ทูตจีน: คนสายตาไกล ย่อมไม่กลัวเมฆบังตา


เพิ่มเพื่อน    

    สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนทำให้เกิดวาทกรรมของทั้งสองฝ่ายอย่างดุเดือดมาตลอด ไทยจะปรับตัวให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปรอย่างไรเป็นเรื่องที่เราต้องให้ความสนใจตลอดเวลา
    วันก่อนผมได้อ่านบทความของคุณหลู่ย์ เจี้ยน เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยที่น่าสนใจ 
    เพราะเป็นการสะท้อนถึงวิธีคิดและจุดยืนของรัฐบาลจีนได้อย่างน่าสนใจยิ่ง จึงขอนำมาถ่ายทอดต่อให้ได้อ่านกัน
    แม้ว่าบทความนี้จะเขียนก่อนที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กับ โดนัลด์ ทรัมป์ จะนัดเจอกันที่โอซากา  นอกรอบจากการประชุม G 20 แต่เนื้อหาและแนววิเคราะห์ของท่านทูตจีนก็สะท้อนถึงวิธีคิดวิเคราะห์ของจีนอย่างดียิ่ง
    ท่านทูตเขียนว่า
    ปัจจุบันเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศปรากฏแนวโน้มชะลอตัวลง ความไม่แน่นอนได้เพิ่มขึ้น ต้นเหตุสำคัญที่สุดของความเสี่ยงนี้เกิดจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ก่อสงครามการค้าขึ้นโดยฝ่ายเดียว เป็นภัยคุกคามอย่างรุนแรงต่อความรุ่งเรืองและความมั่นคงทั่วโลกโดยเฉพาะในทวีปเอเชีย 
    ในช่วงเวลาหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้เพิ่มภาษีศุลกากรขนาดใหญ่ต่อจีนสองครั้ง และกดขี่รังแกบริษัทจีนอย่างหัวเว่ยโดยไม่มีเหตุผล นอกจากนี้ระบบการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ของอินเดียถูกสหรัฐฯ ยกเลิกหมด สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าไทย 11 ชนิดที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ก็ถูกยกเลิก เวียดนาม, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และอีกหลายประเทศถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีในรายชื่อติดตามอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับพฤติกรรมเข้าข่ายบิดเบือนค่าเงินประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ได้รับผลกระทบจากการส่งออกและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง เป็นผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำฝ่ายเดียวและอนุรักษนิยม
    เมื่อเผชิญกับความท้าทายจากสงครามการค้า สังคมโลกกำลังยืนอยู่ในสี่แยกอีกครั้ง เราจักสนับสนุนระบบพหุภาคีหรือเอาการกระทำแต่ฝ่ายเดียว เราจักส่งเสริมการค้าเสรีหรือเอาอนุรักษนิยม เราจักยึดมั่นในหลักการหรือยอมแพ้?
    คนที่มีวิสัยทัศน์อันยาวไกลนั้นย่อมจะไม่กลัวเมฆบังตา เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าโลกาภิวัตน์และระบบพหุภาคียังเป็นกระแสแห่งยุคสมัยที่มิอาจพลิกกลับได้ การที่เลือกมองไปข้างหน้า เลือกร่วมมือและชนะด้วยกัน เลือกหารืออย่างเสมอภาคและเลือกดูแลข้อห่วงใยซึ่งกันและกันอย่างสมดุล จึงจักสอดคล้องกับผลประโยชน์ของทุกฝ่ายและความคาดหวังของโลก นอกจากนี้ไม่มีทางอื่น
    ฝ่ายจีนเห็นว่าสงครามการค้าไม่มีผู้ชนะ เราได้ยึดจุดยืนในการเจรจาอย่างเสมอภาค เอื้อประโยชน์ต่อกัน มีความน่าเชื่อถือเพื่อที่จะบรรลุข้อตกลงในลักษณะวิน-วินกับสหรัฐฯ แต่เป็นที่น่าเสียดายรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ทำผิดคำสัญญาครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้การเจรจาทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ มากมาย อย่างนี้ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย สงครามการค้าไม่สามารถทำให้สหรัฐฯ ยิ่งใหญ่อีกครั้ง
    ปัจจุบันการเติบโตทางเศรษฐกิจและการส่งออกของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงหมด การเพิ่มภาษีศุลกากรต่อจีนกลับเพิ่มภาระมากขึ้นให้ผู้บริโภคสหรัฐฯ เสียงคัดค้านการเพิ่มภาษีศุลกากรในสหรัฐฯ ดังมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไม่นานมานี้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้คุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีทรัมป์เสนอที่จะพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อีกครั้งระหว่างการประชุมสุดยอด G 20 ที่เมืองโอซากา ซึ่งประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก็เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ ฝ่ายจีนหวังว่าสหรัฐฯ จะมุ่งหน้าไปในทางเดียวกับเราเพื่อแก้ไขปัญหาด้วยการหารืออย่างเสมอภาค
    ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร จุดยืนพื้นฐานของจีนที่ไม่อยากมีสงครามการค้าและไม่กลัวสงครามการค้านั้นจะไม่เปลี่ยน ฝ่ายจีนพูดอย่างนี้และทำอย่างนี้ด้วยเรามีความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ในการรับมือกับความท้าทายและความเสี่ยงต่างๆ ปีนี้เป็นการครบรอบ 70 ปีแห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน 70 ปีที่ผ่านมาประเทศจีนเปรียบเหมือนเรือยักษ์ลำหนึ่ง ที่ได้ฟันฝ่าอุปสรรคการปิดล้อมทางเศรษฐกิจและคลื่นใหญ่ลมแรงความก้าวหน้าไม่เคยหยุดยั้ง ทุกวันนี้จีนได้เป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับที่ 2 ของโลก การบริโภคและอุปโภคภายในประเทศได้แสดงบทบาทที่เป็นหัวจักรในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้นทุกวัน การลงทุนในการวิจัยและพัฒนาอยู่ที่อันดับ 2 ของโลก เศรษฐกิจจีนจักพัฒนาต่อไปอย่างมีคุณภาพสูง 
    เมื่อมองไปข้างหน้าภายใต้การนำอย่างเข้มแข็งของคณะกรรมการส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์  จีนซึ่งมีประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นศูนย์กลางประชาชน จะยึดมั่นในการผลักดันการปฏิรูปในเชิงลึกและขยายการเปิดประเทศอย่างต่อเนื่อง ประเทศจีนที่มีความเข้มแข็ง หนักแน่น เปิดกว้าง และมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นนั้นย่อมจะสร้างคุณูปการสำคัญยิ่งขึ้นต่อการพัฒนาของโลก และความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างแน่นอน  
    การที่เศรษฐกิจเอเชียได้มีความเจริญก้าวหน้านั้นเป็นผลมาจากทุกๆ ประเทศในเอเชียยึดมั่นในแนวคิดที่เปิดออกและเปิดกว้าง ดำเนินความร่วมมือที่ชนะด้วยกัน เป็นผลที่มาจากทุกๆ ประเทศได้ร่วมกันรักษาระบบพหุภาคีและกลไกการค้าเสรีที่ยึดกติกาเป็นพื้นฐาน 
    เมื่อเร็วฯ นี้ผู้นำประเทศเอเชียหลายท่านได้กล่าวคัดค้านการกระทำฝ่ายเดียวและอนุรักษนิยม มุ่งหวังในการส่งเสริมความร่วมมือในภูมิภาค ซึ่งได้สะท้อนให้เห็นถึงความปรารถนาด้วยกันของประเทศต่างๆ ในภูมิภาค
    ประเทศไทยในฐานะที่เป็นประธานอาเซียน ได้สร้างคุณูปการอันสำคัญในการส่งเสริมการค้าเสรีในภูมิภาค และความร่วมมือระหว่างจีน-อาเซียน ซึ่งฝ่ายจีนขอชื่นชมอย่างสูงและสนับสนุนอย่างแข็งขัน จีนมีสุภาษิตว่าริมฝีปากพึ่งฟัน ไทยมีสุภาษิตว่าน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ย้ำมาหลายครั้งว่าประตูเปิดสู่ประเทศจีนจะไม่มีทางปิด มีแต่เปิดกว้างยิ่งขึ้น เรายินดีที่จะเปิดกว้างต่อประเทศไทยและหุ้นส่วนในภูมิภาคมากยิ่งขึ้น เพื่อส่งเสริมความร่วมในการพัฒนาหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง และความร่วมมือเชิงรูปธรรมในทุกมิติ เพื่อพัฒนาทวีปเอเชียที่เราอยู่ด้วยกันให้เป็นประชาคมทางเศรษฐกิจ และร่วมกำหนดอนาคตที่มีเสถียรภาพ สร้างความรุ่งเรืองและเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น นำทางให้การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกได้เปิดกว้างเพื่อก้าวขึ้นสู่ระดับใหม่.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"