กกต.ส่อสุญญากาศ 'สมชัย'สมัครเลขาฯ-ส.ค.อาจเหลือแค่3/ไม่ปลดล็อกตั้งพรรค


เพิ่มเพื่อน    

    ตามคาด “สมชัย” ลงสมัครเลขาธิการ กกต. อ้างโดดลงเรือเล็กเพื่อประคองเรือใหญ่ ลั่นไม่ได้จองเก้าอี้แค่ตัดสินใจเพื่อบ้านเมืองแม้เมียสั่งให้ไขก๊อก “วิษณุ” ระบุอย่ามองแง่ร้ายเรื่อง 7 กกต. ชี้ทุกอย่างมีทางออก ลั่นหาก 5 เสือตายตอนนี้ก็ไม่กระทบโรดแมปเพราะยังไม่มีการเลือกตั้ง “พรเพชร” ขีดเส้น 150 วันได้คนใหม่แน่แม้จะยากกว่าเดิม “บิ๊กป้อม” ลั่นไม่ปลดล็อกเปิดจดตั้งพรรคใหม่  “ปณิธาน” กังวลเหตุรุนแรงแทรกซ้อนหลังม็อบระดมคน
    เมื่อวันจันทร์ที่ 26 ก.พ. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร  กกต.ได้ยื่นใบสมัครพร้อมหลักฐานการสมัครเป็นเลขาธิการ กกต. ท่ามกลางสื่อมวลชนจำนวนมากมาติดตามทำข่าว 
โดยนายสมชัยให้เหตุผลการลงสมัครเลขาธิการ กกต.ว่าคนสมัครน้อย เหลือเวลาอีกไม่นานก็จะปิดรับสมัคร แต่สาเหตุหลักเพราะคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีเจตนาจะให้ กกต.ชุดใหม่ที่มีคุณสมบัติสูง มีเอกภาพเป็นปลาน้ำเดียวทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งในทุกระดับ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไม่รับรอง 7 ว่าที่ กกต. ทำให้ต้องการสรรหาใหม่ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน หรือราวเดือน ส.ค.จึงจะได้ กกต.ชุดใหม่ 
นายสมชัยกล่าวต่อว่า หากช่วงเวลาดังกล่าวมีการเลือกตั้งท้องถิ่นตามความต้องการของ คสช. ก็ยังต้องเจอปัญหานายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากอายุครบ 70 ปีในวันที่ 7 ส.ค.  ซึ่งความฉุกละหุกในการได้ กกต.ชุดใหม่จะทำให้การจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นเกิดความไม่ราบรื่น หรือถ้าหากในเดือน ส.ค.การสรรหา กกต.ยังได้ไม่ครบต้องสรรหาเพิ่ม ก็ต้องใช้เวลาเพิ่มเติมไปอีก 6 เดือน โดยจะไปครบในเดือน ก.พ.62 ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวอาจมีการเลือกตั้งทั่วไป แต่นายศุภชัย สมเจริญ  ประธาน กกต.ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งไปอีกคนเนื่องจากมีอายุครบ 70 ปีในวันที่ 8 ก.พ.62 
นายสมชัยกล่าวอีกว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นอะไรที่อึดอัดพอสมควรต่อทุกฝ่ายในบ้านเมือง  เพราะ กกต.ชุดใหม่ต้องทำงานทันทีไม่มีเวลาเรียนรู้งาน ขณะที่ กกต.เก่าซึ่งไม่รู้ว่าต้องพ้นไปเมื่อไหร่ และกลไกปฏิบัติก็ไม่เอื้อให้เกิดประโยชน์ เพราะฝ่ายปฏิบัติมองว่าไม่ใช่ตัวจริง ดังนั้นจึงตัดสินใจยื่นสมัครเลขาธิการ กกต. เป็นการหาทางออกให้ตัวเองและบ้านเมือง เพราะถ้าไม่ได้รับเลือกก็ยังทำหน้าที่  กกต.ช่วยเตรียมการเลือกตั้งต่อไป หรือถ้าได้รับเลือกก็จะได้ทำหน้าที่ส่งมอบงานให้ กกต.ชุดใหม่เป็นไปอย่างราบรื่น 
    "สิ่งที่ผมตัดสินใจในวันนี้คงต้องใช้คำว่า ไม่ได้สละเรือใหญ่โดดหนี หากเห็นว่าผมเหมาะสมกับตำแหน่งเลขาฯ อาจให้ผมโดดไปอยู่เรือเล็กเพื่อสนับสนุนเรือใหญ่ ซึ่งก็แล้วแต่ กกต. ผมจะไม่ล็อบบี้ใดๆ  จะแข่งขันภายใต้ความเท่าเทียมและกติกาเดียวกัน และที่ผมลงไม่ได้แปลว่าผมจอง หรือ กกต.จะเลือกผม ซึ่งตามปฏิทิน 1 มิ.ย.ต้องมีเลขาฯ คนใหม่ และในวันที่ 8 พ.ค.ที่ประชุม กกต.จะพิจารณา ซึ่งผมจะลาพักร้อนไม่ร่วมประชุมเพื่อให้ กกต.ตัดสินใจอย่างเสรี ไม่ต้องเกรงใจ และหากได้รับเลือกก็ต้องลาออกในวันที่ 31 พ.ค. มีผลให้ กกต.เหลือ 4 คน จนกระทั่งถึงวันที่ 7 ส.ค.ที่นายบุญส่งต้องพ้นไป ถ้าวันนั้นยังไม่มีคำสั่งจาก คสช.ให้ดำรงตำแหน่งต่อไป ก็จะทำให้เหลือ กกต. 3 คนในเวลาสั้นๆ เพราะปลาย ส.ค.ก็จะได้ กกต.ใหม่แล้ว" นายสมชัยกล่าว
    เมื่อถามว่าเป็นการเหยียบเรือสองแคมหรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่าแล้วแต่จะคิด แต่ดีกว่าออกจากเรือโดยไม่มีเยื่อใยแล้วเกิดปัญหาบ้านเมือง เพราะตั้งแต่วันศุกร์ที่มีกระแสข่าวว่าจะลาออก ก็มีคนส่งข้อความมาสนับสนุนให้ลาออก โดยเฉพาะภรรยาถึงขั้นเกือบสั่ง แต่ก็เห็นว่าไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหาบ้านเมือง จึงมาสมัครวันนี้ และยังมีเวลาอีก 2 เดือนเต็มที่จะไปใคร่ครวญ
    “การสมัครเป็นเลขาฯ ไม่ถือว่าลดตำแหน่ง เพราะคนเคยเป็นนายกฯ ยังมาเป็นรองนายกฯ คนที่เป็นรัฐมนตรียังมาเป็นรัฐมนตรีช่วยได้ จึงอยู่ที่ว่าเรารู้บทบาทในตำแหน่งหน้าที่ที่ทำอยู่หรือไม่” นายสมชัยระบุ
วิษณุเตือนอย่ามองแง่ร้าย
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการสรรหา กกต.ชุดใหม่ที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะไม่มีผู้มาสมัครเนื่องจากตั้งคุณสมบัติไว้สูง ว่าอย่าเพิ่งไปประมาทเพราะคนมีความสามารถมีอยู่เยอะ เชื่อว่าที่สุดจะหาได้ ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าที่ สนช.มีมติไม่เห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็น  กกต.เพราะไม่ถูกใจ คสช.นั้น ไม่น่าจะใช่ เนื่องจาก คสช.ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง และหากผ่านก็จะมีการพูดว่าเป็นใบสั่ง คสช.ให้ผ่าน หากผ่านบางคน ไม่ผ่านบางคน ก็ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีโผขึ้นมาอีก เมื่อเรายอมรับกลไกการคัดเลือกแล้วให้สภาโหวตก็จะมีทั้งผ่านและไม่ผ่าน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องตั้งข้อสงสัย ในอดีตก็เคยมีมาแล้วที่เสนอรายชื่อผู้ได้รับสรรหาเป็นองค์กรอิสระแล้วสภาไม่รับ 
    ถามว่ากังวลหรือไม่อาจไม่มีตัวแทนจากศาลฎีกามาสมัคร กกต.เนื่องจาก สนช.ไม่ให้ความเห็นชอบตัวแทนจากศาลฎีกาที่ส่งมา นายวิษณุกล่าวว่าไม่ขอวิจารณ์ แล้วเหตุใดสื่อต้องสันนิษฐานดักไว้ทุกอย่างในแง่ร้าย ขอให้คิดในแง่ดีว่าจะแห่กันมาสมัครมืดฟ้ามัวดิน และหากผู้พิพากษาไม่มาสมัครเขาก็มีช่องทางทำกันจนได้ อย่าห่วงทุกอย่างมีทางออก ไม่มีอะไรตัน แต่ถึงอย่างไรส่วนตัวคิดว่า กกต.ชุดใหม่ควรได้ก่อนการเลือกตั้งใหญ่
    ถามต่อว่าหากจำเป็น กกต.ชุดนี้สามารถจัดการเลือกตั้งได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าได้ทั้งหมด ทั้งท้องถิ่นและระดับชาติ แต่ที่เขากลัวคือการเปลี่ยนม้ากลางแม่น้ำ หากให้เขาทำจนเสร็จก็จบเรื่อง แต่กลัวว่าอยู่ระหว่างการดำเนินการแล้วได้ กกต.ชุดใหม่ ชุดเก่าก็ต้องออก ส่วนชุดใหม่ก็พะวักพะวน
    ถามถึงกรณีนายสมชัยลงสมัครเลขาธิการ กกต.จะส่งผลอย่างไรหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าวันนี้เขายังไม่ต้องออก หลังได้เรียบร้อยแล้วค่อยออก แต่ท่านเองก็ยังไม่รู้ว่าจะได้ กกต.ชุดใหม่เมื่อใด ถ้ามีปัญหายังไม่ได้ กกต.ชุดใหม่ขึ้นมา และเมื่อท่านลาออก กกต.จะหายไปอีก แล้วหากเกิดเหตุทำให้ กกต.ที่เหลือต้องหายไปอีก แล้ว กกต.ชุดใหม่ยังไม่ได้ก็อาจยุ่งหน่อย ท่านก็อาจพิจารณาเพื่อเห็นแก่ประเทศชาติ ท่านอาจไม่เอาตำแหน่งเลขาฯ กกต.ก็ได้ และถ้านายสมชัยลาออกจริง กกต.ที่เหลือทั้ง 4 ท่านก็ทำงานได้บางเรื่อง ซึ่งจะกระทบความเชื่อมั่น แต่ก็มีทางออกอยู่แต่ยังไม่ขอพูดตอนนี้ ยืนยันไม่กระทบโรดแมปหรืออะไรทั้งสิ้น ส่วนการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นนั้นไม่ต้องห่วง เพราะกฎหมายเขียนไว้คล่องตัว  เช่นให้ กกต.สามารถมอบให้ผู้อื่นจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นได้ แต่การเลือกตั้งระดับชาติไม่ได้เขียนไว้
    “วันนี้ถ้ายังไม่มีการจัดการเลือกตั้ง ผมคิดว่าไม่กระทบอะไร ต่อให้ กกต.ตายหมดทั้ง 5 คน หรือลาออกทั้งหมดในวันนี้ก็ไม่กระทบ แต่ถ้ามีการเลือกตั้งเข้ามากระทบแน่ แต่จะไปสมมติทำไม” นายวิษณุกล่าว
เมื่อถามว่านายบุญส่งจะเกษียณในเดือน ก.ค. แล้วนายสมชัยได้เป็นเลขาฯ กกต.จะทำอย่างไร นายวิษณุกล่าวว่าหากนายสมชัยไปเป็นเลขาฯ กกต. ไม่มีใครเหนี่ยวรั้งได้ แต่นายบุญส่งสามารถใช้มาตรา 44 ต่ออายุได้ แต่ไม่สามารถตั้งใครไปแทนได้ ยืนยัน กกต. 4 คนสามารถจัดการเลือกตั้งใหญ่ได้   
หวัง 150 วันได้ 7 กกต.
    ส่วนนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.กล่าวถึงกรณีการสรรหา กกต.ใหม่ว่า ระยะเวลาเปิดรับสมัครรอบที่ผ่านมา 7 วันถือว่าไม่เพียงพอ รอบนี้จึงต้องขยายให้นานกว่าเดิม และยอมรับการที่ สนช.มีมติไม่เห็นชอบ 7 ว่าที่ กกต.อาจทำให้ไม่มีใครกล้าสมัครอีก ทำให้การสรรหาครั้งนี้ลำบากกว่าครั้งแรก เพราะคนต้องคิดมาก แต่กรรมการสรรหาต้องมีทางแก้ โดยใช้นโยบายเชิงรุกชี้แจงเชิญชวนบุคคลทั่วไปให้มาสมัคร แต่ต้องนำเรื่องเสนอต่อคณะกรรมการสรรหาว่าเห็นด้วยหรือไม่ ทั้งนี้จะไม่มีการทาบทามบุคคล
     “ผู้ที่จะมาสมัครก็ต้องศึกษาว่าที่ สนช.ไม่ผ่าน กกต.ชุดแรกเพราะอะไร เพราะเขาก็ต้องมีเพื่อนฝูงในสนช. แม้ประชุมลับเขาก็แสวงหาข้อมูลได้ และเมื่อเขาเข้าใจเขาก็ยินดีมาสมัครได้” ประธาน สนช.กล่าว
      นายพรเพชรกล่าวอีกว่า เราจะใช้เวลาตรวจสอบคุณสมบัติกระชับมากขึ้น เพราะตรวจสอบเฉพาะตามองค์ประกอบของกฎหมาย ส่วนการตรวจสอบคุณสมบัติทางจริยธรรมและความประพฤติเป็นหน้าที่ของ สนช. ตามกรอบข้อบังคับใช้เวลา 45 วัน แต่ขยายเวลาได้ถึง 60 วันเหมือนครั้งแรก ซึ่งกระบวนการการสรรหาก็พยายามใช้ 90 วันอย่างเต็มที่ โดย 90 วันเป็นเพียงขั้นตอนการสรรหา ยังไม่รวมการตรวจสอบประวัติและการลงมติของ สนช. โดยในชั้นกรรมการสรรหาใช้เวลา 90 วัน และในชั้น สนช.ใช้เวลา 45 วัน ซึ่งสามารถขยายได้อีก 15 วัน เป็น 60 วันเหมือนครั้งที่ผ่านมา
    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงการสรรหา กกต.โดยเฉพาะตัวแทนจากศาลฎีกาว่า เป็นความไม่รอบคอบของคนเขียนกฎหมาย เพราะการลงคะแนนของศาลเป็นการลงคะแนนวงค่อนข้างเล็กและยังต้องทำงานด้วยกัน จึงเห็นใจมากเมื่อถูกบังคับให้ลงคะแนนแบบเปิดเผย อาจลำบากใจ ที่สำคัญเมื่อเลือกเสร็จคนที่ได้คือไปอยู่ กกต. ส่วนคนไม่ได้รับเลือกทำงานร่วมกันต่อ แต่ยังทราบด้วยว่าใครที่เลือกหรือไม่เลือกตัวเอง ดังนั้นจึงถือเป็นความไม่รอบคอบ จึงขอเสนอให้ทบทวนกฎหมาย โดยแก้กฎหมายให้ลงคะแนนแบบที่ศาลเคยลง ยกเว้น สนช.จะยืนยันหนักแน่นว่าต้องเปิดเผย และไม่ทราบว่าศาลจะมีท่าทีอย่างไรต่อไปในการสรรหารอบหน้า ถ้าทำแบบเดิมจะเป็นอย่างไร
    “ความเสียหายเกิดขึ้นแล้วกับ 2 ตัวแทนจากศาล ซึ่งค่อนข้างไม่เป็นธรรมเพราะคนไม่ได้พิจารณาว่าท่านเป็นคนอย่างไร แต่ติดใจกระบวนการ ส่วน 5 คนที่สรรหามาถือว่าผ่านคุณสมบัติขั้นเทพแล้ว แต่ยังวิพากษ์วิจารณ์ว่ายังไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์” นายอภิสิทธิ์กล่าว 
    เมื่อถามว่าสังคมสงสัย สนช.มีใบสั่งหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าดูยาก แต่ถ้าพิจารณาจากคะแนนที่ออกมาซึ่งใกล้กันหมด จะบอกว่าต่างคนต่างคิดคงไม่ใช่ แต่ประเด็นที่ว่าการคว่ำ 7 ว่าที่ กกต.เพื่อยื้อการเลือกตั้งนั้น ถ้าตามกฎหมายไม่มีผลเพราะ 5 กกต.ที่รักษาการทำหน้าที่ได้    
ส่วนนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ อดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย มองว่าต่อไปคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนที่รักษาตัวจะไม่มาสมัครเข้ารับการสรรหา จะทำให้ผู้เสนอตัวอยากเป็น กกต.มีน้อย สุดท้ายคงได้ กกต.ตามที่ผู้มีอำนาจอยากได้ เพราะเห็นตัวอย่างจากว่าที่ 7 กกต.ที่ถูกคว่ำ
ย้ำยังไม่ปล่อยผีการเมือง
       วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีเตรียมปลดล็อกพรรคการเมืองเพื่อรองรับการจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ในวันที่ 1 มี.ค.ว่า ตอนนี้ยังไม่มีการปลดล็อกเพราะยังไม่ได้ประชุม คสช.หารือในประเด็นดังกล่าว อย่าไปถามเรื่องล่วงหน้า แต่ยืนยันว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นจะเกิดขึ้นแน่นอน เพียงแต่ขอรอให้มีการประชุม คสช.เสียก่อน
        เมื่อถามถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเตรียมตั้งพรรคเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ รองนายกฯ กล่าวว่าไม่ทราบ ต้องไปถามนายสุเทพเอง 
    ขณะที่นายสมชัยได้ตรวจดูความพร้อมห้องภายในสำนักงาน กกต.เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดยื่นคำขอแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองในวันที่ 1 มี.ค. ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ กกต.จึงเปิดรับจองชื่อในวันที่ 2 มี.ค. ซึ่งเชื่อว่าวันแรกของการเปิดรับจะมีกลุ่มการเมืองสนใจมาจองชื่อกว่า 10 กลุ่ม โดยเปิดให้จองตั้งแต่เวลา 07.30-17.30 น. โดยกลุ่มใดที่มาก่อนจะได้สิทธิ์ในการยื่นเอกสารและหลักฐานก่อน แต่ในกรณีที่ชื่อซ้ำกันจะยึดว่าเอกสารของกลุ่มใดครบเป็นสำคัญ   ไม่มีการจับฉลากเหมือนกับจองหมายเลขในการเลือกตั้ง 
ขณะเดียวกันนายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ในขณะนี้ว่า คนเหล่านี้จะมีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว เพราะฝ่ายความมั่นคงกดดันและพยายามควบคุมไม่ให้เคลื่อนไหว แต่ถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อพื้นที่การเมืองเริ่มขยับเริ่มเปิดมากขึ้น คนเหล่านี้พยายามขยับตาม
    “ฝ่ายความมั่นคงพยายามไปกดดันไม่ให้เคลื่อนไหว เพราะมันประมาทไม่ได้ เนื่องจากคนเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญระดับหนึ่ง สิ่งที่ฝ่ายความมั่นคงทำได้คือ กดดันและพยายามดำเนินการตามกฎหมาย  โดยฝ่ายข่าวมีข้อมูลอยู่ว่าเชื่อมโยงกับใครหรือไม่” นายปณิธานกล่าวและว่า กลุ่มที่เคลื่อนไหวในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอยากเลือกตั้ง กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่ทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัยเป็นหลัก แต่หากออกไปนอกมหาวิทยาลัยแล้ว เจ้าหน้าที่ต้องไปดูว่ามีความเชื่อมโยงกับคนการเมืองที่เคลื่อนไหวอยู่แล้วหรือไม่ และทำผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าผิดต้องว่ากันไปตามกฎหมาย
    เมื่อถามว่าขณะนี้ยังไม่มีรายงานการเคลื่อนไหวอะไรที่น่าเป็นห่วงใช่หรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า ต้องดูเป็นระยะๆ เพราะพอเราจับอะไรได้ มันมีความกังวลในระดับหนึ่ง ตอนนี้เราดูจังหวะและเวลาที่เขาประกาศชุมนุมประกาศระดมคนว่าจะมีอะไรมาแทรกซ้อนหรือไม่ โดยที่ คสช.จับตาดูเพราะไม่อยากให้เกิดความรุนแรงหรือเกิดการเผชิญหน้าจนคนทั่วไปรู้สึกแย่
     นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวโต้ว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ฯลฯ ส่วนใหญ่เป็นนิสิต นักศึกษา คนรุ่นใหม่ที่ทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัยเป็นหลัก ไม่มีอะไรที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ เทียบไม่ได้กับม็อบชัตดาวน์ประเทศ ชัตดาวน์ระบบราชการ ถ้า คสช.มองด้วยใจที่เป็นธรรมไม่มีอคติ จะเห็นว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นคนรุ่นใหม่ที่ห่วงใยประเทศ อยากให้ประเทศกลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตย โดยจัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว ซึ่งควรส่งเสริม ไม่ใช่กดดัน เพราะไม่เกิดประโยชน์และเป็นการทำลายบรรยากาศความปรองดองสมานฉันท์ในบ้านเมือง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"