เปิดภาพลูกเสือดาว โผล่ป่าแก่งกระจาน


เพิ่มเพื่อน    


    อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเปิดภาพครอบครัวเสือดาวลูกสอง ที่เป็นลูกเสือดาว 1 ตัว ลูกเสือดำ 1 ตัว พร้อมบ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์ ยืนยันผืนป่าแก่งกระจานมีความสมบูรณ์พอที่จะเป็นมรดกโลก
    เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน นายมานะ เพิ่มพูน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เปิดเผยว่า จากการนำกล้องดักถ่ายติดตั้งภายในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จะเห็นได้ว่าสามารถบันทึกภาพสัตว์ป่าหายากไว้ได้อย่างมากมาย ทั้งเสือดาว เสือดำ โดยล่าสุดกล้องที่ติดตั้งไว้บริเวณพื้นที่ห่างจากเขาพะเนินทุ่งขึ้นไปทางทิศตะวันตก ทางเทือกเขาตะนาวศรี ห่างชายแดนไทย-เมียนมาประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 3 วัน ในการติดตามประชากรตามป่าที่อยู่ติดชายแดนไทย-เมียนมา พบว่ามีความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์ป่า มีการพบร่องรอยทางเดินมนุษย์พบสัตว์ทั้งเหยื่อและผู้ล่า โดยกล้องสามารถบันทึกภาพของครอบครัวเสือดาวเอาไว้ได้
    นายมานะกล่าวว่า จากภาพที่เห็นแม่เสือดาวจะเดินนำหน้า โดยมีลูกสองตัวเป็นเสือดาว 1 ตัว และเสือดำ 1 ตัว ซึ่งเป็นภาพที่น่ารักและสะท้อนให้เห็นถึงความสมบูรณ์และการเพิ่มทรัพยากรสัตว์ป่าอย่างเห็นได้ชัด และเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สัตว์ป่ายังคงอยู่ และบริเวณเดียวกันก็ยังพบสมเสร็จ วัวกระทิง ช้างป่า เก้ง ซึ่งเป็นพื้นที่ความหวังในการดูแลรักษาสัตว์ป่าซึ่งข้ามไปข้ามมาระหว่างชายแดน
    "เสือดาวหรือเสือดำเป็นเสือชนิดเดียวกัน หลังจากเจ้าหน้าที่กลับจากลาดตระเวนป่า ได้นำภาพครอบครัวเสือดาวที่กำลังออกหากินบริเวณเทือกเขาแนวขอบชายแดนระหว่างไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ด้านตะวันตกของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ปรากฏภาพถ่ายเสือดาวที่มีลูก 2 ตัว ตัวหนึ่งลายเหมือนแม่ที่มีลายเป็นเสือดาว อีกตัวหนึ่งที่เดินตามกันมาเป็นเสือดำ"
    หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกล่าวว่า เรามีความพยายามในการติดตามจำนวนประชากรสัตว์ป่าทุกชนิด ทั้งเสือโคร่ง เสือดาว เสือดำ และจระเข้น้ำจืด ซึ่งปัจจุบันเราได้พบร่องรอยได้บ่อยครั้งขึ้น และจากตรงนี้ทำให้เราสามารถแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแก่งกระจาน ตามข้อเสนอมรดกโลกที่เราเสนอเรื่องความสมบูรณ์และความหลากหลายทางระบบนิเวศของชนิดพืชและสัตว์ที่หายาก ซึ่งเป็นตัวยืนยันว่าผืนป่าแก่งกระจานมีความสมบูรณ์พอที่จะเป็นมรดกโลก ซึ่งได้รับความร่วมมือจากชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ โดยเฉพาะชุมชนชาวกะเหรี่ยง
    ปัจจุบันการลักลอบทำลายทรัพยากร การรุกล้ำสถานที่และการลักลอบล่าสัตว์ป่าลดลง ส่วนเรื่องของการป้องกันการลักลอบจากบุคคลภายนอก เราเพิ่มสายตรวจชุดลาดตระเวนเป็น 5 ชุด ที่เฝ้าดูแลรักษาทรัพยากรและลาดตระเวนให้ครบพื้นที่ทั้งหมด โดยมีเป้าหมายการเดินไม่น้อยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ ปัจจุบันเดินลาดตระเวนครอบคลุมพื้นที่ได้เกือบถึง 60 เปอร์เซ็นต์แล้ว
    เป้าหมายต่อไปในอนาคต ถ้าเราสามารถพัฒนาระบบลาดตระเวนเชิงคุณภาพให้ดีขึ้น ทำให้เราสามารถเดินได้ใกล้เคียง 100 เปอร์เซ็นต์ เราก็พบเห็นประชากรสัตว์ป่าได้มากขึ้น โดยนโยบายเรื่องการดูแลทรัพยากรด้วยการลาดตระเวนของนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์พืช ที่ท่านได้ให้ความสำคัญกับทุกอุทยาน เพราะฉะนั้นในอนาคตหากมีการพบสัตว์ป่าออกมาเพิ่มขึ้นบริเวณชายขอบก็จะต้องดูแล โดยความร่วมมือร่วมกับภาคประชาชนทุกภาคส่วน เพื่อที่ช่วยกันดูแลรักษาทรัพยากรสัตว์ป่าให้คงอยู่.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"