3 ก.ค. 62 – ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ  เข้ายื่นคำร้องถึงนายทะเบียนพรรคการเมือง หลังจากที่มีหนังสือแจ้งกลับข้อร้องเรียนใน 5 คำร้อง ว่า  หลังจากเห็นคำชี้แจงของนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว บางส่วนเห็นด้วย และมีบางส่วนที่ไม่เห็นด้วย เพราะในบางคำตอบยังไม่สะเด็ดน้ำ    โดยเฉพาะในสองเรื่อง คือ กรณีโต๊ะจีน และเรื่องที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ  

โดยเห็นว่าในเรื่องโต๊ะจีน ที่ตนร้องเรียนว่ามีมูลค่าสูงเกินจริงหรือไม่ แต่ที่น่าสังเกตว่าการจัดโต๊ะจีนในวันที่ 19 ธ.ค. 2561 หลังจากระดมทุนแล้ว มีการแจ้งผลการระดมทุนต่อ กกต.หรือไม่  รวมถึงในวันที่ 31 ธ.ค.ของทุกปี พรรคการเมืองจะต้องปิดบัญชีค่าใช้จ่าย พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้มีการชี้แจงการปิดบัญชีแล้วหรือไม่ เพราะต้องทำให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 เม.ย. 2562  แต่นี่เดือนต้นเดือนก.ค.แล้ว ถ้าไม่มีการรายงานมาต้องเสียค่าปรับ และเอาผิดกรรมการบริหารพรรคตามกฎหมาย จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันติดตามเรื่องการปิดบัญชีว่าจะมีการรายงานเรื่องโต๊ะจีนมาด้วยหรือไม่  ว่ามีหน่วยงานไหนบริจาค หรือมีค่าใช้จ่ายเท่าใด

นายเรืองไกร ยังกล่าวด้วยว่า มีกระแสข่าวเรื่องการจ่ายเงิน 500-600 ล้านบาท  ให้กับหัวหน้ากลุ่มต่างๆ ในพรรคพลังประชารัฐ ในเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรี  ซึ่งเงินดังกล่าวมีการลงในบัญชีของพรรคหรือไม่ และอยากจะรบกวนนายทะเบียนพรรคเปิดเผยบัญชีของพรรคพลังประชารัฐด้วย เพื่อที่ตนจะได้ช่วยตรวจสอบ เพราะหากอะไรถูกต้องจะได้ช่วยยืนยัน เชื่อว่าน่าจะมีอะไรในกอไผ่

“ขอให้นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค พปชร. และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ชี้แจงข้อมูล ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ส่งเอกสารตั้งแต่การตั้งพรรค จนปิดบัญชี ว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าใด รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง” นายเรืองไกร ระบุ 

ส่วนกรณีการเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น นายทะเบียนพรรคการเมืองตอบมาแบบไม่ฟันธง เพราะทุกพรรคการเมืองก็เสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 88  กับ มาตรา 89 ทั้งสิ้น  เชื่อว่าประเด็นนี้จะมีปัญหาตามมา เพราะขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับโปรดเกล้าฯ และอยู่ระหว่างนำชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งยังมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติติดตัวอยู่ ทั้งนี้จะนำข้อมูลของศาลปกครอง กกต. และศาลรัฐธรรมนูญมาประมวล  โดยเฉพาะคำวินิจฉัยของเจ้าหน้าที่รัฐคดีอื่นๆ  และจะไปตรวจสอบการใช้งบประมาณช่วง 5 ปีที่ผ่านมาของกระทรวงกลาโหม รวมถึงการแจ้งความจับผู้ที่ฝ่าฝืนว่าโดยการไปแจ้งความในนาม คสช.ได้อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่  เชื่อว่าจะเป็นปัญหาที่ไม่จบของ พล.อ.ประยุทธ์.