26 มิ.ย.62 - เมื่อเวลา 18.30 น. ที่หอประชุมใหญ่ทีโอที นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องส.ส.ถือหุ้นสื่อจำนวน 32 รายและไม่รับคำร้อง 9 รายว่าเราตั้งข้อสังเกตว่าดูเหมือนศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เกณฑ์ในการพิจารณาที่แตกต่างจากแนวทางของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งที่พิจารณาแต่เพียงหนังสือบริคณห์สนธิดูวัตถุประสงค์เรียงข้อและมีการตัดสิทธิ์เลือกตั้งไปแล้ว2 รายดังนั้นแนวแบบนี้ตนยังไม่แน่ใจว่าท้ายที่สุดแล้วศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินแบบใดแต่จากเอกสารที่ออกมานั้นดูเหมือนศาลรัฐธรรมนูญจะบอกว่าไม่ได้ดูแต่เหตุผลในหนังสือบริคณห์สนธิเท่านั้นและความประสงค์จะทำกิจการเท่านั้นแต่ดูว่าประกอบกิจการจริงๆหรือไม่
"สิ่งที่ผมฝากเอาไว้ในท้ายที่สุดแล้วเมื่อมีการวินิจฉัยลงไปในเนื้อถึงคดีศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกาหรือไม่ถ้าหากไม่เหมือนแสดงว่า2 รายที่ถูกศาลพิจารณาตัดสิทธิ์เลือกตั้งไปแล้วเขาจะกลายเป็น2 รายเท่านั้นที่ถูกตัดสิทธิ์ส่วนรายอื่นใช้เกณฑ์อื่นต้องฝากให้พิจารณาต่อไป" นายปิยบุตรกล่าว
นายปิยบุตร กล่าวว่าการที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องเอาไว้ 32 รายโดยไม่สั่งให้ยุติการปฎิบัติหน้าที่โดยให้เหตุผลว่ากรณี 41 รายที่พรรคอนาคตใหม่ยื่นไปเป็นการยื่นโดยส.ส.เข้าชื่อไม่ได้มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงในขณะที่คดีของนายธนาธร ผ่านกกต.มา ขอชี้แจงว่ากรณีของนายธนาธรแม้จะผ่านกกต.และมีการไต่สวนข้อเท็จจริง แต่การไต่สวนข้อเท็จจริงนั้นมีปัญหาเรื่องมาตรฐานและการไม่ให้สิทธิ์แก่ผู้ถูกกล่าวหาอย่างเพียงพอ
เช่นการเปิดโอกาสให้นายธนาธรไปชี้แจงเพียง 1 ครั้งมีหนังสือเรียกให้นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธรไปสอบสวนเรียกตอนเช้าแต่หนังสือถึงบ่ายเป็นต้น
นายปิยบุตร กล่าวต่อว่านอกจากนั้นศาลรัฐธรรมนูญยังให้เกณฑ์เพิ่มเติมว่าเราจะดูจากใบบอจ.อย่างเดียวไม่ได้จำเป็นที่ต้องดูแบบแสดงรายการการประกอบธุรกิจของห้างหุ้นส่วนบริษัท(สสช.1) หรือต้องดูแบบนำส่งงบการเงินของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทด้วยว่ามีรายได้จากการประกอบกิจการใดซึ่งเรื่องร้องนายธนาธรได้ส่งเอกสารเหล่านี้ไปที่กกต.ด้วยในขณะที่41 รายชื่อที่ส.ส.อนาคตใหม่ร้องไปนั้นมีเพียงใบบอจ. จึงไม่เป็นเหตุอันควรสงสัยได้ว่าผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้องจริงก็เลยไม่ได้สั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่
"ขอให้สังเกตทิ้งท้ายว่าศาลรัฐธรรมนูญนั้นปรารถนาดีตามที่สังคมกำลังตั้งคำถามถึงมาตรฐานจะเท่าเทียมกันหรือไม่ ศาลจึงทิ้งท้ายแถมมาให้ในเอกสารข่าวซึ่งคำร้องของเราไม่ได้มีระบุไว้ โดยในตอนท้ายอ้างถึงคดีนายธนาธรที่สั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ต้องมีแบบสสช.1 แบบงบการเงินประกอบด้วย จึงเป็นที่น่าเสียดายว่าถ้าพูดเอาไว้ตั้งแต่เมื่อมีมติกรณีนายธนาธร เราก็จะได้รู้ว่าท่านใช้มาตรฐานนี้ในการดูเราจะได้เตรียมแบบ สสช.1 และงบการเงินไปด้วย" นายปิยบุตรกล่าว
นายปิยบุตร กล่าวว่าดังน้ันจึงอยากเรียนไปยังท่านอื่นๆที่อยากจะยื่นคำร้องในเรื่องนี้ถ้าร้องโดยส.ส.จะไม่มีการไต่สวนจึงต้องไปร้องที่กกต.แล้วให้กกต.ส่ง จึงต้องจับตาดูในส่วนที่มีบุคคลจำนวนมากไปร้องรายชื่อซ้ำๆกับ41 รายชื่อนี้ที่กกต.ว่าจะมีการไต่สวนอย่างไรและใช้ระยะเวลาเท่าใดจะใช้เวลา57 วันเหมือนกรณีนายธนาธรหรือไม่นอกจากนั้นหากจะร้องขอให้แนบแบบสสช. 1 และแบบงบการเงินไปด้วยเพระศาลรัฐธรรมนูญได้วางมาตรฐานไว้ให้เราแล้วอย่างไรก็ตามในกรณี 32 รายเราหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะใช้มาตรฐานเทียบเคียงกับกรณี 2 ผู้สมัครส.ส.ที่ถูกตัดสิทธิ์ไปก่อนหน้านี้ด้วย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |