"บิ๊กตู่" ลั่นไม่ใช่ศัตรู "จ่านิว" สั่ง "ผบ.ตร." คลี่คลายคดีให้ดีที่สุด พร้อมช่วยเหลือทุกด้าน ชุดสืบสวนไล่วงจรปิด 20 ตัวถึงย่านวิภาวดี แต่ยังไม่เห็นหน้า "แม่จ่านิว" บุก สตช.จี้เร่งจับคนร้าย พอใจคดีคืบหน้า เชื่อปมเหตุลูกเคลื่อนไหวการเมือง "เพนกวิน" อ้างตัวเองก็โดนโทร.ขู่ห้ามจัดกิจกรรม "เหลิม" ควงลูกชายปัดไม่เกี่ยวทุบนิว ซัดไอโอรัฐบาลปล่อยข่าวให้ร้าย ปูดมีนายตำรวจให้ 2 ใน 4 ชายฉกรรจ์ซุกซ่อนที่บ้านพัก ขู่สีกากีไม่ตั้งใจทำคดีอำนาจเปลี่ยนมือเจอคุกแน่
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 2 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงคดีนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมือง ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณปากซอยรามอินทรา 109 (ซ.พระยาสุเรนทร์) แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ว่าได้กำชับไปแล้ว โดยเฉพาะในที่ประชุม คสช. ได้สั่งการกับพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ติดตามดูแลเรื่องนี้อย่างดีที่สุด เช่นเดียวกับคดีอื่นๆ และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปเยี่ยมเยียน ดูแลความต้องการของจ่านิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษาพยาบาลต่างๆ ต้องดูแลให้ดีที่สุด
"ผมไม่ใช่ศัตรูของเขา ตอนนี้มีผลกระทบมากในสังคมของเราอยู่แล้ว การทำร้ายซึ่งกันและกันมันไม่ควรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม" พล.อ.ประยุทธ์กล่าวพร้อมแซวว่า “จ่านิวก็เป็นจ่า ยังไม่เป็นหมวดเสียที ผมก็ยินดีกับเขาด้วย ที่จะไปเรียนต่างประเทศ วันนี้ก็ให้คนไปเยี่ยมแล้ว และดูว่าเขาต้องการอะไรหรือไม่ คงไม่มีอะไรแล้วมั้ง"
ขณะที่ความคืบหน้าทางคดี พนักงานสอบสวนและฝ่ายสืบสวน กองบังคับตำรวจนครบาล 3(บก.น.3) ได้สอบปากคำพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมถึงนายสิรวิชญ์ไปแล้ว 4-5 ปาก ซึ่งขณะนี้ได้ข้อมูลมากพอสมควร และทั้งหมดให้การไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะรูปพรรณคนร้ายว่ามีการแต่งกายมิดชิด รูปร่างสันทัด แต่ยังไม่ยืนยันว่าอาวุธที่ใช้ก่อเหตุเป็นอาวุธชนิดใด
"การสอบปากคำนายสิรวิชญ์เมื่อวันที่ 1 ก.ค.62 ที่ผ่านมา เจ้าตัวเชื่อว่ามูลเหตุของการถูกทำร้ายร่างกายครั้งนี้เกิดจากการแสดงจุดยืนทางการเมือง และยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินกู้นอกระบบ เพราะไม่มีหนี้สิน และพ่อได้เสียชีวิตไปแล้ว 8 ปี ซึ่งหนี้ของพ่อที่ได้ยืมจากคนรู้จักและชดใช้คืนจนหมดไปนานแล้ว แต่จ่านิวยังไม่ทราบตัวบุคคลและอาวุธที่ใช้ก่อเหตุที่ชัดเจน ตำรวจจึงเชื่อว่ามูลก่อเหตุไม่เกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบ และ 1 ในคนร้ายก็ไม่ได้เป็นลูกน้องนักการเมือง ซึ่งพนักงานสอบสวนหมดข้อสงสัยในประเด็นที่จะสอบปากคำนายสิรวิชญ์เบื้องต้นหมดแล้ว" แหล่งข่าวฝ่ายสืบสวนระบุ
นอกจากนี้ ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายอีกครั้ง โดยตรวจสอบกล้องวงจรปิดไปแล้วกว่า 20 ตัว ซึ่งได้ไล่กล้องวงจรปิดไปใกล้เคียงพื้นที่ย่านวิภาวดี โดยตลอดเส้นทางที่กล้องสามารถจับภาพได้นั้น ยังไม่เห็นใบหน้าคนร้าย เพราะสวมหมวกกันน็อกเต็มใบปิดบังใบหน้า
"ภาพที่ได้จากกล้องชัดเจน แต่ก็ต้องรอยืนยันเรื่องช่วงเวลาของกล้องแต่ละตัวที่คลาดเคลื่อนไม่ตรงกัน ซึ่งจะต้องนำมาเทียบเคียงเวลาให้ชัดเจนก่อน" ตำรวจฝ่ายสืบสวนระบุ
แม่ชี้ปมการเมืองทุบนิว
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เวลา 15.00 น. นางพัฒน์นรี ชาญกิจ มารดาของจ่านิว เดินทางมายื่นหนังสือเรียกร้องต่อ ผบ.ตร. ให้ตำรวจเร่งรัดติดตามคนร้ายที่รุมทำร้ายจ่านิวที่ตอนนี้ยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี
นางพัฒน์นรีกล่าวว่า ตนและลูกไม่เคยกู้เงินนอกระบบจนเป็นเหตุให้แก๊งทวงหนี้มารุมทำร้าย ซึ่งส่วนตัวยังให้น้ำหนักที่เรื่องการเคลื่อนไหวทางการเมืองของลูก เพราะเกือบทั้งชีวิตก็มีแค่เรื่องนี้ จึงอยากให้ตำรวจเร่งรัดติดตามตัวคนร้ายมาสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงว่าเป็นกลุ่มใด ที่ผ่านมามองว่าการทำงานของตำรวจก็เป็นที่น่าพอใจ เพราะพบพยานหลักฐานต่อเนื่อง ทั้งกล้องวงจรปิดในจุดต่างๆ
"เรื่องที่เกิดกระแสว่าเป็นกลุ่มคนที่มีแนวคิดเดียวกับลูกมาทำร้ายร่างกาย เพื่อสร้างกระแสดิสเครดิตฝ่ายรัฐบาลที่ลูกต่อต้านนั้น มองว่าต่อให้เป็นฝ่ายใดเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการทำร้าย ก็มองว่าไม่คุ้ม เพราะลูกไม่ได้เป็นบุคคลทั่วไป แต่เป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีคนรู้จัก" นางพัฒน์นรีกล่าว
แม่จ่านิวกล่าวว่า ได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยของตัวเอง เพราะตอนนี้หลังเกิดเรื่องขึ้นก็รู้สึกว่าถูกคุกคาม เพราะมีผู้สื่อข่าวติดตามไปทำข่าวที่บ้านจนรู้สึกว่าจะไม่ปลอดภัย จึงขอร้องให้สื่อมวลชนโทรศัพท์นัดหมายในการสัมภาษณ์และให้ข้อมูลนอกบ้าน ส่วนอาการจ่านิว แพทย์บอกว่าไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง แต่ส่วนตัวแม่ยังกังวลเรื่องบาดแผลบริเวณดวงตาอยู่
"นิวยังอยู่ระหว่างพักฟื้นเพราะเพิ่งผ่าตัดยกจมูก ยังคงมีเลือดไหลซึมอยู่บ้าง โดยแพทย์ได้เจาะระบายเลือดจากดวงตา ซึ่งตราบใดที่ดวงตานิวยังมองเห็นไม่ชัด ก็มีความเป็นห่วง แต่ที่สำคัญขอให้อยู่ที่กำลังใจ ให้เขากลับมาใช้ชีวิตปกติได้โดยเร็ว ซึ่งหลังออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ก็จะให้นิวไปเรียนทุนที่อินเดียอย่างเร็วที่สุด ซึ่งมีผู้ใหญ่ช่วยประสานให้เลื่อนรายงานตัวในเดือนสิงหาคมนี้ไปก่อน โดยจะเปลี่ยนแผนจากเดิมที่จะไปรายงานตัวแล้วค่อยกลับมาไทย ก็จะให้ไปอยู่รอจนเปิดภาคเรียน" แม่จ่านิวกล่าว
ก่อนหน้านั้น ในเวลา 11.00 น. น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด และนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน พร้อมกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยร่วมกับสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ก็เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ในชื่อ “ร่วมไว้อาลัย ยุติธรรมไทยไม่คุ้มครองผู้เห็นต่าง” เพื่อไว้อาลัยแก่กระบวนการยุติธรรม หลังเกิดเหตุนักกิจกรรมการเมืองถูกทำร้ายร่างกายอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่นายเอกชัย หงส์กังวาน, นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือฟอร์ด เส้นทางสีแดง ล่าสุดคือจ่านิว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มที่เดินทางมาครั้งนี้ต่างสวมชุดดำ และร่วมกันชูสักลักษณ์ 3 นิ้ว พร้อมถือดอกไม้จันทน์และป้ายเขียนข้อความระบุ “หยุดคุกคามประชาชน หยุดทำร้ายคนเห็นต่าง” ก่อนตัวแทนกลุ่มจะมอบพวงหรีดเขียนข้อความ “ไว้อาลัยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” มีพ.ต.อ.อัศวยุทธ นุชพุ่ม รองผบก.น.6 เป็นตัวแทนรับหนังสือ
น.ส.ชลธิชากล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงถึงความล้มเหลวของ คสช. ที่ปล่อยปละละเลยให้มีการทำร้ายประชาชนที่อยู่ขั้วการเมืองตรงข้ามซ้ำแล้วซ้ำเล่า สะท้อนถึงความล้มเหลวของตำรวจและกระบวนการยุติธรรมไทยที่ไร้ประสิทธิภาพในการคุ้มครองชีวิตประชาชน และทำให้ผู้ก่อเหตุ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย จึงขอเรียกร้องให้ ผบ.ตร.เร่งรัดสืบหาผู้กระทำผิดในคดีลอบทำร้ายร่างกายนักกิจกรรม โดยเฉพาะคดีของจ่านิว มาดำเนินคดีทางกฎหมายภายใน 7 วัน เพราะเหตุแรกเพิ่งเกิดเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ก่อนในวันที่ 28 มิ.ย. จะถูกทำร้ายซ้ำ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับความปลอดภัยและความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของประชาชนทุกฝ่ายอย่างเสมอภาค
ปูด ตร.ให้ที่พักคนร้าย
ส่วนนายพริษฐ์กล่าวว่า เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาก่อนจ่านิวถูกทำร้ายร่างกาย ได้มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งบอกว่ามีคนจ้องเพนกวินกับจ่านิวอยู่ แต่ตนไม่ได้คิดอะไร กระทั่งจ่านิวถูกทำร้าย จากนั้นก็มีโทรศัพท์ข่มขู่หากยังมีการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหว
"การกระทำดังกล่าวเป็นการยกระดับความขัดแย้งในสังคมไทย ผมทำกิจกรรมทางการเมืองมา 4 ปี เลวร้ายที่สุด แค่ถูกตั้งข้อกล่าวหาดำเนินคดี แต่ตอนนี้ใครที่ออกมาต่อต้านแสดงความเห็นต่างไม่ใช่ถูกดำเนินคดีเท่านั้น แต่กลับถูกความรุนแรงนอกกฎหมายทำร้าย และสักวันอาจรุนแรงถึงขั้นเอาชีวิตก็ได้ ส่วนตัวไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายจ่านิวหรืออยู่เบื้องหลัง แต่ขอให้หยุดการกระทำเพื่อนำความปกติความสงบสุขกลับคืนสู่สังคมไทย" เพนกวินกล่าว
วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรค พท. พร้อมนายวัน อยู่บำรุง ส.ส.กทม.พรรค พท. แถลงข่าวกรณีการทำร้ายร่างกายจ่านิว
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ขอยืนยันนายวันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว แต่เป็นปฏิบัติการไอโอของฝ่ายรัฐบาลที่ปล่อยข่าว สร้างความสับสนให้เกิดขึ้นกับประชาชน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากผู้มีอำนาจไม่สามารถทนรับการวิพากษ์วิจารณ์จากจ่านิวหรือผู้เห็นต่างทางการเมืองได้
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า อยู่กองปราบฯ มา 10 ปี ทำงานสืบสวนสอบสวนมาไม่น้อย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไม่ดูเฉพาะกล้องซีซีทีวี เพราะคนร้ายจะระวังกล้อง และขอให้ตัดประเด็นเรื่องทวงหนี้ และเรื่องชู้สาวออกไปเลย ฟันธงเลยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมืองเท่านั้น ขอฝาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม สั่งการ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ให้เปลี่ยนหัวหน้าชุดทำคดี เป็น พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. เข้ามาทำคดี เนื่องจากเป็นคนเก่ง มีความรู้ความสามารถ จะทำให้งานสืบสวนครั้งนี้กระชับขึ้น
“ขณะนี้ทราบมาว่ามีนายตำรวจบางคนให้ที่พักคนร้าย 2 ใน 4 คน ให้พักอยู่ที่บ้าน เรื่องนี้ผมรู้หมด แต่ยังไม่อยากเปิดศึก อยากฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ตั้งใจทำคดี เพราะอำนาจมีวันเปลี่ยนมือ หากอายุความคดียังไม่หมด มีสิทธิ์เดินเข้าคุกได้แน่นอน งานนี้ถือว่าท้าทายตำรวจ หากจับคนร้ายไม่ได้ ความเชื่อถือ และความศรัทธาของประชาชนจะลดน้อยลง และหากพล.ต.อ.จักรทิพย์ได้ยิน ขอให้ทำตามข้อเสนอของผมด้วย หากพรรคเพื่อไทยตั้งกรรมาธิการเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้จะคอยป้อนข้อมูลให้” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าจ่านิวคือประวัติศาสตร์ของการต่อต้านรัฐประหารตั้งแต่ 1 เดือน หลังการรัฐประหาร 2557 จนถึงหลังเลือกตั้ง จึงอยากให้ดูประวัติตรงนี้ด้วย ใครที่ต่อสู้ก็ถูกขู่คุกคามทำร้ายร่างกาย ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐไม่เคยจับมาลงโทษตามกระบวนการได้เลย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |