“ประยุทธ์” อารมณ์ดีแจกยิ้มให้สื่อ ย้ำกลางเดือนนี้เรียบร้อยหมด สวนหมัดพวกบอกล่าช้าไม่เข้าใจการทำงาน “บิ๊กป้อม” ยังแบ่งรับแบ่งสู้นั่งรองนายกฯ เก้าอี้เดียว “หม่อมเต่า” รับสุเทพเป็นผู้เจรจาโควตา อยู่ที่ไหนก็ได้ “อนุทิน” โวเดี๋ยวนี้เรือเหล็กต้องเคลือบสารเคมีก่อนยากเป็นสนิม ชี้หากทำความดีเพื่อประชาชนเสี่ยงปริ่มน้ำก็ไร้ปัญหา มั่นใจรัฐบาลใหม่มีนโยบายปลูกกัญชา 6 ต้นแน่ "ปรีดิยาธร" ชี้ยุคดิจิทัลการใช้ชีวิตก้าวหน้าไปไกล แต่การเมืองไทยถอยหลังไป 50 ปี ซัดผู้ปกครองที่เป็นทหารมีอภิสิทธิ์ชนเหนือคนธรรมดา แนะต้องใจเย็น มีสติ เปิดใจให้กว้าง
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ก.ค. เวลา 09.30 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 2/2562 โดยก่อนการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธตอบคำถามถึงการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทูลเกล้าฯ ถวาย โดยเพียงแต่ยิ้มให้สื่อมวลชนเท่านั้น
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานการประชุม โดยกล่าวก่อนเริ่มประชุมตอนหนึ่งว่า ที่ผ่านมาทำร่วมกันมาแล้วกว่า 5 ปี ซึ่งทุกคนให้เกียรติตนและให้เกียรติประชาชนในการทำงาน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการทำงานราชการและการขับเคลื่อนประเทศ ตามนโยบายรัฐบาลอย่างดีในช่วงเวลาที่ผ่านมา ขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็นคนเก่าหรือใหม่ และในฐานะที่ได้เป็นนายกฯ ต่อไป ก็หวังจะได้รับความร่วมมือจากทุกคนอีกครั้ง ซึ่งจะมีวิธีการทำงานแตกต่างกันออกไป แต่โดยพื้นฐานเน้นสานงานเดิมที่มีอยู่แล้ว โดยหวังว่าทุกคนจะเข้มแข็งไปกับนายกฯ ด้วย ในการทำให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปด้วยดี ไม่มีอุปสรรคเกิดขึ้นในการทำงาน ในห้วงเวลาต่อจากนี้
หลังจบการประชุม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอบถึงการนำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายว่า “เร็วๆ นี้ กลางเดือนนะจ๊ะ เรียบร้อยหมด” และเมื่อถามว่ากลางเดือน ก.ค.จะเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณได้ใช่หรือไม่ นายกฯ พยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “โปรดเกล้าฯ ลงมาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น อีกไม่นานหรอกจ้ะ อยู่ในห้วงเวลาทั้งหมดเลย ไม่มีเปลี่ยนอะไรเลยสักอัน ใครบอกว่า 3 เดือน ก็ดูสิว่า 3 เดือนที่ผ่านมาเขาทำอะไรกันบ้างล่ะ อย่าไปมองตรงนี้ 3 เดือนเลือกตั้งมาแล้ว ถ้าคิดแบบนี้ ไม่เข้าใจการทำงานว่าทำอะไรกันบ้าง”
เมื่อถามอีกว่า รายชื่อ ครม.ล่าสุดตรงกับที่สื่อรายงานหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที พร้อมกับบอกว่า ไปแล้ว
ขณะที่ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ในช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้เวลาประชุมเร่งรัดงานต่างๆ ซึ่งมีหลายเรื่องที่ต้องดำเนินการต่อเนื่อง ทั้งการพัฒนาประเทศและแก้ไขปัญหาของประชาชน แต่ได้ติดตามการถ่ายทอดสดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรทุกครั้ง เพื่อรับฟังเสียงสะท้อนของสมาชิกทุกคน โดยจะนำข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ไปดำเนินการอย่างดีที่สุด
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวปฏิเสธถึงรายชื่อ ครม.ว่า ไม่ทราบ และไม่รู้ว่ามีรายชื่อตนเองดำรงตำแหน่งใด เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องในการพิจารณา ส่วนที่สื่อมวลชนเสนอนั้นก็เป็นเรื่องสื่อเป็นคนตั้งกันเอง
ต่อมา พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงโผ ครม.ที่ดำรงตำแหน่งเพียงรองนายกฯ อย่างเดียวว่า “ไม่รู้ๆ” และเมื่อถามว่าตำแหน่งไหนก็พร้อมทำงานใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ก็แล้วแต่” ส่วนเพื่อลดงานโหลดหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวทันทีว่า “ก็เห็นสภาพอยู่แล้วว่ามันแย่”
เมื่อถามว่า จะคิดถึงกระทรวงกลาโหมหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบ “ก็อยู่มา 8 ปีแล้ว” จากนั้นสื่อได้แซวว่าอยู่ให้ครบ 10 ปีอีก 2 ปี พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “เฮ้ย พอแล้ว”
พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงกรณีที่มีชื่อนายธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็น รมว.แรงงาน ว่าไม่ทราบจริงๆ ซึ่งเป็นการแต่งตั้งกันเองของสื่อมวลชน
เมื่อถามถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เปรียบเทียนรัฐบาลชุดใหม่เป็นเรือเหล็กนั้น มองอย่างไร พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ได้มอง แต่ก็คงมองเหมือนนายวิษณุ
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลในส่วนของพรรค ภท.ว่า นิ่งมานานแล้ว โดยได้ส่งประวัติของว่าที่รัฐมนตรีของพรรคทั้ง 7 คน 8 ตำแหน่งไปครบถ้วนแล้ว ขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อกลับมา ส่วนกรณี น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ น้องสาวของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี ที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าถูกตีกลับนั้น ไม่มีอะไร ก็เคลียร์กันแล้ว
เมื่อถามว่า กังวลกรณีนายวิษณุมองว่ารัฐบาลชุดใหม่เป็นเหมือนเรือเหล็กที่อาจมีสนิมเนื้อในหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ก่อนทำเรือเขาได้เคลือบฟลินท์โค้ท สนิมขึ้นไม่ได้ เวลาทำเรื่องเหล็กต้องถามตน เพราะต้องมีหลายชั้น หลายขั้นตอน ไม่มีปัญหาหรอก ทำงานเพื่อบ้านเมืองอะไรดีก็ว่ากันไป อะไรไม่ดีต่อให้เสียงปริ่มน้ำหรือไม่ปริ่มน้ำก็ต้องค้านกัน รัฐบาลจะอยู่รอดได้ก็ต้องทำความดี ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทำงานเพื่อประชาชนและบ้านเมือง ถ้าทำแบบนี้ต่อให้มีเสียงเกินหนึ่งเสียงก็ไม่มีปัญหา แต่ว่าถ้าทำสิ่งที่ไม่ได้ความ ต่อให้เสียงเกินกึ่งหนึ่งก็พังมาให้เห็นหลายรัฐบาลแล้ว
ถามอีกว่า จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลเป็นกังวลหรือไม่นั้น นายอนุทินกล่าวว่า ไม่กังวล เพราะไม่ใช่เรื่องของเรา เพียงแต่อย่าทำให้ช้ามากกว่านี้เลย เพราะจากที่ลงพื้นที่ประชาชนก็ถามว่าเมื่อไหร่จะเข้ามาทำงานสักที ทั้งที่ผ่านการเลือกตั้งมาตั้งนานแล้ว ซึ่งคิดว่าก็คงใกล้แล้ว คงยืดไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ส่วนจะมองว่าอายุรัฐบาลจะอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือนนั้น เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เพราะไม่ได้กังวลเรื่องเวลา ทุกคนตั้งใจทำงานก็ไปได้ และเราทำในสิ่งที่ดีเราก็ต้องมั่นใจ ซึ่งพรรคก็ตั้งใจทำงานตามนโยบายที่ให้กับประชาชน เมื่อเข้าไปก็ทำงานได้ทันทีเลย
ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าจะได้รับตำแหน่งใดใน ครม. เพราะไม่ได้เป็นผู้เจรจา โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ สมาชิกพรรคเป็นตัวแทนเจรจา ซึ่งพรรคไม่ได้มีเงื่อนไขว่าต้องได้ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงใด ส่วนที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะไปนั่ง รมว.การต่างประเทศ แต่ล่าสุดมีชื่อ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.กต.เป็นต่อ ก็คิดว่าเหมาะสม เนื่องจากนายดอนกำลังปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการประชุมอาเซียน ซึ่งต้องใช้เวลาอีกหนึ่งปี และนายดอนเองทำได้ดีมาก หากเปลี่ยนตัวบุคคลก็คงแปลกมาก เพราะเพิ่งประชุมไปแล้วจะมาเปลี่ยนคน เขาไม่ทำกัน ถ้าย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้วจะเห็นว่าการประชุมมีปัญหาต้องหนีลงทะเล แต่ในครั้งนี้ทำได้ดีมาก
ม.ร.ว.จัตุมงคลยอมรับว่า หากได้ตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ จริงก็ไม่ติดใจ เนื่องจากเคยเป็นคณะกรรมการกฤษฎีกามานาน แต่ตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ มีฐานะที่แปลก เพราะไม่ใช่ตำแหน่งในกฎหมาย แต่งตั้งโดยฝ่ายบริหาร ทำให้ทำงานยาก และคิดว่าจะมีตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ 2 คนจึงยังไม่ทราบว่าใครจะรับผิดชอบหน่วยงานใด ส่วนที่วิจารณ์ว่าเหมาะสมกับกระทรวงการคลังมากกว่า เพราะเคยเป็นอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น ไม่ใช่ปัญหาของตนเอง แต่เป็นปัญหาของนายกฯ และพรรค
“ผมทำเท่าที่ทำได้ โดยในขณะนี้ก็หารือกันว่า หากรับตำแหน่งรัฐมนตรีแล้วต้องลาออกจากการเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เพื่อเปิดทางให้ผู้สมัครลำดับถัดไปได้ขึ้นมาเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เพื่อให้มีคนเข้ามาทำงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากพรรคเองมี ส.ส.น้อย จึงต้องปรับยุทธศาสตร์”
ม.ร.ว.จัตุมงคลยังกล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุวิจารณ์ว่า ครม.ชุดหน้าเปรียบเหมือนเรือเหล็กที่ต้องระวังสนิมเนื้อในว่า ไม่ทราบว่านายวิษณุพูดอย่างไร แต่ไม่ห่วงเรื่องสนิมเนื้อใน เพราะไม่ได้ลงทุนลงแรงอะไรมาก เขาชวน ก็เกาะเขาไปเท่านั้นเอง
ส่วนนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค พปชร.หนึ่งในทีมทำงานร่างนโยบายรัฐ กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดทำนโยบายรัฐบาลว่า ในส่วนของพรรค พปชร.กำลังเตรียมดำเนินการในเรื่องของตัวนโยบายแห่งรัฐที่ได้หารือไปได้ในระดับหนึ่งแล้ว เบื้องต้นได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยนำนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชนในช่วงเลือกตั้ง เช่น เรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาขยายผลต่อ เรื่องมารดาประชารัฐ เรื่องการดูแลหนี้สินของประชาชน โดยในสัปดาห์นี้พรรคร่วมรัฐบาลได้เริ่มทยอยส่งนโยบายมาที่พรรค พปชร. เพื่อร่วมจัดทำขึ้นเป็นนโยบายรัฐบาล
นายกอบศักดิ์กล่าวอีกว่า สิ่งที่พรรคร่วมรัฐบาลจะส่งมาให้นั้นมี 2 ส่วน คือ นโยบายเร่งด่วนที่จะทำในช่วง 1 ปีแรกใน 4 ภารกิจ ได้แก่ 1.การแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน 2.การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำและยกระดับระบบสวัสดิการ 3.การสร้างอนาคตให้ประชาชน และ 4.การแก้ปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า ส่วนนโยบายระยะยาวที่ต้องดำเนินการในช่วง 4 ปี อาทิ นโยบายด้านเศรษฐกิจ การศึกษา สังคม สาธารณสุข ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาล
“ขั้นต่อไปหลังจากพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคส่งนโยบายมาให้กับเราแล้ว จากนั้นจะเชิญตัวแทนของแต่ละพรรคการเมืองมาร่วมกันร่างนโยบายรัฐบาล ซึ่งต้องแถลงต่อรัฐสภาภายใน 15 วัน หลังจากที่ ครม.ถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว” นายกอบศักดิ์กล่าว
ขณะที่นายอนุทินกล่าวว่า ในวันที่ 5 ก.ค. จะเดินทางไปยัง รพ.อภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี เพื่อหารือเรื่องการใช้กัญชาในการรักษาโรค เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่าเราได้ทำตามนโยบายที่หาเสียง ในอนาคตจะได้เลือกเรากลับมาอีก ซึ่งมั่นใจว่านโยบายที่สนับสนุนให้ประชาชนปลูกกัญชาครอบครัวละ 6 ต้น จะได้บรรจุไว้ในนโยบายของรัฐบาล ส่วนที่นายกฯ เคยระบุว่าไม่เห็นด้วยนั้น ก็เป็นการพูดโดยทั่วไป ซึ่งที่ผ่านมาได้มีโอกาสพูดกับนายกฯ แล้ว ท่านก็มีความเห็นด้วยว่าพร้อมผลักดันเรื่องนี้
“ขอเน้นว่านโยบายของพรรคเป็นการให้ประชาชนปลูกเพื่อการแพทย์ และเพื่อการรักษาโรคเป็นหลัก ส่วนจะทำให้เป็นรูปธรรมได้ขนาดไหน หลังจากที่ได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขแล้วก็จะผลักดันให้ถึงที่สุด ส่วนไหนที่สามารถทำได้โดยตำแหน่ง ไม่ว่าจะประกาศของกระทรวง หรือการแจ้งไปยัง ครม. ก็สามารถดำเนินการได้เลย ส่วนไหนที่จะไปแก้ไขกฎหมาย หรือตราพระราชบัญญัติขึ้นใหม่มาก็จะดำเนินการตามกระบวนการไป” นายอนุทินกล่าว
วันเดียวกัน ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถนนสามเสน สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ จัดงานครบรอบ 22 ปี โดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “มาตรฐาน ความเป็นมืออาชีพของสื่อมวลชนในยุคดิจิทัล” ตอนหนึ่งว่า ในยุคดิจิทัล เราติดต่อกันได้ เร็วขึ้นทุกรูปแบบ การหาข้อมูลก็ง่ายสะดวก เกิด AI หรือสมองเทียม ซึ่งมาช่วยทำในสิ่งที่คิดว่าจะทำไม่ได้มาก่อน เราก้าวหน้าไปไกลมาก และประเทศไทยเองได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีมาก
"อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเสียใจในการใช้ชีวิตก้าวหน้า แต่ก็มีสิ่งที่ถอยหลังไป 50 ปี คือการเมืองไทย ซึ่งน่าเศร้า รู้สึกเหมือนตอนอยู่ที่ธรรมศาสตร์ ปี 2510 ก่อนช่วง 2514 และ 2519 โดยสิ่งที่มีความรู้สึกเหมือนกันคือ กลุ่มผู้ปกครองที่เป็นทหาร ทำไมถึงมีอภิสิทธิ์เหนือประชาชนคนธรรมดา และตอนนั้นมีเหตุขวากระแทกซ้าย ซึ่งเป็นเรื่องน่าห่วง ไม่อยากให้เลยเถิดไปกว่านี้อีกเลย อยากให้ฝ่ายปกครองที่เป็นพี่ใหญ่ใช้ความเฉลียวฉลาดให้มากกว่านี้"
ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวต่อว่า ในอดีตเคยเจอ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช สมัยเป็นนายกฯ ท่านบอกเพิ่งกลับมาจากการพบกรรมการจากสมุทรสาคร โดยคนที่พามาก็เป็นอดีตผู้นำนักศึกษา ซึ่งบอกว่าเราต้องให้เกียรติเขา ส่วนตัวก็อยากให้ผู้ปกครองคิดอะไรแบบนี้ เปิดกว้างรับฟังเห็นเป็นคนไทยด้วยกัน ไม่ใช่คิดว่าเขาจะมาคิดทำลายชาติ เขาอาจจะก้าวหน้าไปนิด คิดไม่ทัน หรือหากคิดไม่ดีก็พัง ก็เตือนเพราะเป็นคนไทยด้วยกัน ไม่อยากให้ไปไกลกว่านี้ ทางแก้ทางเดียวฝ่ายปกครองที่เป็นผู้ใหญ่ต้องใจเย็น มีสติ เปิดใจให้กว้าง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |