22 มิ.ย.62 - สำนักข่าวอิศรา  รายงานว่า พลิกเอกสาร บ.ปารีณา ไกรคุปต์ นักการเมืองหญิงคนดัง พปชร. เจ้าของวลี ‘อีช่อ’ เทียบเคียง คดี‘ภูเบศวร์’ อนาคตใหม่ บริคณห์สนธิ แจ้งวัตถุประสงค์ทำสื่อ เหมือน หรือ ต่างกัน อย่างไร? 

เป็น 1 ในรายชื่อ ส.ส. ที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยคณสมบัติ กรณีถือครองหุ้นในกิจการสื่อมวลชน ตาม คำร้องของ ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ ตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ (อ่านประกอบ:ครบทุกชื่อ! 5 พรรค 41 ส.ส. ถูกร้องปมถือครองหุ้นสื่อ-‘ชวน’ชงศาล รธน.วินิจฉัย)

น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถูกร้องว่า ถือครองหุ้น บริษัท ปารีณา ไกรคุปต์ จำกัด

ก่อนหน้านี้ น.ส.ปารีณา ตกเป็นข่าวฮอตในโลกโซเชียลกรณีเรียกนักการเมืองบางคนว่า‘อีช่อ’ ซึ่งไปพ้องกับชื่อเล่นของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช  ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ มีชื่อ  เล่น 'ช่อ' พอดี 

ลองมาดูข้อมูลการถือครองหุ้น ของ น.ส.ปารีณา และข้อมูล บริคณห์สนธิ บริษัท ปารีณา ไกรคุปต์ จำกัด ชนวนถูกยื่นคำร้องถือหุ้นสื่อว่าเป็นอย่างไร?

บริษัท ปารีณา ไกรคุปต์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 12 มิ.ย. 2561 ทุน 10 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 99/9 หมู่ที่ 3 ต.บางโตนด อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 6 มิ.ย.2561 น.ส.ปารีณา ถือ 99,998 หุ้น นายสมใจ สะทองเลียม 1 หุ้น และ น.ส.พวงผกา โกญจนาถ 1 หุ้น รวมทั้งสิ้น 100,000 หุ้น มูลค่า หุ้นละ 100 บาท น.ส.ปารีณา เป็นกรรมการ ณ วันที่ 13 มิ.ย.2562 ไม่มีการเปลี่ยนผู้ถือหุ้น เท่ากับ น.ส.ปารีณา ยังคงถือครองหุ้นบริษัทดังกล่าวอยู่

จากการตรวจสอบรายละเอียดการแจ้งวัตถุประสงค์พบว่า บริษัทฯแจ้งวัตถุที่ประสงค์ 23 ข้อ แบ่งเป็นวัตถุที่ประสงค์ทั่วไป 6 ข้อ และวัตถุที่ประสงค์ประกอบพาณิชยกรรม 17 ข้อ

ข้อ (17) ประกอบกิจการค้า กระดาษ เครื่องเขียน แบบเรียน แบบพิมพ์ หนังสือ อุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์การถ่ายภาพ และภาพยนตร์ เครื่องคำนวณ เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์การพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ ตู้เก็บเอกสาร เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องมือสื่อสาร คอมพิวเตอร์ รวมทั้งอุปกรณ์และอะไหล่ของสินค้าดังกล่าว (ดูเอกสาร)

ข้อที่ (23) ระบุ ‘ประกอบกิจการฟาร์มไก่และรับจ้างเลี้ยงไก่’ (ดูเอกสาร)

วัตถุที่ประสงค์ที่ถูกร้องเรียนว่าอาจเกี่ยวข้องกับกิจการสื่อ คือ ข้อ (17) ข้างต้น

กรณีนี้ถ้าเทียบคดีที่ศาลฎีกามีคำพิพากษากรณีผู้สมัคร ส.ส. ขาดคุณสมบัติอันเนื่องจากถือครองหุ้นสื่อ ประมาณ 10 คดี หากเทียบเฉพาะคดี นายภูเบศวร์ เห็นหลอด ผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เขต 2 จ.สกลนคร ถือครองหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัด มาร์ส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส พบว่า

ห้างหุ้นส่วนจำกัด มาร์ส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อ 8 มิ.ย. 2561 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 94 หมู่ที่ 8 ต.นาแต้ อ.คำตากล้า จ.สกลนคร นายภูเบศวร์ลงหุ้นด้วยเงิน จำนวน 800,000 บาท น.ส.สุภารัตน์ เห็นหลอด ลงหุ้นด้วยเงิน 200,000 บาท โดยนายภูเบศวร์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ แจ้งรายละเอียดวัตถุที่ประสงค์ จำนวน 43 ข้อ เป็นวัตถุที่ประสงค์ทั่วไป 6 ข้อ (ข้อ 1 – ข้อ 6) และ วัตถุที่ประสงค์ประกอบพาณิชยกรรม 37 ข้อ (7-ข้อ 43)

ข้อที่กล่าวถึงสื่อ หนังสือพิมพ์ 3 ข้อ

ข้อ (17) ประกอบกิจการค้า กระดาษ เครื่องเขียน แบบเรียน แบบพิมพ์หนังสือ อุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์การถ่ายภาพและภาพยนตร์ เครื่องคำนวณ เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์การพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ ตู้เก็บเอกสาร เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องมือสื่อสาร คอมพิวเตอร์ รวมทั้งอุปกรณ์และอะไหล่ของสินค้าดังกล่าว

ข้อ (32) ประกอบกิจการโรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือ พิมพ์หนังสือจำหน่ายและออกหนังสือพิมพ์

ข้อ (43) ประกอบกิจการสถานีวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ รับจัดทำสื่อโฆษณา สปอร์ตโฆษณา เผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารทุกประเภท ให้กับบุคคล คณะบุคคล นิติบุคคล ส่วนราชการ และองค์การอื่นๆ ของรัฐ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ (ดูเอกสาร)

คดีนี้ผู้ร้องคือ ผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดสกลนคร

ผู้คัดค้าน คือ นายภูเบศวร์ เห็นหลอด

ผู้ร้องตรวจสอบคุณสมบัติของผู้คัดค้าน แล้วพบว่า ผู้คัดค้านขาดคุณสมบัติเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับ เลือกตั้งหรือเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 เนื่องจากผู้คัดค้านเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของ ห้างหุ้นส่วนจํากัด มาร์ส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส ซึ่งมี วัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการสถานี วิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ และออกหนังสือพิมพ์

ผู้คัดค้านได้ยื่นคำคัดค้านว่า ห้างหุ้นส่วนจํากัด มาร์ส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส ประกอบกิจการการก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย ที่ระบุในวัตถุประสงค์ข้อที่ 43 ว่า ประกอบ กิจการสถานีวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ รับจัดทําสื่อโฆษณา สปอร์ตโฆษณา เผยแพร่ข้อมูล เป็น เพียงแบบวัตถุประสงค์สําเร็จรูปแนบคําขอจดทะเบียน เท่านั้น อีกทั้งห้าง ดังกล่าวได้สิ้นสภาพนิติบุคคลไปตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2562 แล้ว จึงขอให้ยกคําร้อง

คำพิพากษาของศาลฎีกา (คดีเลขที่ 1706/2562) ระบุว่า “เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้คัดค้านเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจํากัด มาร์ส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการ ประกอบกิจการสถานีวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ และออกหนังสือพิมพ์ ผู้คัดค้านจึงเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย มาตรา 98 (3) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 42 (3) ที่ผู้ร้องอ้างว่า ห้างหุ้นส่วนจํากัด มาร์ส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส มีวัตถุประสงค์ดังกล่าวแต่ไม่ได้ประกอบกิจการสถานีวิทยุกระจายเสียง และโทรทัศน์ และออกหนังสือพิมพ์ จึงฟังไม่ขึ้น” 

เห็นได้ว่า การถือครองหุ้นสื่อคดีนายภูเบศวร์ อยู่ใน ข้อ (32) ประกอบกิจการโรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือ พิมพ์หนังสือจำหน่ายและออกหนังสือพิมพ์ และ ข้อ (43) ประกอบกิจการสถานีวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ รับจัดทำสื่อโฆษณา สปอร์ตโฆษณา เผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารทุกประเภท ให้กับบุคคล คณะบุคคล นิติบุคคล ส่วนราชการ และองค์การอื่นๆ ของรัฐ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

มีความแตกต่างกันกับ กรณี น.ส.ปารีณา ในบริษัท ปารีณา ไกรคุปต์ จำกัด แจ้งวัตถุประสงค์ เกี่ยวข้องกับสื่อ เพียงข้อเดียว ในข้อ (17) “ประกอบกิจการค้า กระดาษ เครื่องเขียน แบบเรียน แบบพิมพ์หนังสือ อุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์การถ่ายภาพและภาพยนตร์ เครื่องคำนวณ เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์การพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ ตู้เก็บเอกสาร เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องมือสื่อสาร คอมพิวเตอร์ รวมทั้งอุปกรณ์และอะไหล่ของสินค้าดังกล่าว”

กรณีนี้เป็นเพียงตัวอย่าง มีนักการเมืองถูกร้องถือหุ้นสื่อหลายคน แจ้งวัตถุประสงค์ของบริษัทในข้อนี้เช่นเดียวกับ น.ส.ปารีณา  

ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัย ของศาลรัฐธรรมนูญ ตีความ นิยาม 'ถือหุ้นสื่อ'อย่างไร?  คลุมข้อ (17) ด้วยหรือไม่?  ต้องติดตาม อ่านต้นฉบับ