24 มิ.ย.62-นายวิฑูรย์ แนวพานิช ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่าจากกรณีที่กรมการขนส่งทางบกและรัฐมนตรีคมนาคมคนใหม่ต้องการเเก้ปัญหาเรื่องรถแท็กซี่แกร็บ (Grab) ที่ผิดกฎหมายให้ถูกต้องตามกฎหมาย นั้น กลุ่มเครือข่ายผู้ขับขี่แท็กซี่มากกว่า 8 หมื่นคัน ได้รับผลกระทบต่อการประกอบการเเละการประกอบอาชีพอย่างรุนแรง ดังนั้นในวันจันทร์ที่ 24 มิ.ย. นี้. ได้นัดเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานครเข้าหารือถึงเรื่องดังกล่าว โดยกลุ่มเครือข่ายแท็กซี่จะเดินทางไปบุกกรมการขนส่งทางบกประมาณ 50-60 คัน ในเวลา 08.00 น. ต่อจากนั้น ในเวลา 11.00 น. ตนและสมาชิกเครือข่ายฯ จะเดินทางไปยังพรรคภูมิใจไทยด้วย เพื่อยื่นแถลงการณ์ต่อไป
นายวิฑูรย์กล่าวต่อว่า ต้องการยื่นเงื่อนไข 4 ข้อเป็นการแลกเปลี่ยนกับนโยบายผลักดันเรื่องดังกล่าว ประกอบด้วย 1.หากดำเนินการในเรื่องนี้เเล้วมีผลกระทบต่อการประกอบอาชีพ จะต้องมีการเยียวยาอย่างเป็นรูปธรรม 2.จะต้องมีการปราบปรามรถผิดกฎหมายที่มีอยู่ในขณะนี้ให้เป็นที่ประจักษ์ 3.ให้ทบทวนนโยบาย TAXI OKเนื่องจากไม่ประสบผลสำเร็จตามที่ได้ประกาศไว้ และ 4.จะต้องมีการปรับอัตราค่าโดยสารให้เป็นธรรมและสะท้อนต้นทุนที่เเท้จริง
นายวิฑูรย์กล่าวอีกว่าสำหรับประเด็นที่จะหารือกับกรมการขนส่งทางบกนั้นจะเสนอให้ยกเลิกกฎหมายบังคับใช้กับแท็กซี่ไปเลย เพราะที่ผ่านมากลุ่มแท็กซี่ปฏิบัติตามเงื่อนไขมาตลอด แต่ไม่มีการปรับขึ้นราคาให้และไม่มีความจริงจังในการแก้ปัญหาบริการแท็กซี่ผิดกฎหมาย(Grab) แต่พอมาวันนึงจะแก้กฎหมายให้บริษัทต่างชาติเข้ามา ทุกวันนี้ขาดทุนอยู่แล้ว เครือข่ายพร้อมเลิกขับแท็กซี่หากใช้วิธีแก้ปัญหาแบบนี้ ที่ผ่านมาต้องลงทุนติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐาน Taxi Ok กว่าคันละ 3 หมื่นบาท แต่กลับพบว่าระบบใช้ไม่ได้จริงจึงต้องหาวิธีเยียวยา ส่วนด้านการเข้าพบกับพรรคภูมิใจนั้นจะเข้าไปสอบถามถึงแนวทางการเยียวยาและนโยบายการทำให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ (Grabและแท็กซี่ทั่วไป) ตามที่หัวหน้าพรรค นายอนุทิน ชาญวีรกุล ได้ประกาศออกสื่อไปแล้วว่าจะทำให้ทุกคนพอใจแบบ 'เจ๊กอยู่ได้ ไทยอยู่ดี'
นายวิฑูรย์กล่าวต่อว่าปัจจุบันผู้ขับขี่แท็กซี่เดือดร้อนอย่างมาก ไม่มีการปรับขึ้นราคามามากกว่า 5 ปีแล้ว ต้องคิดค่าโดยสารแบบไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาราคาต้นทุนก๊าซปรับเพิ่มขึ้นมาถึง 40% ทุกวันนี่ผู้ขับขี่ต้องทำงาน 12-14 ชั่วโมงเพื่อรายได้ 300-400 บาทต่อวัน เช่นเดียวกับค่าแรกเข้า 35 บาทที่ไม่ได้ปรับเพิ่มมานานกว่า 20 ปีแล้ว ไม่มีที่ไหนในโลกตรึงราคาไว้แบบนี้ ประกอบกับโดนบริการ Grab แย่งรายได้ไปไม่ต่ำกว่า 20% เมื่อเทียบสัดส่วนแท็กซี่ทั่วไป 80,000 คัน และ รถ GrabCar 20,000 คัน
ส่วนเรื่องโครงการ Taxi OK และแอพพลิเคชั่น TaxiOK นั้นต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่ล้มเหลว เพราะแอพพลิเคชั่นใช้ไม่ได้จริง ผู้ขับขี่มองไม่เห็นออเดอร์ผู้โดยสาร ส่วนผู้โดยสารก็กดเรียกไปแล้วไม่มีรถมารับ แสดงให้เห็นว่าระบบไม่บันทึกการแสดงผล จึงเป็นเพียงแอพพลิเคชั่นในมือถือทีใช้ไม่ได้จริง แตกต่างจาก Grab ที่กดเรียกแล้วมารับได้เลย เพราะบริษัทต่างชาติใช้ระบบมาตรฐานที่ดี ทำให้อุปกรณ์ส่วนควบตามมาตรฐานที่ลงทุนติดตั้งไปสูญเปล่า
ส่วนกรณีที่โลกโซเชี่ยลมีเดียร์รุมต่อว่าและวิพากษ์วิจารณ์ผู้ขับขี่แท็กซี่ในวงกว้างหลังจากที่เครือข่ายแท็กซี่คัดค้าน Grab ถูกกฎหมาย นั้น นายวิฑูรย์กล่าวว่าการปฏิเสธผู้โดยสารเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ หากในเส้นทางนั้นขาดทุน เช่น รถติด หรือผู้โดยสารขอลงหลายจุด เป็นต้น เพราะทุกวันนี้คนขับมีรายได้น้อยจึงต้องวางอผนการขับขี่ ส่วน Grab ก็มีการปฏิเสธผู้โดยสารเช่นกัน อย่างไรก็ตามมองว่าปัญหาปฏิเสธผู้โดยสารจะแก้ไม่ได้แม้ Grab ถูกกฎหมาย เพราะคนขับแท็กซี่ปัจจุบันก็จะไปขับ Grab ในอนาคตอยู่ดี ปัญหานี้ต้องย้อนถามกลับไปกรมการขนส่งทางบกว่า หากกฎหมายบังคับใช้เข้มงวดจริง ทำไมถึงยังมีผู้โดยสารเดือดร้อน อย่างไรก็ตามตนอยากไปยังกลุ่มผู้มีอายุน้อยในโลกโซเชี่ยลว่าโปรดขอความเห็นใจผู้ประกอบการแท็กซี่เพราะไม่ได้ขึ้นราคามานานแล้ว ยังจำได้หรือไม่ตอนเป็นเด็กน้อยนั่งแท็กซี่ ก็ใช้ราคานี้ พวกคุณเติบโตขึ้นมาเรียนจบแล้วบางคนเพิ่งเริ่มวัยทำงาน ผ่านมา 20 ปี ราคาแท็กซี่ก็ยังเท่าเดิมไม่มีที่ไหนในโลกเป็นแบบนี้ ส่วนเรื่องจะยกเลิกแท็กซี่ไปเลยก็ทำได้ แต่ถามว่าแล้วคนทีใช้เทคโนโลยีไม่เป็น จะใช้บริการได้อย่างไร คนเถ้าคนแก่จะใช้แอพพลิเคชั่นได้สะดวกหรือไม่
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |