วันที่ 3 ก.ค. นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มีการดำเนินการกระจายอำนาจให้สถานศึกษาได้สามารถสร้างนวัตกรรมการจัดการศึกษาปฐมวัยตามแนวคิดไฮสโคป (High Scope) สำหรับแนวคิดดังกล่าว คือ การทำให้เด็กเรียนรู้ประสบการณ์ตรงผ่านการเล่น แต่การเล่นนั้นจะผ่านกระบวนการ 3 กระบวนการ ได้แก่ Plan  Do และ Review ทำให้เด็กรู้จักการวางแผนการเล่น ปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ และจากนั้นให้เด็กมาทบทวนว่าได้เล่นไปตามแผนที่วางไว้หรือไม่ มีปัญหาอุปสรรคอย่างไร ตามขั้นตอน ขณะนี้ สพฐ.ได้อบรมพัฒนาบุคลากร โรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัด 81 โรงเรียน และโรงเรียนอนุบาลประจำเขตพื้นที่ 183 โรง อีกทั้งคัดเลือกโรงเรียนศูนย์พัฒนาการจัดการศึกษาปฐมวัยตามแนวคิด ไฮสโคป 19 โรง ตามกลุ่มคัตเตอร์ (Cluster) ของ สพฐ. จะทำหน้าที่เป็นต้นแบบ เรื่องการจัดสรรงบประมาณ การพัฒนาครูระดับปฐมวัย ซึ่ง สพฐ. ได้สนับสนุนงบประมาณให้กับโรงเรียนทั้ง 19 โรง เพื่อใช้จัดสภาพแวดล้อมในชั้นเรียนและพัฒนาองค์ความรู้แก่ครูผู้สอนและผู้ปกครอง จำนวน 250,000 บาทต่อศูนย์ จากนี้ สพฐ.จะติดตามการดำเนินการ โดยเชิญผู้บริหารโรงเรียนทั้ง 19 แห่ง มาสนทนาแบบกลุ่มเพื่อรับฟังปัญหาอุปสรรคและนำไปสู่การแก้ไข
    “ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 กำหนดสมรรถนะของเด็กให้สามารถคิดและแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยีเป็น มีทักษะชีวิต ประกอบกับนโยบายรัฐบาลจะมุ่งให้เด็กคิดวิเคราะห์และวางแผนเป็น รวมทั้งเป็นเด็กที่มีทักษะชีวิตที่นำไปสู่ศตวรรษที่ 21 ได้จะต้องเป็นเด็กฉลาดทั้งสมอง ร่างกาย และจิตใจ ซึ่งการจัดการศึกษาปฐมวัยตามแนวคิดไฮสโคป เป็นแนวคิดที่ดีจะทำให้เด็กได้คิดวางแผนในการเล่นด้วยตัวเอง เมื่อเด็กได้ฝึกการวางแผนตั้งแต่เล็กๆ จะสามารถนำไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตได้ และการลงทุนจัดการศึกษาที่ดีให้กับเด็ก โดยเฉพาะระดับปฐมวัย ผลวิจัยระบุว่า จะสามารถมีผลตอบแทนกลับคืนถึง 7 เท่าของต้นทุน ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ผมเชื่อว่า เด็กกลุ่มนี้ในอนาคตจะประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพ  เป็นผู้มีรายได้สูง ลดการก่ออาชญากรรม”เลขาฯ กพฐ.กล่าว