4 ก.ค. 62 - นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊กโดยมีเนื้อหาดังนี้
ครม.ทักษิณที่มีมติให้เอกชนหักภาษีสรรพสามิตจากค่าสัมปทานมือถือ ไปต่อได้หรือไม่?”
ในปี ๒๕๕๓ ไม่มีคดีใด ที่สำคัญเท่ากับคดียึดทรัพย์คุณทักษิณ ศาลวินิจฉัยว่ารัฐบาลคุณทักษิณออกมาตรการที่เอื้อประโยชน์แก่บริษัทเอกชน
ถ้าคุณทักษิณไม่เป็นเจ้าของบริษัทเอกชนนั้น รัฐก็จะไม่มีสิทธิยึดทรัพย์ แต่บังเอิญเกิดมีเอกสารหลักฐาน ที่แสดงว่าคุณทักษิณเป็นเจ้าของ จึงนำไปสู่การยึดทรัพย์
ช่วงนั้นผมเป็นเลขาธิการ ก.ล.ต. และ ก.ล.ต.สิงค์โปรได้ส่งข้อมูลนี้มาให้ตามข้อตกลงช่วยเหลือกันระหว่างประเทศ
เมื่อปรากฎหลักฐานว่าคุณทักษิณเป็นเจ้าของบริษัทนี้ เจ้าหน้าที่ ก.ล.ต.จึงต้องเป็นผู้ให้ข้อมูลและประสานงานกับ คตส.
คำพิพากษาระบุว่า เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕ คุณทักษิณเริ่มกระบวนการตรากฎหมาย แก้ไขพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
จนกระทั่งมีการตราพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.๒๕๒๗ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๔๖ และพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.๒๕๒๗ พ.ศ.๒๕๔๖
ต่อมามีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ อนุญาตให้หักค่าภาษีสรรพสามิตออกจากส่วนแบ่งรายได้ที่เอกชนต้องนำส่งให้ภาครัฐ
ศาลวินิจฉัยว่า มาตรการดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบธุรกิจรายใหม่เสียเปรียบ เพราะนอกจากต้องเสียค่าธรรมเนียมและค่าบริการให้แก่องค์กรรัฐแล้ว ยังต้องเสียภาษีสรรพสามิตอีกด้วย
ทั้งที่ผู้ประกอบธุรกิจรายใหม่ยังไม่มีลูกค้าเลยหรือมีลูกค้าน้อยกว่าบริษัทซึ่งครองตลาดอยู่ก่อนแล้ว
“การดำเนินการของคณะรัฐมนตรีที่มีผู้ถูกกล่าวหาเป็นนายกรัฐมนตรี ในการมีมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว จึงเป็นการเอื้อประโยชน์แก่บริษัทชินคอร์ปและเป็นเหตุให้รัฐได้รับความเสียหาย”
คำพิพากษาระบุเช่นนี้ (ดูรูป)
และคำว่า ‘คณะรัฐมนตรีที่มีผู้ถูกกล่าวหาเป็นนายกรัฐมนตรี’ ย่อมไม่ใช่หมายถึงเฉพาะคุณทักษิณ แต่หมายถึงทุกคนในคณะรัฐมนตรี
เดิมคดีนี้หยุดการพิจารณาไว้ก่อน เพราะผู้ต้องหาหลบหนี แต่หลังจากมีการแก้ไขกฎหมาย ศาลก็พิจารณาใหม่ลับหลังได้ และไม่กี่เดือนมานี้ ผมได้ไปเป็นพยานอีกครั้งหนึ่ง
ผมมีความเห็นว่า การออกพระราชกำหนด ๒ ฉบับนั้น ไม่ผิด
แต่ผมเห็นว่าจุดที่มีความผิด คือมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖
เพราะกฎหมายด้านการคลัง ไม่มีข้อใดที่อนุญาตให้เอาภาษีสรรพสามิต ไปหักออกจากรายได้ที่คู่สัญญาจะต้องนำส่งให้แก่ภาครัฐ หรือหักออกจากรายการอื่นใดที่มิได้อยู่ในกฎหมายสรรพสามิต
จึงถามคำถามสำคัญว่า นอกจากคุณทักษิณแล้ว ยังมีบุคคลอื่นที่ต้องรับผิดในกรณีนี้ หรือไม่?
มีคำถามว่า ครม.คุณทักษิณ ณ วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ ทั้งคณะ อาจต้องรับผิด ไม่ว่าในฐานะเป็นผู้ร่วมกระทำผิด หรือในฐานะผู้สนับสนุน หรือไม่? มีการสอบสวนประเด็นนี้ หรือยัง?
ข้อมูลในวิกิพีเดียซึ่งผมยังไม่ได้ตรวจสอบกับแหล่งทางการระบุว่า ผู้ที่มีข่าวจะเข้าร่วมรัฐบาลประยุทธ์ ๒ ซึ่ง ณ วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ อยู่ใน ครม.คุณทักษิณด้วยนั้น มีตำแหน่ง ดังนี้
(๑) วิษณุ เครืองาม/รองนายกรัฐมนตรี
(๒) สมคิด จาตุศรีพิทักษ์/รองนายกรัฐมนตรี
(๓) สมศักดิ์ เทพสุทิน/รัฐมนตรีเกษตร
(๔) สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ/รัฐมนตรีคมนาคม
จึงให้ไว้เป็นข้อมูล เพื่อจะมีการบริหารจัดการเรื่องความเสี่ยงต่อการบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างรัดกุม.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |