ในที่สุด “ศาลรัฐธรรมนูญ” ที่มี “นุรักษ์ มาประณีต” นั่งหัวโต๊ะประธานศาลรัฐธรรมนูญ ก็ได้มีมติกรณี “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่ง คำร้องของสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) เพื่อให้ศาลวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของ 41 ส.ส. จาก 6 พรรคการเมือง สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ ในกรณีการถือครองหุ้นสื่อ ...๐

โดยงานนี้ที่ประชุมศาลก็มีมติรับคำร้องของผู้ถูกร้อง 32 คนไว้วินิจฉัย ส่วน อีก 9 ราย ประกอบด้วย “ศาสตรา ศรีปาน, สุรศักดิ์ ชินวรรณ์, ภริม พูลเจริญ, ปารีณา ไกรคุปต์, ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์, จักรพันธ์ พรนิมิต, กรณ์ จาติกวณิช, ประมวล พงศ์ถาวราเดช และอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์” ไม่เข้าข่ายรับ แต่ที่น่าจะทำให้เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ของไม้เบื่อไม้เมาอย่างพรรค “ส้มหวาน” ก็คือ การที่ 32 ส.ส.ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เหมือน “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคแน่นอน ซึ่ง หากพินิจพิเคราะห์จากเอกสารข่าวของศาลรัฐธรรมนูญที่ 11/2562 ก็น่าจะเข้าใจได้ ยกเว้นแต่ใจมีอคติกับคำว่า “ปาฏิหาริย์กฎหมาย” เท่านั้น ...๐

ศาลได้ชี้แจงได้ไว้ชัดเจนแบบภาษาชาวบ้านง่ายๆ คือ กรณี 32 ส.ส.นั้น ก็เหมือน “จดหมายสนเท่ห์” นั้นแล ศาลจึงต้องทำการตรวจสอบไต่สวนทวนความก่อน แต่ของ “พ่อฟ้า” นั้น เปรียบเสมือนมีใบเสร็จแล้ว เพราะ “กกต.” ได้ไต่สวนและตรวจสอบแล้ว รอเพียงให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ตีตราสังหรือไม่ อย่างไรเท่านั้นเอง งานนี้ไม่เรียกว่า 2 มาตรฐาน แต่ต้องบอกว่าเป็นความอ่อนด้อยของผู้ร้อง ...๐

ดูง่ายๆ อย่างกรณี 9 รายชื่อก็น่าจะรู้ได้ โดยเฉพาะกรณี “ปารีณา ไกรคุปต์” ที่ระบุวัตถุประสงค์ของบริษัทว่าเป็นขายหนังสือแบบเรียนต่างๆ ก็ยังไม่ตีขลุมว่าเป็นการถือครองหุ้นสื่อ  ทำงานอย่างนี้จะเรียกว่า “อนาคตใหม่” หรือจะเรียกว่า “อนาคตไร้แก่นสาร” ดีเล่า ...๐

ไม่ต่างจาก “จาตุรนต์ ฉายแสง” อดีตประธานยุทธศาสตร์ พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ที่กลายเป็นพรรคแห่งประวัติศาตร์การเมืองไทยที่ก่อตั้งและถูกยุบทิ้งเร็วที่สุดก็ว่าได้ ที่ออกมาจับผิด-จับถูกในเรื่อง “ขี้หมูราขี้หมาแห้ง” ในการรับเงินเดือนจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” แม้จะออกตัวล้อฟรีบอกว่าไม่ใช่จับผิดเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นเรื่องการไม่เห็นด้วยในการควบสองตำแหน่ง พิโธ่! มีการระบุลงลึกถึงจำนวนวันกันเลยทีเดียว อย่างนี้จะบอกว่าไม่ใช่การจับผิดเล็กๆ น้อยหรือจ๊ะ ...๐

เห็นเงียบๆ  กันไปนานสำหรับรายชื่อคณะรัฐมนตรีประยุทธ์ 2/1 ล่าสุด “ลุงตู่” ก็เล่นมาเหนือเมฆอีกรอบ หลังมีข่าวรายชื่อหลายคนไม่ผ่าน หลุดโผ โดยลุงตู่กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า "ไม่ใช่แบบนั้น เขาเสนอมา 40 กว่าคน ก็ต้องหลุดบ้างแหละมั้ง เพราะมี 36 ตำแหน่ง" เรียกว่าเล่นเอาวงการเมืองพลิกแบบ 360 องศาแบบไม่รู้ไปทางไหนเลย ...๐ แต่เรื่องดังกล่าวคงไม่ทำให้ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยยินดียินร้ายแต่ประการใด เพราะยืนยันชัดแจ้งว่ารายชื่อ 7 รัฐมนตรีของพรรคคุณสมบัติครบแน่นอน แหม! งานนี้สงสัยบรรดารายชื่อรัฐมนตรีจากค่ายพลังประชารัฐและประชาธิปัตย์คงได้หนาวๆ ร้อนๆ แน่ๆ เพราะยังไม่กล้าออกมาการันตีเหมือนกับภูมิใจหนูแต่ประการใด ...๐

กลับมาที่เป็น “ทอล์กออฟเดอะทาวน์” อีกกรณีหนึ่งคือ การหวนคืนกรมปทุมวันของ “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล” ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการนั่งเทียนปั้นมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ทั้งเรื่องการคัมแบ็กกลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม และล่าสุดคือการนั่งเป็น “อนุกรรมการ ก.ตร.” อีกวาระหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ต้องถูกถอดออกจากตำแหน่ง เนื่องด้วยเหตุผลไม่มีเวลา ซึ่งงานนี้ก็เล่นเอา “บิ๊กโจ๊ก” ต้องเหนื่อยอีกระลอกที่ต้องให้สัมภาษณ์และเดินสายชี้แจงกรณีนี้ แต่ สุดท้ายสังคมก็ยังกังขาอยู่ดีว่า สุดท้ายที่ “บิ๊กโจ๊ก” ถูกย้ายขาดจาก “ตำรวจ” ไปนั่งเป็นข้าราชการประจำนั้นมีสาเหตุใดกันแน่ ...๐

ทิ้งท้ายด้วยข่าวเศรษฐกิจที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะล่าสุด “คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวต่ำ!!! พร้อมปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ลง 0.5% เหลือ 3.3% และที่สำคัญคือ ประมาณการว่าการส่งออกของไทยปีนี้จะไม่ขยายตัว หรืออยู่ที่ 0% งานนี้ก็ต้องลุ้นกันว่าสงครามการค้าจะลามกลายเป็นวิกฤติเศรษฐกิจโลกหรือไม่อย่างไร เพราะแค่นี้ก็เล่นเอาส่งออกของพี่ไทยไม่ขยับกันแล้ว ...๐

...ท.ศักดิ์