สอบสถานบันเทิงเมืองเพชร จัดแข่งดื่มเบียร์ หนุ่มรายหนึ่งถึงช็อกเสียชีวิตอนาถ ชี้ผู้จัดมีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีโทษทั้งจำและปรับ อธิบดี คร.เตือนดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากในเวลาสั้นๆ ทำให้ร่างกายเกินทน เครือข่ายต้านเหล้าจี้เอาผิดให้ถึงที่สุด แฉมีการชักชวนร่วมแข่งผ่านสื่อออนไลน์  
    นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมนี้ กรณีสถานบันเทิงแห่งหนึ่งจัดปาร์ตี้แข่งดื่มเบียร์จนมีผู้เสียชีวิต ว่าได้มอบหมายให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรค (สคร.) ที่ 5 ราชบุรี ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เพชรบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตกรณีนี้ไม่ใช่การเสียชีวิตตามปกติ จึงต้องรอผลการชันสูตรก่อนว่าการเสียชีวิตเกิดจากสาเหตุอะไร เพราะมีโอกาสเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น สำลักจากการกินดื่มอย่างรวดเร็ว ทำให้ทางเดินหายใจอุดกั้น หรือการดื่มแอลกอฮอล์จำนวนมากๆ ในเวลาสั้นๆ ทำให้ปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายสูงเกินกว่าร่างกายทนไหว
    นอกจากนี้จะให้ตรวจสอบด้วยว่า ผู้ประกอบการเข้าข่ายกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ด้วยหรือไม่ ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดจัดการแข่งขันดื่มเบียร์ ถ้าหากเข้าข่ายกระทำผิดจริง เจ้าหน้าที่ก็จะเรียกผู้ประกอบการมาชี้แจงและพิจารณาความผิด 
    "สิ่งที่อยากเตือนคือ ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากๆ ในเวลาสั้นๆ อย่างรวดเร็ว และไม่ว่าจะดื่มแอลกอฮอล์มากหรือน้อยก็ไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพ" นพ.สุวรรณชัยกล่าว
    ขณะที่ นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการ สคร.ที่ 5 ราชบุรี กล่าวว่า จากการประสานงานกับ สสจ.เพชรบุรี ทราบว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นจริง เป็นเหมือนแข่งกิน ซึ่งน่าจะเกิดจากการสำลักและทำให้หัวใจหยุดเต้น โดยมีการปั๊มหัวใจแล้วส่งโรงพยาบาล แต่ก็ยังเสียชีวิต ซึ่งขอเตือนว่า การแข่งดื่มกินไม่ว่าอะไรก็ตาม ล้วนมีอันตราย เพราะเสี่ยงต่อการสำลักได้ โดยเฉพาะเหล้า-เบียร์ยิ่งดื่มมากๆ จะมีฤทธิ์กดประสาทก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น โดยจะมีการตรวจสอบว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้เป็นการจัดกิจกรรมหรือเป็นเทคนิคการค้าของผู้ประกอบการร้านค้าหรือไม่ หรือว่าเป็นการจัดแข่งขันกันเองในหมู่ของการกินเลี้ยง 
    นพ.สมานกล่าวว่า หากเป็นการจัดแข่งดื่มเบียร์กันเองก็ไม่สามารถเอาผิดใครได้ แต่หากเป็นกิจกรรมที่ร้านค้าจัดขึ้นจะผิดตามมาตรา 30 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เรื่องการขายลักษณะต้องห้ามขาย คือ การขายโดยการชิงโชค ชิงรางวัล เพราะมีการแข่งขันชิงรางวัล ซึ่งจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากจัดเป็นอีเวนต์ มีสาวเชียร์มาด้วย ถือเป็นกิจกรรมสื่อสารการตลาด จะเข้าข่ายผิดตามมาตรา 32 เรื่องการโฆษณาสื่อสารการตลาด มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเริ่มพบว่ามีรายงานเข้ามามากขึ้นถึงการใช้กลยุทธ์เช่นนี้ 
    ด้านนายคำรณ  ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจแอลกอฮอล์ กล่าวว่า ไม่อยากเห็นความสูญเสียลักษณะนี้เกิดขึ้นกับคนอื่นอีกต่อไป และขอประณามธุรกิจที่นำกิจกรรมแข่งดื่มแห่งความตายมาใช้ในการส่งเสริมการขายเบียร์-สุรา เพราะกิจกรรมแข่งดื่มเบียร์หรือสุรา เป็นกิจกรรมที่อันตรายมาก หากดื่มเบียร์ในปริมาณมากๆ ในเวลาสั้นๆ ที่ผ่านทางเครือข่ายฯ ได้รับร้องเรียนเรื่องกิจกรรมแข่งขันดื่มเบียร์ตามสถานบันเทิงบ่อยครั้ง ทั้งมีการโฆษณา เชิญชวนให้ลูกค้ามาร่วมแข่งขัน รวมทั้งมักพบเห็นพฤติกรรมการแข่งขันกันเองในงานเลี้ยง ดื่มแบบช็อตต่อช็อตบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
    “กรณีที่ผับ บาร์ ผู้ประกอบการ จัดดื่มเบียร์ถือว่าเป็นโปรโมชั่น ส่งเสริมการขาย ตั้งใจสร้างความท้าทายให้ลูกค้า และเริ่มนิยมและแพร่หลายมากขึ้น เป็นกิจกรรมที่ผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ที่ผ่านมาประเด็นการแข่งขันดื่มเบียร์-สุรายังขาดความจริงจังจากกระทรวงสาธารณสุขในการบังคับใช้กฎหมาย หรือสื่อสารต่อสาธารณะว่าเป็นพฤติกรรมที่เป็นอันตรายมาก และยังพบเห็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในสถานบริการและสื่อออนไลน์อย่างแพร่หลาย ทางเครือข่ายขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดบังคับใช้กฎหมายขั้นเด็ดขาด ต้องเท่าทันการตลาดฉ้อฉลซึ่งเดิมพันกับชีวิตคนแบบนี้”
    ผศ.วศิน สุวรรณรัตน์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ กล่าวว่า ตามหลักการแล้วกรณีนี้ถือว่าผิดกฎหมายทั้งทางแพ่งและทางอาญา ซึ่งผู้ประกอบการร้านค้าที่จัดแข่งขันจะต้องรับผิดในประเด็นที่สามารถเล็งเห็นผลได้ว่าจะเกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือชีวิตได้ อันเป็นความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนในทางแพ่งเป็นการกระทำละเมิดของร้านซึ่งต้องชดใช้ค่าเสียหาย และควรทำให้เป็นแบบอย่างในการบังคับใช้กฎหมายจริงจัง เพื่อป้องปรามมิให้เกิดความสูญเสียจากกิจกรรมสุ่มเสี่ยงแบบนี้อีก.