ญี่ปุ่นเริ่มออกเรือล่าวาฬเชิงพาณิชย์ครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี


เพิ่มเพื่อน    

เรือล่าวาฬของญี่ปุ่นเริ่มออกจากฝั่งเพื่อล่าวาฬเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปีเมื่อวันจันทร์ ยุติการอ้างเหตุผลบังหน้าล่าเพื่อวิทยาศาสตร์

เรือล่าวาฬออกจากท่าเรือเมืองคูชิโร จังหวัดฮอกไกโด เพื่อเริ่มฤดูการล่าวาฬเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2562 / AFP

    รายงานสำนักข่าวเอเอฟพีเมื่อวันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม 2562 ว่าเรือล่าวาฬ 5 ลำออกจากท่าที่เมืองคูชิโร ทางภาคเหนือของญี่ปุ่นเมื่อเช้าวันเดียวกันนี้ เมื่อล่วงเข้าถึงช่วงบ่าย วาฬตัวแรกที่จับได้ก็ถูกส่งกลับเข้าฝั่ง

    การล่าวาฬเชิงพาณิชย์ซึ่งยุติมานานกว่า 30 ปี เกิดขึ้นภายหลังญี่ปุ่นถอนตัวจากคณะกรรมการการล่าวาฬระหว่างประเทศ (ไอดับเบิลยูซี) ซึ่งทำให้ถูกนักเคลื่อนไหวและประเทศที่ต่อต้านการล่าวาฬรุมประณาม และสร้างความพอใจแก่ชุมชนล่าวาฬของญี่ปุ่น

    สำนักงานประมงญี่ปุ่นกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ญี่ปุ่นกำหนดโควตาการจับวาฬสำหรับฤดูล่าวาฬปีนี้ซึ่งจะสิ้นสุดเดือนธันวาคม ที่ 227 ตัว แบ่งเป็นวาฬมิงก์ 52 ตัว, วาฬบรูดา 150 ตัว และวาฬเซ 25 ตัว โควตานี้กำหนดเป็นรายปีซึ่งยังถือว่าน้อยกว่าจำนวนวาฬที่ญี่ปุ่นเคยจับในมหาสมุทรแอนตาร์กติกช่วงไม่นานมานี้ ซึ่งอยู่ที่ 330 ตัว

    โยชิฟูมิ ไค นายกสมาคมล่าวาฬชนิดเล็กแห่งญี่ปุ่น กล่าวต่อชุมชนนักล่าวาฬ, นักการเมืองและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในเมืองคูชิโรก่อนปล่อยเรือออกจากท่าว่า หัวใจเขาพองโตด้วยความสุข เขาตื้นตันอย่างยิ่ง การล่าวาฬเป็นอุตสาหกรรมเล็กๆ แต่เขาก็ภาคภูมิใจ บ้านเกิดของผมล่าวาฬกันมานานกว่า 400 ปีแล้ว

    นอกจากที่เมืองคูชิโรแห่งนี้ เช้าวันเดียวกันยังมีเรือล่าวาฬแล่นออกจากท่าเรืออื่นๆ ของญี่ปุ่น รวมถึงที่เมืองชิโมโนเซกิในภาคตะวันตก

วาฬมิงก์ที่ถูกจับได้เมื่อวันจันทร์ถูกเคลื่อนย้ายจากเรือขึ้นรถบรรทุก ที่ท่าเรือคูชิโร / AFP

    ญี่ปุ่นอ้างว่าการล่าวาฬเป็นประเพณีเก่าแก่ของประเทศซึ่งไม่ควรเป็นประเด็นที่นานาชาติเข้ามาแทรกแซง แต่ในฐานะชาติสมาชิกของไอดับเบิลยูซี ญี่ปุ่นไม่สามารถล่าวาฬขนาดใหญ่ในเชิงพาณิชย์ได้ แม้ว่าญี่ปุ่นจะยังสามารถจับวาฬขนาดเล็กใกล้ชายฝั่งของตน อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นสามารถหาช่องโหว่จากกฎข้อบังคับของไอดับเบิลยูซี แล้วล่าวาฬในน่านน้ำแอนตาร์กติกที่ได้รับการคุ้มครองด้วยข้ออ้างว่าเป็นการล่าเพื่อ "การวิจัยทางวิทยาศาสตร์"

    นักเคลื่อนไหวกล่าวกันว่า การล่าวาฬที่ว่านี้ไม่ได้มีคุณค่าทางวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด และญี่ปุ่นก็ไม่เคยปิดบังข้อเท็จจริงที่ว่า เนื้อวาฬที่จับได้ถูกส่งขายเพื่อการบริโภค

    ด้านองค์กรพิทักษ์สัตว์ ฮิวเมนโซไซตีอินเตอร์เนชันแนล ประณามการรื้อฟื้นการล่าวาฬเชิงพาณิชย์ของญี่ปุ่นว่า เป็นวันน่าเศร้าของการคุ้มครองวาฬทั่วโลก และเป็นจุดเริ่มต้นยุคใหม่อันน่าช็อกของการล่าวาฬแบบโจรสลัด

    เนื้อวาฬเคยเป็นแหล่งโปรตีนสำคัญของญี่ปุ่นหลายปีหลังสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ปัจจุบันอุตสาหกรรมล่าวาฬเป็นชุมชนขนาดเล็กมาก มีผู้เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้โดยตรงราว 300 คน และการบริโภคเนื้อวาฬมีสัดส่วนไม่ถึง 0.1% ของเนื้อที่ชาวญี่ปุ่นบริโภคในแต่ละปี.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"