ร.ต.อ.ยิงตัวตาย เครียดถูกสั่งย้าย


เพิ่มเพื่อน    


    ร.ต.อ.ยิงตัวตายคาบ้าน เมียเผยปมเหตุสามีเครียดหนักถูกคำสั่งย้ายจากตำแหน่งฝ่ายป้องกันปราบปราบ ยัดเยียดให้ไปอยู่ฝ่ายสืบสวน เป็นงานที่ไม่เคยทำจนกลายเป็นคำสั่งตาย ทำลายครอบครัว ลูกๆ ยังเด็กต้องกำพร้าพ่อ ฝากถามถึงผู้ใหญ่เคยใส่ใจปัญหาหรือไม่ อย่าคิดเองตามใจชอบเพื่อผลประโยชน์ “บิ๊กแป๊ะ” สั่งทบทวนการโยกย้ายตำรวจยิงตัวตายให้เป็นบทเรียน
    เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.อติชาติ พรฑิตกุล รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.มาบอำมฤต ได้รับแจ้งเหตุตำรวจยิงตัวตายในบ้านเลขที่ 119 ถนนเทศบาลซอย 6 หมู่ที่ 12 ต.ดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร เมื่อช่วงเวลา 20.00 น. วันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ สุวรรณฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร, พ.ต.ท.ประพาส รอดเกลี้ยง รอง ผกก. (ป), พ.ต.ท.บุญเชต กัลปหา รอง ผกก.ส.ส. ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร รพ.มาบอำมฤต หน่วยกู้ภัยปะทิว หน่วยกู้ชีพเทศบาลมาบอำมฤต
    ที่เกิดเหตุอยู่ห่างจาก สภ.มาบอำมฤต ประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นบ้าน 2 ชั้น หลังใหญ่สวยงามอยู่ติดกับถนนคอนกรีต เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบริเวณห้องนอนชั้นสองโดยห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป พบศพทราบชื่อ ร.ต.อ.พิเชษฐ์ สุชาติพงษ์ อายุ 48 ปี สภาพศพนุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีดำ ใส่เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีขาว นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนที่นอน มีแผลถูกยิงที่ขมับขวาทะลุขมับซ้าย กระสุนพุ่งขึ้นไปเจาะฝ้าเพดานห้องเป็นรู ที่มือขวากำปืนสั้นขนาด 9 มม. ยี่ห้อกล็อก กระสุนในรังเพลิงถูกยิงออกไปแล้ว 1 นัด มีหมอนโชกเลือดตกอยู่ข้างศพ 1 ใบ มีร่องรอยกระสุนปืนจ่อยิงจนทะลุ บนหัวเตียงนอนมีวิทยุสื่อสารวางอยู่ 1 เครื่อง
    นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังพบสมุดบันทึกที่ ร.ต.อ.พิเชษฐ์เขียนข้อระบายไว้ 3 หน้ากระดาษ โดยระบุถึงสาเหตุที่ต้องยิงตัวตายมาจากคำสั่งที่ถูกย้ายจากงานสายป้องกันและปราบปราบไปอยู่ในตำแหน่งงานสอบสวนอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม และความอัปยศต่างๆ ในแวดวงสีกากีที่มีการวิ่งเต้นโยกย้ายในตำแหน่ง จนตำรวจดีๆ ต้องหมดหวัง หมดกำลังใจ เจ้าหน้าจึงเก็บสมุดบันทึกดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน พร้อมส่งศพไปชันสูตรอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล
    จากการสอบสวนทราบว่า ช่วงเกิดเหตุ ร.ต.อ.พิเชษฐ์ออกเวรกลับจาก สภ.มาบอำมฤต แล้วเดินทางกลับเข้าบ้าน หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าได้เข้าไปเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องนอนเพียงคนเดียว โดยชั้นบนของบ้านได้ปิดไฟมืดสนิท ขณะลูกสาวคนโตอายุ 14 ปี เรียนชั้น ม.1 นั่งทำการบ้านอยู่บริเวณชั้นล่าง ส่วนภรรยาและลูกชายวัย 9 ขวบ เดินออกไปทำธุระที่บ้านพี่ชายซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 500 เมตร จากนั้นไม่นานมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด แต่เสียงไม่ดังมากนัก ลูกสาวที่นั่งทำการบ้านอยู่เข้าใจว่าเป็นเสียงรถท่อรถจักรยานยนต์ ต่อมาจึงคิดเอะใจว่าทำไมพ่อปิดไฟในห้องนอน และชั้น 2 บนบ้านปิดไฟมืดสนิททั้งหมด จึงโทรศัพท์ไปบอกแม่ให้รีบกลับบ้านมาดูพ่อ และเมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปดูก็พบว่า ร.ต.อ.พิเชษฐ์ใช้หมอนปิดศีรษะเพื่อเก็บเสียง แล้วใช้อาวุธปืนจ่อยิงฆ่าตัวตายดังกล่าว
    ขณะที่นางแอนนา สินธุนนท์ อายุ 44 ปี ภรรยาผู้ตาย ได้กล่าวด้วยความขุ่นเคืองเสียงดังต่อหน้า พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ สุวรรณฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร ถึงปมเหตุที่สามีตนเองยิงตัวตายว่ามาจากความเครียดในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา หลังมีคำสั่งย้ายสามีตนจากตำแหน่งรองสารวัตรป้องกันและปราบปรามไปอยู่ตำแหน่งรองสารัตรสอบสวน เป็นการย้ายตำรวจจากงานถนัดไปอยู่งานที่ไม่เคยทำมาก่อน โดยไม่เคยสอบถามความสมัครใจใดๆ ทั้งสิ้น คิดจะย้ายใครไปอยู่ตรงไหนก็ย้าย ทำให้เกิดปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ ตนขอตัดขาดจากวงการตำรวจนี้อย่างเด็ดขาด จะไม่ขอเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นอีกต่อไป
    ขณะที่ พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ยืนฟังด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมกล่าวปลอบใจและให้กำลังใจแก่นางแอนนา
    นางแอนนากล่าวกับผู้สื่อข่าวอีกว่า ปกติสามีตนเป็นรักครอบครัว สนุกสนาน ร่าเริง มีอัธยาศัยดี เพื่อนร่วมงานและชาวบ้านรัก แต่หลังจากมีคำสั่งย้ายช่วงกว่า 3 เดือนที่ผ่านมา สามีตนกลายเป็นคนเครียด เก็บกด เก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยทีเดียว ไม่ค่อยกินอาหารจนผอม และจะพูดจาตัดพ้อกับตนและเพื่อนๆ ทุกวันเกี่ยวกับตำแหน่งที่ถูกปรับย้าย ตนขอฝากถามไปถึงระดับผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าการโยกย้ายตำรวจแต่ละครั้งนั้นคิดจะย้ายใครไปอยู่ตรงไหนก็ได้ใช่ไหม โดยไม่ต้องสอบถามผู้ที่ถูกย้ายว่ามีความสามารถทำงานด้านใดได้บ้าง เคยรู้ปัญหาเหล่านี้ไหม ไม่ใช่คิดแต่จะหาผลประโยชน์วิ่งเต้นตำแหน่งกัน คำสั่งโยกย้ายครั้งนี้กลายเป็นคำสั่งตาย ทำลายครอบครัวตน ลูกๆ ทั้ง 2 คนที่ต้องกำพร้าพ่อตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้ขาดเสาหลักของครอบครัว เป็นเพราะคำสั่งดังกล่าวที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ ร.ต.อ.พิเชษฐ์ สุชาติพงษ์ อดีตเป็นตำรวจชั้นประทวนยศจ่าสิบตำรวจ (จ.ส.ต.) ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ฝ่ายป้องกันและปราบปราม ประจำอยู่ที่ สภ.มาบอำมฤต ต่อมาได้ตั้งใจเรียนจนจบระดับปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จากนั้นในปี พ.ศ.2548 สอบติดนายตำรวจสัญญาบัตรในตำแหน่งรองสารวัตรป้องกันและปราบปราบ (รอง สวป.)
    จนเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งโยกย้ายระดับ สว. รอง ผบก. ตามคำสั่งที่ 127/2562-139/2562 จำนวน 6,239 ตำแหน่ง โดยคำสั่งดังกล่าวได้โยกย้าย ร.ต.อ.พิเชษฐ์ สุชาติพงษ์ รอง สวป.สภ.มาบอำมฤต ไปอยู่ในตำแหน่งรอง สว. (สอบสวน) จนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.พิเชษฐ์ สุชาติพงษ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.มาบอำมฤต อ.ปะทิว จ.ชุมพร ก่อเหตุยิงตัวตายภายในบ้านพัก ว่าต้องขอไปดูคุณวุฒิเขาก่อนว่าเขาจบอะไรมา ถ้าไม่จบเกี่ยวกับกฎหมาย งานสอบสวนต้องกลับไปทบทวน ถ้าเขาไม่มีความรู้เรื่องงานสอบสวนต้องกลับมาดูอีกครั้ง
    “การโยกย้ายตรงตามวิชาความรู้หรือไม่ ใครผ่านงานด้านงานปราบปรามก็ควรอยู่ปราบปราม แต่ถ้าเขามีความรู้ทั้ง 2 ด้านก็สามารถไปได้ในสายงาน ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต แต่เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน แต่ถ้าเป็นสาเหตุที่ผู้เสียชีวิตระบายไว้ในจดหมายก่อนเสียชีวิต ต้องนำมาเป็นบทเรียน” ผบ.ตร.กล่าว.
    ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ สภ.มาบอำมฤต เป็นไปด้วยเศร้าเสียของบรรดาเพื่อนๆ ตำรวจที่ต้องสูญเสียนายตำรวจน้ำดีของโรงพักไปจากการโยกย้ายดังกล่าว โดยที่ห้องทำงานของ ร.ต.อ.พิเชษฐ์ ยังมีโน้ตบุ๊กที่เพิ่งจะซื้อมาใหม่เพื่อฝึกหัดพิมพ์เอกสารงานด้านการสอบสวนตั้งอยู่บนโต๊ะทำงาน ในขณะที่ พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปะชัย ผบก.ภ.จว.ชุมพร ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้บังคับบัญชา พร้อมกับสอบถามนายตำรวจระดับรองสอบสวนและสารวัตรสอบสวนถึงการทำงานว่ามีปัญหาด้านใดบ้าง 
    พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปะชัย ผบก.ภ.จว.ชุมพร กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า การโยกย้ายตำแหน่งที่ผ่านมาเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจาก ร.ต.อ.พิเชษฐ์มีคุณสมบัติจบนิติศาสตร์ มีความรู้ด้านกฎหมาย จึงถูกเกลี่ยไปอยู่ตำแหน่งฝ่ายสอบสวนที่ขาดแคลนบุคลากรด้านนี้ หลังมีคำสั่งออกมา พ.ต.อ.ฉลาด พลนาการ ผกก.สภ.มาบอำมฤต ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา ก็ได้พยายามพูดคุยทำความเข้าใจกับ ร.ต.อ.พิเชษฐ์ และยังไม่ได้มอบหมายงานให้ทำตามตำแหน่งหน้าที่ เนื่องจากเห็นผู้ตายเกิดความเครียดอยู่ จนมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
    พล.ต.ต.สหรัฐกล่าวต่อว่า การโยกย้ายที่ผ่านมาในส่วนของตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร ก็ส่งรายชื่อนายตำรวจที่จบทางด้านนิติศาสตร์ไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตามที่มีการให้สำรวจ ซึ่งมีการไกล่เกลี่ยโยกย้ายไปอยู่ฝ่ายสอบสวน ไม่มีการวิ่งเต้นแต่อย่างใด ส่วนที่มีข่าวว่าผู้ตายได้เขียนหนังสือลาตายไว้ถึง 3 หน้ากระดาษ จริงๆ แล้วเป็นการเขียนไดอารีประจำวัน ซึ่งมีข้อความเขียนบ่นไว้บ้างว่าตั้งแต่ย้ายมาอยู่ฝ่ายสอบสวนดวงไม่ดีเลย ไม่ไช่การเขียนลาตายแต่อย่างใด
    ด้านนายพงษธร ทองเหลือ กำนันตำบลดอนยาง และประธาน กก.ตร.สภ.มาบอำมฤต กล่าวว่า ตนกับ ร.ต.อ.พิเชษฐ์ผู้ตายมีความสนิทกันมาก ปกติเป็นคนร่าเริง ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า รักครอบครัว ถ้าไม่เป็นตำรวจเขาก็อยู่อย่างสุขสบาย ภรรยามีสวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมันหลายร้อยไร่ แต่ด้วยความรักอาชีพตำรวจ รับราชการมาตั้งแต่เป็นชั้นประทวน จนสอบได้เป็นนายตำรวจสัญญาบัตร อยู่ในสายป้องกันและปราบปรามมาโดยตลอด พอมีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายให้ไปเป็นตำรวจฝ่ายสอบสวน พฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ไม่ยุ่งกับใคร เก็บตัวมาตลอดช่วง 3-4 เดือน
    นายพงษธรกล่าวอีกว่า ก่อนที่ ร.ต.อ.พิเชษฐ์จะยิงตัวตายได้มีปรับทุกข์กับตนตลอด ว่าไม่สามารถทำงานสอบสวนได้อีกแล้ว เนื่องจากมีอายุมากแล้ว ไม่ถนัดงานด้านนี้ และพยายามโทรศัพท์พูดคุยกับตนตลอด จนไม่ได้หลับนอนถึง 3 วัน 3 คืน เกี่ยวกับความไม่ได้รับความเป็นธรรม มีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งกัน แล้วโยกย้ายยัดเยียดตนโดยไม่สอบถามแม้แต่คำเดียว จนมาคิดสั้นฆ่าตัวตายดังกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"