ครม.เห็นชอบแผนฟื้นฟู ขสมก. หลังแก้มา 5 ปี ล้างภาระหนี้ 1.18 แสนล้านบาท คนกรุง เตรียมเฮ ได้ใช้รถใหม่ 1 พันคัน ภายใน มิ.ย.ปีหน้า

    นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า ครม.มีมติเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เป็นรัฐวิสาหกิจที่ประสบปัญหาขาดทุน ขาดทุนสะสมถึง 1.18 แสนล้านบาท ภาครัฐจึงต้องเข้ารับภาระดังกล่าว เมื่อเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ  เนื่องจากรถเมล์โดยสาร 2,600 คัน ใช้งานมากกว่า 20 ปี มีภาระค่าซ่อมแซมรถสูงมาก จำนวนพนักงาน 13,500 คน ในจำนวนดังกล่าวมีพนักงานขับรถ 5,000 คน กระเป๋ารถเมล์ 5,000 คน 
    ทั้งนี้ ในขณะเดียวกันก็มีภาระเพิ่มเติมหลายด้าน เช่น รถโดยสารประจำทางมีสภาพเก่าทรุดโทรม ไม่เพียงพอต่อการให้บริการ ขาดบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ค่าเชื้อเพลิง ค่าเหมาซ่อมและดอกเบี้ยจ่ายมีแนวโน้มสูงอย่างต่อเนื่อง รายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย และรวมไปถึงการปรับเพิ่มเงินเดือน 6.5% ต่อปี จึงต้องลดค่าใช้จ่ายบุคลากร ผ่านโครงการเกษียณอายุราชการก่อนครบกำหนด จำนวน 5,000 คน ใช้เงินรองรับ 6,000 ล้านบาท เพื่อลดภาระต้นทุนพนักงาน
    “แผนฟื้นกิจการ ขสมก. เบื้องต้นมุ่งเดินหน้าจัดซื้อรถใหม่ 3,000 คัน ทั้งรถเมล์ไฟฟ้า (อีวี) ไฮบริด และ NGV ทั้งแบบการจัดซื้อและเช่า เพื่อนำมาปรับปรุงเส้นทางวิ่งให้บริการสอดคล้องกับเส้นทางรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ จากนั้นคาดว่าจะมีรายได้ก่อนหักภาษี (EBITDA) เป็นบวกในปี 2565 โดยรถเมล์ 1 คัน ลดภาระแบกรับพนักงานจาก 5.14 คน ลดเหลือ 2.75 คน จากนั้นคาดว่ารายได้จะปรับดีขึ้นต่อเนื่อง และ ขสมก.ต้องเสนอแผนฟื้นฟูในรายละเอียดเพิ่มเติม” นายณัฐพรกล่าว
    ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า สำหรับแผนฟื้นฟูในการจัดหารถใหม่ จำนวน 1,058 คัน ได้แก่ การจัดหารถโดยสารใหม่ (ปรับปรุงสภาพรถเดิม) จำนวน 323 คัน เช่ารถโดยสารใหม่ 700 คัน รถเมล์ไฟฟ้า (อีวี) 35 คน ซึ่งจะส่งมอบรถทั้งหมดได้ภายในเดือนมิถุนายน 2563 ส่วนปี 64 จะมีการจัดซื้อรถไฮบริด จำนวน 700 คัน ปี 65 จำนวน 753 คัน
    นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะนำระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ ประกอบด้วย การติดตั้งระบบ E-Ticket ชำระค่าโดยสารด้วย QR Code ติดตั้งระบบ GPS ให้บริการ WIFI บนรถ การปรับปรุงเส้นทางเดินรถ เช่น เชื่อมต่อเส้นทางกับระบบขนส่งสาธารณะ
    สำหรับการนำระบบเทคโนโลยีมาใช้บริการก็มีความสำคัญ เนื่องจากจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายกับผู้โดยสาร ทั้งนี้ เพื่อให้ ขสมก.สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ลดภาระกับภาครัฐ เช่น ลดค่าใช้จ่ายพนักงานโครงการเกษียณก่อนกำหนด หรือโครงการร่วมใจจาก ปรับโครงสร้างองค์กรให้กระชับลง ลดค่าซ่อมบำรุงและค่าเชื้อเพลิง นอกจากนี้ รถโดยสารมีคุณภาพการให้บริการที่ดี สามารถอำนวยความสะดวกและยกระดับความปลอดภัยให้กับประชาชน การบริหารจัดการประสิทธิภาพ รองรับภารกิจในอนาคตที่มุ่งสู่ BMTA 4.0 และ ขสมก.มีสภาพคล่องทางการที่ดีสามารถเลี้ยงตนเองได้ ลดภาระกับภาครัฐ และสามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินได้
    “แผนฟื้นฟูของ ขสมก. ที่ได้รับการอนุมัติ เพื่อปรับปรุงองค์กรให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งแผนเริ่มมาตั้งแต่ปี 57 จนถึงปัจจุบันผ่านมา 5 ปี ในส่วนของหนี้เกิดจากหนี้ประสิทธิภาพ 20% (ค่าซ่อม, ค่าน้ำมัน) และหนี้นโยบาย 80% จะขอให้ทางกระทรงการคลังรับภาระหนี้แทน หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะทำงานมาดูในส่วนของเรื่องหนี้สิน” กล่าว
    นายประยูร ช่วยแก้ว รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่า สำหรับการปรับปรุงสภาพรถโดยสารนั้น คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 62 โดยจะใช้ระยะเวลา 1 ปีดำเนินการ ส่วนการติดตั้ง WIFI บนรถโดยสารจะแล้วเสร็จภายในปี 62.