“ประยุทธ์” สุดทนออกสารนายกฯ รับไม่สบายใจคนใน พปชร.แย่งชามข้าวจนเป็นข่าวใหญ่โต สะกิดอย่าให้เกิดปัญหาซ้ำรอยจนต้องเข้ามาแก้ด้วยวิธีเดิมที่ใครก็ไม่ต้องการ กลุ่มสามมิตรโชว์พลังล่ารายชื่อ 31 สมาชิกไล่ “สนธิรัตน์” พ้นเลขาธิการพรรค เจ้าตัวร้อนใจแจงจากสหรัฐประกาศเจตนารมณ์ไม่นั่งเก้าอี้พลังงาน “สุรพร” กระตุกต่อมสำนึกอย่าสาวไส้ให้กากิน มีอะไรให้คุยในพรรค “หญิงหน่อย” บี้เร่งแก้ไขอ้างประชาชนรออยู่
เมื่อวันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม ในช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปฏิเสธตอบคำถามประเด็นปัญหารายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยได้แต่ยิ้ม ก่อนเดินเข้าไปประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 7/2562 ทันที และหลังการประชุมเมื่อสื่อมวลชนพยายามสอบถามเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง พล.อ.ประยุทธ์ได้หันมาตอบสั้นๆ ว่า "ถามกันแต่โผนั่นแหละ" พร้อมสั่งทีมงานนำเอกสารกระดาษเอ4 มาให้ ซึ่งเมื่อถามว่าเป็นเอกสารอะไร นายกฯ ตอบว่าชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องโผ
ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าวระบุหัวข้อว่าสารจากนายกรัฐมนตรี โดยมีเนื้อหาสรุปว่า มีความรู้สึกไม่สบายใจและต้องขอโทษพี่น้องประชาชนแทนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะเป็นบุคคลที่พรรคเสนอชื่อเป็นนายกฯ เนื่องจากในช่วงเวลานี้มีข่าวสารความขัดแย้งภายในพรรคปรากฏตามสื่อต่างๆ มากมาย แต่นายกฯ จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ถึงแม้จะมีปัญหาอยู่บ้างในการบริหารภายในพรรค เนื่องจากเป็นพรรคที่จัดตั้งขึ้นใหม่ สมาชิกมาจากหลายกลุ่ม หลายสาขา ที่มุ่งมั่นจะทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และหน้าที่บริหารใน ครม.ให้ดีที่สุด
เอกสารยังระบุว่า การบริหารบุคลากรเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ทุกคนพึงพอใจ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ทำอย่างไรประชาชนจะมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลและทุกพรรคการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านให้มากที่สุด โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกอย่างจะเดินหน้าต่อไปเพื่อตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน ในฐานะรัฐบาลของคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งจะถือเป็นการเริ่มต้นปฏิรูปทางการเมืองของรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อมิให้การดำเนินการทางการเมืองกลับไปเป็นปัญหาเช่นเดิม จนต้องเกิดการแก้ไขปัญหาแบบเดิมๆ ที่ทุกคนไม่ต้องการขึ้นมาอีก
“ไม่ได้ต้องการตำหนิใครหรือสร้างความขัดแย้งใดๆ ขึ้นมาอีก แต่นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และ ส.ส.ทุกคนทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านก็ต้องทำงานให้ได้ เพราะทุกคนคือคนไทย แผ่นดินไทยทุกตารางนิ้วต้องได้รับการดูแลจากรัฐบาลประชาธิปไตยอย่างทั่วถึงเท่าเทียมและเป็นธรรม” สารนายกฯ ทิ้งท้ายไว้
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีความเคลื่อนไหวภายในพรรค พปชร.เกี่ยวกับการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีว่า "ไม่ได้อยู่ในพรรค พปชร.จะไปรู้ได้อย่างไร และไม่ห่วงนายกฯ เลย นายกฯ รับไหว เชื่อว่านายกฯ สามารถเคลียร์ได้ ขึ้นอยู่กับนายกฯ ซึ่งนายกฯ เป็นคนเด็ดขาดอยู่แล้ว ไม่เป็นไรหรอก"
เมื่อถามว่าคิดว่าเรื่องนี้จะเป็นปัญหาบานปลายหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ไม่บานปลาย และไม่หวั่น เพราะโผ ครม.ตอนนี้ก็ถือว่านิ่งแล้ว"
ส่วนนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีเคยระบุว่าจะพูดคุยเรื่องการทำงานในรัฐบาลใหม่หลัง พล.อ.ประยุทธ์กลับจากญี่ปุ่น ว่านายกฯ ได้พูดคุยเกี่ยวกับการเข้ารับตำแหน่งใน ครม.แล้ว แต่ไม่ขอลงรายละเอียด ส่วนขั้นตอนตรวจประวัตินั้นทราบว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ใช้เวลาไปก่อนหน้านี้พอสมควร และทราบว่าเขาได้รับชื่อมาครบทั้งหมด ซึ่งยังไม่รู้ตำแหน่งแต่ตรวจไปจนเกือบจะครบแล้ว
กลุ่มสามมิตรสุมหัว
เมื่อถามว่าขณะนี้ได้รับแบบฟอร์มกรอกประวัติหรือยัง นายวิษณุกล่าวว่า สลค.ประสานว่าจะนำมาให้ในช่วงเย็น และที่นายกฯ มาคุยก็ยังไม่ได้ตอบ เพราะอย่างน้อยตอนนี้ยังไม่ได้กรอกแบบฟอร์ม ยังไม่ถ่ายรูป ทั้งนี้นายวิษณุกล่าวติดตลกต่อไปว่า "ส่วนจะเซ็นไม่เซ็นก็ช่าง"
ขณะเดียวกันก็มีความเคลื่อนไหวที่พรรค พปชร. โดยบรรดาแกนนำกลุ่มสามมิตร นำโดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท ได้เรียก ส.ส.สังกัดกลุ่มเข้าหารือหลังกระแสข่าวว่านายอนุชาอาจหลุดเก้าอี้ และนายสุริยะอาจถูกโยกไปนั่ง รมว.อุตสาหกรรมแทนโผเดิมที่ได้ รมว.พลังงาน
โดยนายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร พรรค พปชร.กล่าวว่า พวกเราในนาม ส.ส.พรรคกว่า 30 คน และในนามของกลุ่มสามมิตรตั้งใจเดินทางมาแสดงความยินดีกับว่าที่รัฐมนตรี 3 คน คือ นายสุริยะที่ได้รับตำแหน่ง รมว.พลังงาน นายสมศักดิ์ที่ได้รับตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม และนายอนุชาที่ได้รับตำแหน่ง รมช.การคลัง แต่เมื่อได้พูดคุยกันแล้วก็พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ซึ่งพวกเราทั้ง 30 ชีวิตเห็นว่าทั้ง 3 คนเป็นผู้เริ่มก่อร่างสร้างพรรค และทั้งหมดนี้ก็ลุยลงพื้นที่ทั่วประเทศ เป็นกำลังใจสนับสนุนจนพวกเราประสบความสำเร็จได้เป็น ส.ส.ในที่สุด
โดยนายอนุชากล่าวว่า เดิม ส.ส.พรรคจะมาร่วมแสดงความยินดีที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีตามโผ ครม.เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. แต่วันนี้ทุกคนรู้สึกผิดหวังการสลับชื่อในโผ ครม. ซึ่งพวกเรายังเชื่อว่าจะเป็นเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง แต่หากไม่เป็นเช่นนั้นพวกเราได้หารือร่วมกัน จนมีความเห็นตามจุดยืน 5 ข้อ คือ 1.นายสุริยะเหมาะสมในตำแหน่ง รมว.พลังงานมากกว่า รมว.อุตสาหกรรม เพราะอาจถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน 2.นอกจากงานด้านบริหารทั้ง 3 คนยังสามารถช่วยนายกฯ ขับเคลื่อนงานสภาได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3.หากมีการเปลี่ยนแปลงหรือสลับตำแหน่งจากเดิม กลุ่มเห็นตรงกันว่ารัฐบาลจะขาดบุคคลที่มีประสบการณ์ในการทำงานในตำแหน่งที่เหมาะสม ทำให้การบริหารงานไม่มีประสิทธิภาพ และส่งผลในการยอมรับและศรัทธาของประชาชน 4.ขอเรียกร้องไปถึงนายกฯ และจะส่งผ่านหัวหน้าพรรคไปยังนายกฯ ต่อไป
"ยังมีอีกข้อหนึ่งที่ต้องการเก็บไว้ แต่ขอตัดสินใจแจ้งกับสื่อมวลชนด้วยว่า หลังจากประกาศรายชื่อ ครม.อย่างเป็นทางการ หากรายชื่อไม่ตรงกับความเห็นที่แถลงข่าวไปแล้ว กลุ่มสามมิตรจะหารือเพื่อแสดงจุดยืนต่อไป และหวังว่าจะได้รับความกรุณาจากนายกฯ" นายอนุชาระบุ
ขณะที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.กล่าวว่า วันที่ 2 ก.ค.จะมีการประชุมของพรรคประจำสัปดาห์ และจะเสนอญัตติขับไล่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พปชร.ออกจากตำแหน่ง โดยเห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของพรรคและรัฐบาลเป็นอย่างสูง ถ้าปล่อยให้เป็นเลขาธิการพรรคต่อไปจะเป็นอันตรายต่อพรรคมาก เพราะนายสนธิรัตน์บริหารงานผิดพลาดหลายเรื่อง และไม่มีภาวะความเป็นผู้นำ
31 รายชื่อไล่สนธิรัตน์
"เวลาผมต้องการปรึกษาปัญหาก็ไม่สามารถเข้าถึงตัวนายสนธิรัตน์ได้ ไม่เคยได้รับการแก้ไขปัญหา เพราะนายสนธิรัตน์ทำงานไม่ยึดโยงและไม่เห็นหัว ส.ส.ในพรรค ทั้งที่หน้าที่ของเลขาธิการพรรคคือแม่บ้านที่ต้องดูแลทุกอย่าง แต่นายสนธิรัตน์กลับทำให้พรรคแตกแยก ทำให้พรรคมีปัญหาขั้นวิกฤติ นายสนธิรัตน์จึงต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการเสียสละลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคและไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรี” นายสิระกล่าว
เมื่อถามว่าจะให้ออกจากเลขาธิการพรรคหรือออกจากพรรคเลย นายสิระกล่าวว่าออกจากเลขาธิการพรรคก่อน เพราะเป็นความรับผิดชอบ ยังไม่ถึงกับให้ออกจากสมาชิกพรรค โดยเราจะเร่งอภิปรายกันในที่ประชุมของพรรควันที่ 2 ก.ค.นี้ ซึ่งท่านบอกทำงานเพื่อพรรค เพื่อประชาชน เพื่อประเทศ ท่านก็ต้องเสียสละไม่รับตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น
สำหรับ 31 รายชื่อ ส.ส.ที่จะยื่นขับไล่นายสนธิรัตน์ประกอบด้วย นายสุริยะ, นายสมศักดิ์, นายอนุชา, นายสิระ, นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายสุรสิทธิ์ วงศ์วิทยานันท์ ส.ส.กำแพงเพชร, นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ ส.ส.สุโขทัย, นายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง ส.ส.สุโขทัย, นายมณเฑียร สงฆ์ประชา ส.ส.ชัยนาท, นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี, นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี, นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์, นายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก, นายมานัส อ่อนอ้าย ส.ส.พิษณุโลก, นายภิญโญ นิโรจน์ ส.ส.นครสวรรค์, นายสัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.นครสวรรค์, นายเชิงชาย ชาลีรินทร์ ส.ส.ชัยภูมิ, นายสัมฤทธ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ, พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร, นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร, นายปริญญา ฤกษ์หร่าย ส.ส.กำแพงเพชร, นายเกษม ศุภรานนท์ ส.ส.นครราชสีมา, นายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา, นายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร, นายภูดิท อินสุวรรณ์ ส.ส.พิจิตร, นายสุรชาติ ศรีบุศกร ส.ส.พิจิตร, นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ส.ส.ยะลา, นายวันชัย ปริญญาศิริ ส.ส.สงขลา, นายศาสตรา ศรีปาน ส.ส.สงขลา, นายพยม พรหมเพชร ส.ส.สงขลา และนายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี
ต่อมาในช่วงเย็นในกรุ๊ปไลน์ของพรรค พปชร. นายสนธิรัตน์ซึ่งอยู่ที่สหรัฐอเมริกาได้ส่งข้อความชี้แจงในเรื่องนี้ว่า ตั้งแต่เข้ามาทำงานการเมืองทุ่มเทตั้งใจรับใช้ชาติบ้านเมืองในตำแหน่งต่างๆ โดยเมื่อได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ ทุกครั้งที่ผ่านมาก็มุ่งมั่นตั้งใจนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้าให้หลุดพ้นจากปัญหาที่สะสมมา ส่วนประเด็นปัญหาความขัดแย้งในการเข้าดำรงตำแหน่งในกระทรวงพลังงานนั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ที่จะเลือกกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งในการทำงาน และพร้อมทำงานในกระทรวงที่ได้รับมอบหมายหากเห็นว่าเหมาะสม
ไม่รับเก้าอี้ รมว.พลังงาน
"กระแสข่าวที่จะให้ไปดำรงตำแหน่งในกระทรวงพลังงาน ผมเองรู้สึกเสียใจในปัญหาที่เกิดขึ้น และไม่ได้เข้าไปมีส่วนรับรู้หรือเกี่ยวข้องกับการดำรงตำแหน่งแต่ประการใด ดังนั้นผมขอแสดงเจตนารมณ์ไม่มีความประสงค์และไม่ขอรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และหวังว่าทุกสิ่งจะคลี่คลายไปในทางที่ดี เพื่อพวกเราจะได้ร่วมมือกันทำงานเพื่อบ้านเมืองต่อไป" นายสนธิรัตน์กล่าว
ขณะที่นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล กรรมการบริหารพรรค พปชร.กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรค พปชร.มาตั้งแต่ต้น ทุกคนที่มาร่วมงานทางการเมืองล้วนมีความรักและเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของพรรค ในการนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งและเดินไปข้างหน้า ซึ่งการพิจารณาตำแหน่งรัฐมนตรีนั้นเป็นอำนาจโดยตรงของ พล.อ.ประยุทธ์ที่จะพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ทั้งเรื่องคุณสมบัติที่ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ความเหมาะสมในด้านต่างๆ เป็นตัวตั้ง รวมไปถึงต้องคำนึงถึงพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ในทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา
“สารของท่านนายกฯ ได้แสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองอย่างเต็มที่ และแสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผมจึงขอเรียกร้องให้ทุกคนที่ยังมีคำถามต่างๆ ให้ช่วยนำมาพิจารณาหรือพูดคุยเป็นการภายในพรรค เพราะข่าวความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนั้นอาจส่งผลกระทบต่อแนวทางที่ท่านนายกฯ กำลังทำงานและชี้แจงต่อประชาคมโลก ผมเชื่อว่าทุกคนรักพรรคและต้องการเดินไปข้างหน้าด้วยอุดมการณ์เดียวกัน ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีตำแหน่งทางการเมือง” นายสุรพรระบุ
ส่วนความคิดเห็นของฝ่ายค้านในประเด็นการแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่าเป็นปัญหาภายในพรรค พปชร. แม้นายกฯ ส่งสารออกมา แต่การพูดโดยที่ไม่ลงมือแก้ไขทำให้ถูกต้องไม่เกิดประโยชน์อะไร เป็นครั้งแรกหลังเลือกตั้งมากว่า 3 เดือนยังจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ และยังไม่เห็นพูดถึงปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาประชาชนจะแก้ไขอย่างไร มีแต่ข่าวว่าคนนั้นกลุ่มนี้จะเอากระทรวงนั้นกระทรวงนี้ มีแต่การแก่งแย่งผลประโยชน์ ทำให้ฝ่ายค้านทำงานไม่ได้ด้วย จะตั้งกระทู้ถามความเดือดร้อนให้ประชาชนก็ไม่มีใครมาตอบ ไม่มีใครจะมาแก้ไขปัญหา สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ควรทำคือเร่งแก้ไขจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว ใช้ภาวะผู้นำจัดการแก้ปัญหาให้จบ เพราะทุกวันนี้ประชาชนเสียโอกาสมามาก ชาวบ้านกำลังเดือดร้อน รอให้มีรัฐบาลมาเร่งแก้ไข
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรค พท.กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ขู่ ส.ส.ในพรรค พปชร.ที่กำลังวุ่นวายเรื่องแย่งตำแหน่งว่าอย่าให้ต้องแก้ปัญหาแบบเดิมๆ ที่ทุกท่านไม่อยากให้ทำว่า ไม่ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์พูดถึงการแก้ปัญหาวิธีใด แต่เท่าที่มองไปที่ฐานจิตและวิธีคิดน่าจะหมายถึงวิธีที่ไม่ใช่แนวทางประชาธิปไตย คงคันไม้คันมืออยากยึดอำนาจอีก ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงถือว่าท่านยังเป็นบุคคลอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย
“อยากฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ว่า ปัญหาในพรรคของท่านเกิดจากท่านสร้างเอง เกิดจากการอยากสืบทอดอำนาจแล้วเขียนกติกาและตั้งพรรคด้วยวิธีการตัดต่อพันธุกรรมแบบผิดๆ ความอัปลักษณ์จึงเกิดขึ้นกับพรรคท่านเอง แต่ต้องแยกแยะให้ออก อย่าเอาปัญหาพรรคมาเป็นปัญหาของประเทศ ถ้าจะยึดอำนาจก็ยึดในพรรคท่าน พรรคอื่นเขาไม่มีปัญหา เขาพร้อมตั้งรัฐบาลแทนและขับเคลื่อนประเทศไปได้” นายสุทินกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |