24 มิ.ย.62 - นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านการคอร์รัปชัน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Veera Somkwamkid มีเนื้อหาดังนี้
หยุดเอาเรื่องบุญคุณมาลำเลิกกับผมอย่างไม่จบไม่สิ้นเสียที
ต้องบอกว่าประวิตรและประยุทธ์ ไม่ช่วยผม เมื่อครั้งที่ผมถูกทหารเขมรจับไปขังคุกเป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2553 จะถูกต้องกว่า ในขณะนั้น พล.อ.ประวิตร เป็นรองนายกควบตำแหน่งรมต.กลาโหม แทนที่จะช่วยผมออกมาทันที กลับบีบให้ผมยอมรับว่าได้เดินหลงเข้าไปในดินแดนเขมร 55 เมตร เพื่อแลกกับการปล่อยตัว ทั้งที่ผมกับคณะยังอยู่บนแผ่นดินไทย
ส่วนประยุทธ์เป็นผบ.ทบ.ในขณะนั้น มีอำนาจหน้าที่เต็มในการดูแลปกป้องอธิปไตยบนผืนแผ่นดินไทยทุกตารางนิ้ว แต่ยอมให้ทหารเขมรเข้ามาจับคนไทยในเขตแดนประเทศไทยไปดำเนินคดี และยอมให้เขมรยัดข้อหาว่าผมและคุณราตรีเข้าไปจารกรรมความลับทางทหารเขมรให้กับประเทศไทย
ประวิตรและประยุทธ์ต่างรู้กันดีว่าผมและคุณราตรีไม่ได้ทำงานเป็นสายลับให้กับกองทัพหรือหน่วยงานใดของรัฐไทย แต่ไม่ยอมออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของเขมร กลับนิ่งเงียบกับข้อกล่าวหานั้น การนิ่งเฉยเสียดังกล่าวจึงทำให้คนทั้งโลกเข้าใจผิด ว่าผมและคุณราตรีเป็นสายลับจริง จึงถูกศาลเขมรลงโทษว่าเป็นสายลับเข้าไปทำจารกรรม หากไม่มีข้อหานี้ผมและคุณราตรีจะถูกลงโทษเพียงข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย ซึ่งสามารถรอการลงอาญา และได้รับการปล่อยตัวกลับมาเหมือนคุณพนิช คุณแซมดิน และคนอื่นๆที่ได้รับการปล่อยตัวออกมาก่อนหน้านี้
ดังนั้น จึงมีผมและคุณราตรีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ถูกข้อหาจารกรรมความลับทางทหาร สาเหตุที่เราทั้งสองถูกยัดข้อหานี้ เนื่องมาจากเราทั้งสองให้การยืนยันในชั้นการสอบสวนของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของเขมร ในชั้นอัยการ และยืนยันในการพิจารณาคดีในศาลเขมรวันที่ 1 ก.พ. 2554 ว่าพวกเรายังอยู่ในเขตแผ่นดินไทย ทหารเขมรนั่นแหละที่เป็นฝ่ายผิด เพราะนำกำลังพร้อมอาวุธสงครามเข้ามาละเมิดอธิปไตยของไทย ด้วยการยืนยันอย่างตรงไปตรงมาและอย่างเด็ดเดี่ยวนี่แหละ ที่ทำให้เขมรไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงหาเรื่องยัดข้อหาว่าเป็นสายลับเพื่อเพิ่มโทษให้มีโทษหนัก จะได้ไม่สามารถรอการลงอาญาเหมือนคนไทยอีก 5 คนที่เข้าไปพร้อมกัน
มีที่ไหนในโลกหากเข้าไปทำความผิดด้วยกันพร้อมกัน แต่กลับถูกเลือกยัดข้อหาต่างกัน ในคณะที่ถูกจับทั้ง7 คนมีเพียงนายพนิช วิกฤติเศรษฐ์ ซึ่งในขณะนั้นเป็นส.ส. เป็นเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเพื่อนสนิทของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น สมควรจะถูกกล่าวหาว่าเข้าไปจารกรรมความลับมากกว่าคนอื่นๆ แต่นายพนิช กลับได้รับการปล่อยตัวออกมาเป็นคนแรกโดยติดคุกเพียง 12 วันเท่านั้น ทั้งหมดนี้คือเรื่องจริงคือความจริง จงหยุดเอาเรื่องประยุทธ์มีบุญคุณช่วยเหลือผมมาลำเลิกกับผมอีกต่อไป
หากถึงแม้ประยุทธ์จะมีส่วนช่วยเหลือผมจริง มันก็เป็นอำนาจหน้าที่ของเขาในฐานะหัวหน้า คสช. ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจรัฐ การช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับโทษอย่างไม่ยุติธรรมในต่างแดน จึงเป็นเรื่องที่สมควรทำอย่างยิ่ง ไม่สมควรมาทวงบุญคุณอย่างไม่จบสิ้น โดยเฉพาะจะให้ผมหยุดตรวจสอบการทำหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตของพวกเขา โดยอ้างเอาบุญคุณมาลำเลิกกับผมเช่นนี้ ผมไม่สามารถยอมรับได้ ตอนที่ผมถูกจับไม่ช่วยแล้ว ยังช่วยถีบผมส่งให้ฮุนเซนเอาไปทรมานให้เน่าตายในคุก แล้วยังจะมีหน้ามาลำเลิกทวงบุญคุณกับผมอีกหรือ
หากพวกเขาไม่ได้ทำความผิดตามที่ผมตรวจสอบ จะต้องกลัวอะไรกับการตรวจสอบของผม หากผมกล่าวหาเขาเรื่องไม่จริง เขาก็สามารถใช้สิทธิทางกฎหมายกับผมได้ทันที ไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องบุญคุณมาลำเลิกกับผมอย่างไม่รู้จบเช่นนี้
ผลประโยชน์ของชาติต้องอยู่เหนือผลประโยชน์ส่วนตัว ผมยอมให้คนไทยบางคนเข้าใจผิดว่าผมเนรคุณประยุทธ์ แต่ผมจะไม่ยอมให้คนไทยประนามว่าผมเนรคุณแผ่นดินไทยอย่างเด็ดขาด ถึงผมจะต้องตายก็ยอม
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |