ว่าด้วยเรื่องการจัดโครงสร้างใหม่ในพรรคเพื่อไทย เลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ จะว่าจบแล้วก็ไม่เชิง ยังไม่จบก็ไม่ใช่เสียทีเดียว อย่างที่รู้กันดี ตำแหน่งหัวหน้าพรรคที่ต้องเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ กำหนดให้หัวหน้าพรรคเสียงข้างมากผู้ทำหน้าที่ต้องเป็น ส.ส.ด้วย แต่เนื่องจาก พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค ไม่ได้เป็น ส.ส. ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องสรรหา คัดสรร หัวหน้าพรรคที่ต้องไปทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ อีกตำแหน่ง

                เดิมทีคาดกันว่า ทั้งหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค จะต้องแล้วเสร็จในเดือน มิ.ย. แต่ด้วยห้วงเวลาและสถานการณ์ทั้งปัจจัยภายใน ภายนอก ทำให้มีการขยับออกไปอีกหนึ่งเดือน ก.ค.จะแล้วเสร็จแน่นอน ซึ่งจะได้เห็นทั้งโฉมหน้าคณะรัฐมตรีรัฐบาลประยุทธ์ ไปพร้อมกับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพรรคเพื่อไทย ไปในคราเดียวกัน

                ตำแหน่งหัวหน้าพรรค นาทีนี้ถูกเคาะมาเป็นเฮียพงษ์-สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ไม่มีเปลี่ยนแปลง ดีกรีในอดีตเป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง เป็น ส.ส.หลายสมัย มีพรรคพวกนักการเมืองทุกพรรค เป็นหนึ่งในมิสเตอร์คอนเน็กชั่น แถมยังเป็นหนึ่งในสายตรงที่คนแดนไกลไฟเขียวให้มาทำหน้าที่ให้เหมาะกับสถานการณ์ แม้จะไม่บู๊ดุเดือด มาในแนว compromise หรือประนีประนอม เข้ากับยุคเพื่อไทย ที่จะทำหน้าที่ค้านอย่างสร้างสรรค์ 

                โครงสร้างพรรคเพื่อไทยยุคใหม่ มีคนจุดไอเดียที่น่าสนใจหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น กรรมการบริหารพรรคยุคใหม่ที่จะมีส่วนผสมทั้งคนเก่า คนรุ่นใหม่ มาทำงานด้วยกัน คนที่มามีทั้งคนที่เป็น ส.ส.และอดีต ส.ส. และให้ถือว่า กรรมการชุดนี้มีอำนาจเต็ม ไม่ใช่แค่ตุ๊กตาที่ถูกกำกับจาก คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคอีกที และในส่วนของ กรรมการยุทธศาสตร์พรรค มีข่าวเล็ดลอดอย่างหนาหู จะไม่อยู่ในสารบบอีกต่อไป หากกรรมการบริหารพรรคมีอำนาจเต็มเพียงพอแล้ว ทั้งในแง่การสั่งการ-ควบคุมทิศทางในพรรค

                หัว ไม่มีแรงกระเพื่อม เมื่อหนึ่งในแคนดิเดตอย่างผู้การป๊อบ-น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ที่มีความแนบแน่นกับเจ้าแม่เมืองหลวงคนดังแห่งเพื่อไทย โผล่มาเป็นหนึ่งในคู่ท้าชิง พร้อมกับการวางเกม กำหนดกลยุทธ์สู้ แต่ในเวลาต่อมา ส่งสัญญาณถอย แต่เป็นการถอยเชิงกลยุทธ์

                เลขาธิการพรรค มีเสียงร่ำลือกันภายในระยะหนึ่ง ที่เกิดความไม่ลงรอยทางความคิด ระหว่างทีมเดิมที่มีเสี่ยอ้วนเป็นแกนนำ กับทีมเจ้าแม่เมืองหลวงผู้ยิ่งใหญ่แห่งเพื่อไทย แม้ทั้งคู่ถือเป็นสายตรงวังจันทร์ส่องหล้า แต่การทำงาน หลายครั้งแม้จะไม่ขัดแย้ง แต่ก็ไม่ราบรื่น เกิดเป็นจุดที่เชื่อมต่อไม่ติดทั้งกระบวนการ  

                ว่ากันอีกว่า วันเกิดยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อ 21 มิ.ย. ที่จัดขึ้นที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ นอกจากจะเป็นวันนัดรวมพลชินวัตรแฟมิลี ยังเต็มไปด้วยบรรดาคนใกล้ชิดทั้งสายตรง สายเจ๊ เดินทางไปพบปะ และได้ถือโอกาสหารือถึงโครงสร้างใหม่เพื่อไทยไปในตัว

                หัวหน้าพรรค อนุดิษฐ์ไม่สู้เต็มกำลัง แสดงอาการ ถอย แต่เป็นการถอยเพื่อรุก ไม่สู้เอาหัวหน้า แต่ขอนั่งเป็น เลขาธิการพรรค แล้วขยับเลขาธิการพรรคคนเดิมไปนั่งเป็นรองหัวหน้าพรรคแทน โดยหนึ่งในโครงสร้างใหม่จะมีหนึ่งในเพื่อนซี้ เดอะปุ่น-น.ต.ศิธา ทิวารี เข้ามาทำหน้าที่ด้วย

                ขณะที่ว่าที่หัวหน้าพรรคคนใหม่ อยากได้มือทำงานที่รู้ใจเข้ามาช่วยงาน โดยเฉพาะ พงศกร อรรณนพพร หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม 16 ที่คุ้นเคยกันมานาน ที่เฮียพงษ์อยากได้มาช่วยกันทำงาน แม้ตำแหน่งเลขาธิการพรรคที่เจ้าตัวอยากให้มานั่งเป็นเลขาฯ คู่ใจ ถูกสมาชิกส่วนใหญ่ตีตก แต่ก็เชื่อได้เลยว่า พงศกรไม่น่าจะหลุดโผในโครสร้างกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่อย่างแน่นอน

                ในส่วนของเลขาธิการพรรคคนเก่า แกนนำพรรค ส.ส.พรรค ยังคงให้การสนับสนุน หนุนหลัง ทั้งแนวทางการวางกลยุทธ์ กำหนดเกม เป็นที่ยอมรับจากเสียง ส.ส.แทบทุกภูมิภาค บางรายถึงขั้นแอบกระซิบทีเล่นทีจริง ถ้าไม่ติดที่ผู้นำฝ่ายค้านต้องเป็น ส.ส. ‘น่าจะมอบตำแหน่งหัวหน้าพรรคไปเลย’

                "นาทีนี้คนแดนไกลคงต้อง (ร่วม) ตัดสินใจแล้วว่า จะบริหารศึกสองขั้วภายในอย่างไร จะหักดิบล้างขั้วเลือกข้าง หรือ compromise รักษาเสถียรภาพ เอกภาพในพรรค เพื่อให้ (ร่วมกัน) ทำงานกันไปได้ยาวๆ ระหว่างเป็นฝ่ายตรวจสอบ เพื่อไทยยุคฝ่ายค้าน ทั้งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค โครงสร้าง เป็นอย่างไร อีกไม่นานคงได้รู้กัน"