใหญ่ที่ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. ต้องแก้ไขปัญหา มีตำรวจชั้นประทวนในสังกัดกองปฏิบัติการพิเศษกองปราบฯ 4 นาย ไปช่วย พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. ที่เคยคุมกองปราบปรามมาก่อน เลี้ยงตำรวจโจรไปดักตีหัว “จ่านิว” และ “ฟอร์ด” กลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านเผด็จการ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เป็นลูกน้องแขนซ้าย พล.อ.ประวิตร ว่าข้อความดังกล่าวเผยแพร่ในลักษณะที่สร้างความเสียหายต่อบุคคลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งก่อให้เกิดความสับสน ตื่นตระหนกในสังคมอย่างกว้างขวาง
    พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ว่า พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ได้ใช้สิทธิ์ในทางส่วนตัว โดยแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่นำเข้าและเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ บิดเบือนข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว ตลอดจนขยายผลไปยังผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ให้การสนับสนุนสมรู้ร่วมคิดทั้งหมด และจะใช้สิทธิฟ้องร้องในทางแพ่งตามขั้นตอนของกฎหมาย
    "บก.ปอท.ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานหาตัวผู้ที่กระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นผู้นำเข้าข้อมูล โพสต์และผู้แชร์ ที่เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จหรือบิดเบือนข้อมูล สร้างความสับสนแก่ประชาชนและสังคม ก่อให้เกิดความเสียหาย สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียง ต่อตัวบุคคลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยจะดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเด็ดขาดและถึงที่สุด" รองโฆษก สตช.กล่าว
    พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า ขอเตือนไปยังผู้ที่จะเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ บิดเบือนข้อเท็จจริง โดยมีเจตนาทุจริต เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือโซเชียลมีเดีย และอาจทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย หรือเพื่อมุ่งหวังผลประโยชน์ในทางที่มิชอบ หรือจะด้วยความคึกคะนอง รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ท่านก็อาจจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้
    ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ไม่มีความมั่นใจในการสอบสวนคดีจ่านิว เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง ความมั่นคง จ่านิวต้องการประชาธิปไตย เป็นตัวแทนของน้องต้องให้กำลังใจเขา ไม่ใช่มาแซวเป็นจ่าไม่ได้เป็นหมวดสักที มารยาทแบบนี้หรือสมควรเป็นผู้นำประเทศ 
    "ผมว่าเจอแพะแน่ๆ ผมพูดตรงๆ คนไทยรับจ้างติดคุกเยอะ โดยเฉพาะพวกเล่นการพนัน ผมเจอมาเยอะ หน้าที่ใครหน้าที่มัน ต่างคนต่างทำ ตอนนี้เราเป็นผู้แทน ไม่ใช่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผมเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย มีอะไรก็ไปดูในฐานะผู้แทน ถ้าเข้าไปในนั้นเดี๋ยวจะโดนถามว่าไม่หมดหน้าที่เสียที ต้องปล่อยให้เขาทำไป ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องต่อว่า เดี๋ยวดูก็รู้ว่าจับแพะหรือจับแกะ” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว
    ถามถึงมาตรการที่ภาครัฐต้องดูแลนักกิจกรรมเคลื่อนไหว หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยกล่าวว่า ไม่เห็นต้องทำอะไร เพราะเด็กพวกนี้ไม่มีอะไร ถ้าจิตใจเป็นประชาธิปไตยก็ไม่ต้องทำแบบนี้แล้ว ก็ไม่มีการเดิน หรือต้องมาเรียกร้องหรอก บ้านเมืองก็จะสงบ ที่ไม่สงบเพราะยึดผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก แล้วมาโทษนักการเมือง ด่านักการเมือง เลวอย่างโน้นอย่างนี้ ผมไม่เคยยุ่ง ผมเข้ามาใหม่ ยังถูกด่า ไอ้ที่จัดรัฐบาลไม่ได้เพราะใครล่ะ ไม่ใช่พวกผมสักหน่อย มาซื้อผม ผมยังไม่เอาเลย ให้ตำแหน่งด้วย ไม่งั้นมีชื่อเป็นรองนายกฯ แล้ว โชคดีของตำรวจบางคน หากผมเป็นรองนายกฯ ตามที่เขาเสนอมา มีคนออกภายใน 3 วัน”
    ขณะที่จ่านิวได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Sirawith Seritiwat ระบุว่า "ขอบคุณประชาชนผู้รักประชาธิปไตยจำนวนมาก ที่มีความเป็นห่วงในตัวผม และยืนเคียงข้าง ช่วยเหลือ ในทุกๆ ด้าน ผมซึ้งในน้ำใจของทุกคน และรับทราบสิ่งที่เพื่อนๆ ทุกคนกำลังดำเนินการให้ ทั้งในสภาและนอกสภา ทั้งเรื่องคดีความ และการทวงถามความยุติธรรม อาการล่าสุดของตัวผมนั้น ก็ยังถือว่าทรงตัว ตาและจมูกยังมีเลือดซึมอยู่ มีอาการเดินเซเล็กน้อย ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาตัว
    ไม่สมควรมีประชาชนคนไหนในประเทศนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ทางการเมืองเดียวกันกับผม หรือผู้ที่เห็นต่างทางการเมือง ไม่ชอบผม ถูกกระทำแบบนี้อีกต่อไปหรือต่อให้เป็นหนี้นอกระบบ (ซึ่งมีคนให้ข่าวเท็จ กล่าวหาประเด็นนี้ต่อผม ซึ่งไม่เป็นความจริง) ก็ไม่ควรถูกกระทำด้วยวิธีการแบบนี้ ขอให้กรณีของผม เป็นกรณีสุดท้าย ที่ถูกกระทำด้วยวิธีการรุนแรง ป่าเถื่อน โหดร้าย และไร้ความเป็นมนุษย์ ผมจะกลับมาแข็งแรงในเร็ววัน เพื่อรับใช้อุดมการณ์ประชาธิปไตย ตอบแทนคุณของประชาชน ที่มอบให้ในครั้งนี้ และทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา".