เช็กบิล55ส.ส.ฝ่ายค้าน!


เพิ่มเพื่อน    


    หุ้นสื่อลามถึงสภาสูง "เรืองไกร" อ้างอาจมี 21 ส.ว.เข้าข่ายถือหุ้นอันมีลักษณะต้องห้าม ร้อง กกต.จันทร์นี้ รัฐบาล-ฝ่ายค้านสู้กันมันหยด หมัดต่อหมัด พปชร.พบ 55 ส.ส.ปีก 7 พรรคฝ่ายค้านถือหุ้นกิจการสื่อ "เสรีพิศุทธ์" ติดโผ ส่งเรื่องให้ "ชวน" ส่งต่อศาล รธน.สัปดาห์นี้  
    เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. นายทศพล เพ็งส้ม หัวหน้าทีมต่อสู้คดีกรณี 27 ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถูกร้องถือครองหุ้นและเป็นเจ้าของกิจการสื่อ เปิดเผยว่า สำหรับการต่อสู้คดีในส่วนของ 27 ส.ส.พรรค พปชร.ที่ทางพรรคได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญไปก่อนหน้านี้ เพื่อขอให้ศาลมีมติคุ้มครองชั่วคราวนั้น เพราะต้องการขอให้ศาลมีการไต่สวนพยานหลักฐาน ก่อนจะรับไว้พิจารณาหรือมีคำสั่งวินิจฉัย ซึ่งศาลอาจจะไม่มีการไต่สวนก็ได้ แต่เราเพียงขอโอกาสชี้แจง ส่วนกรณีที่พรรค พปชร.จะยื่นให้ตรวจสอบการถือหุ้นสื่อมวลชนของ 7 พรรคฝ่ายค้าน ขณะนี้คณะทำงานได้ส่งรายชื่อที่เข้าข่ายมาแล้วมากกว่า 30 รายชื่อ เพื่อให้ตรวจสอบในรายละเอียด พร้อมจัดทำคำร้องให้ถูกต้อง ไม่ให้ตกม้าตายเหมือนพรรคอนาคตใหม่ ที่ยื่นให้มีการตรวจสอบ ส.ส.พรรค พปชร.ผิดช่องทาง คาดว่าภายในสัปดาห์หน้า ระหว่างการประชุมสภา จะสามารถยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้พิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป
    รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐแจ้งถึงความคืบหน้าการรวบรวมรายชื่อ ส.ส.ฝั่ง 7 พรรคการเมือง ที่นำโดยพรรคเพื่อไทยและอนาคตใหม่ เพื่อยื่นให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ก่อนยื่นเรื่องให้ศาลพิจารณากรณีถือหุ้นสื่อนั้น จะดำเนินการให้เสร็จในสัปดาห์นี้ โดยล่าสุดอยู่ที่จำนวน 55 คน เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่ระบุว่ามี 20-30 คน โดยปรากฏว่าในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ มี 33 คนที่อยู่ในข่าย อาทิ พล.ท.พงศกร รอดชมภู ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายชำนาญ จันทร์เรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายวาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายวินท์ สุธีรชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ 
    ขณะที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่มีชื่อในข่ายประมาณ 10 คน อาทิ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่, นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย, นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่, นายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร ส.ส.ลำปาง,  นายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร, นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์, นางอาภรณ์ สาราคำ ส.ส.อุดรธานี, นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก และนายโกศล ปัทมะ ส.ส.นครราชสีมา
    นอกจากนี้ ในส่วนของพรรคเพื่อชาติ จำนวน 4 คน ได้แก่ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, น.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนางลินดา เชิดชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนพรรคเสรีรวมไทย จำนวน 4 คน อาทิ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ส่วนพรรคประชาชาติ 2 คน ได้แก่ นายอับดุลอายี สาแม็ง ส.ส.ยะลา และนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส ขณะที่พรรคเศรษฐกิจใหม่และพรรคพลังปวงชนไทย มีพรรคละ 1 คน
    มีรายงานระบุเพิ่มเติมว่า ทีมงานของ พปชร.ได้ตรวจสอบพบว่า นอกจาก 33 คนของพรรคอนาคตใหม่ที่อยู่ในข่ายนั้น ปรากฏว่ามีอีกประมาณ 10 คน มีการดำเนินการแก้ไขวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการ จึงเป็นเหตุให้ควรเชื่อได้ว่าบุคคลเหล่านี้ถือหุ้นและประกอบกิจการสื่ออย่างชัดเจนหรือไม่ ซึ่งต้องดูว่าจะมีการตรวจสอบย้อนหลังต่อไป ทั้งนี้ สำหรับการยื่นให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ จะเป็นหน้าที่ของนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค พปชร. 
    วันเดียวกันนี้ ฝ่ายเพื่อไทยก็มีการเคลื่อนไหวเช่นกัน โดยที่ สภ.เมืองสกลนคร อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร นายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร เขต 2 พรรคเพื่อไทย หอบเอกสารหลักฐานหนังสือคำให้การต่อ กกต.ในกรณีถือหุ้นสื่อ และหลักฐานการจดแจ้งยกเลิกบริษัท มติไท จำกัด ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ เล่มที่ 10759 เลขที่ 537914 ลงวันที่ 7 ก.ค.2547 พร้อมคำร้องทุกข์ เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.สมจิตร เบ็ญเจิด พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสกลนคร เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ 
    นายทศพล เพ็งส้ม หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคพลังประชารัฐ ร้อยเอกทรงกลด ชื่นชูผล หรือ “ผู้กองปูเค็ม” ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นแจ้งข้อความแก่เจ้าหน้าที่พนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด
    นายนิยมกล่าวว่า จากการเข้าแจ้งความครั้งนี้เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ามีความผิดในการถือหุ้นสื่อ บริษัท มติไท จำกัด และการหาหลักฐานมาใส่ร้ายตนเอาแต่หลักฐานจดแจ้งแต่ไม่เอาหลักฐานจดยกเลิก  จึงมีเจตนากลั่นแกล้งหวังผลทางการเมือง เรื่องนี้ตนได้เข้าชี้แจงต่อ กกต.แล้วตั้งแต่วันที่ 6  มิถุนายนที่ผ่านมา กกต.มีมติยุติการไต่สวนตามที่ชี้แจง ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลเสียหายอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้ก็ผู้กองปูเค็มก็นำเรื่องดังกล่าวไปลงในสื่อโซเชียล และล่าสุดนายทศพล ฝ่ายกฎหมายพรรคพลังประชารัฐ นำรายชื่อในฝั่งของ 7 พรรคการเมือง ประมาณ 30 คน ไปยื่นถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อดำเนินการส่งเรื่องให้ศาลพิจารณา โดยมีชื่อตนเองด้วย 
    "จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นการกลั่นแกล้งตนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้ได้รับโทษทางอาญา ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น จึงทำให้ได้รับความเสียหาย อับอาย ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะอภิปรายเพื่อให้ที่ประชุมสภาได้รับทราบต่อไป" ส.ส.เพื่อไทยกล่าว 
    ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าของสมาชิกวุฒิสภาจำนวนหนึ่ง พบว่า มี 21 รายที่อาจเข้าข่ายต้องสิ้นสุดสมาชิกภาพ เพราะการเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ อันเข้าลักษณะต้องห้ามตามความในรัฐธรรมนูญมาตรา 111 (4) ประกอบมาตรา 108 (ข.) และมาตรา 98 (3) หรือไม่ เพราะเมื่อพิจารณาตามคำสั่งศาลฎีกาที่ 8475/2561 และตามข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญที่ 10/2562 มีเหตุที่ต้องขอให้ กกต.รีบส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยและขอให้ศาลสั่งให้ ส.ว.หยุดปฏิบัติหน้าที่ด้วยตามแนวทางที่ กกต.ใช้กับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มาแล้ว ดังนั้นจากข้อเท็จจริงที่ตรวจพบ จะไปยื่นหนังสือให้ กกต.ตรวจสอบเรื่องนี้ว่า ส.ว. 21 รายดังกล่าวจะเข้าข่ายเป็นผู้ถือหุ้นสื่อและต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เหมือนนายธนาธรหรือไม่ ในวันที่ 24 มิถุนายนนี้ เวลา 11.00 น.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"