ตลาดข่าวสารเมื่อวาน (๑๘ ธ.ค.๖๐) เจี๊ยวด้วยเรื่อง "สมคิดจะตั้งพรรคทหาร"
เห็นปฏิกิริยานักเลือกตั้งแล้วก็ขำ
จะต้องไปกลัวอะไรกับพรรคทหาร ในเมื่อการเลือกตั้ง เลือกกันนอกค่าย การ "ธำรงวินัย" ไม่เกี่ยว
ฉะนั้น ไม่ต้องไปหวั่นไหว ประชาชนเขาจะเลือกใคร-พรรคไหน อยู่ที่ "ใจ" ประชาชน
ไม่ได้อยู่ที่ใจทหารหรือใจสมคิด!
เรื่องนี้ "พูดเอง-เออเอง" ซะละมากกว่า เพราะเท่าที่ผมสังเกต วิสัยทหารนั้น
การออกแผนแต่ละแผน จะคิดแล้ว-คิดอีก สำรวจตรวจจนไม่พบรูรั่ว-รอยพลาดแล้วนั่นแหละ จึงจะจุดพลุ
แต่พลุดอกนี้ "คุณวัชระ เพชรทอง" พรรคประชาธิปัตย์ เป็นฝ่ายจุด ทหารไม่ได้จุด
ฉะนั้น ฟังได้ แต่สรุปยังไม่ได้!
เรื่อง "พรรคการเมือง" ในวิถีประชาธิปไตยนี่ ในความเห็นผม ใครก็อย่าไปฝืนธรรมชาติมันนักเลย
ในเมื่อแน่วแน่ จะบริหารและปกครองบ้านเมืองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแล้วละก็
ครรลองมีและเป็นอย่างไร ก็จงปล่อยให้มันมีและเป็นอย่างนั้นเถิด
โรดแมปก็ระบุชัด และนายกฯ ประยุทธ์ก็ไปให้คำมั่นสัญญากับชาวโลกเป็นมั่นเหมาะ ปี ๒๕๖๑ จะมีเลือกตั้ง
เสียคนนั้น ยังไม่เสียค่า
แต่ถ้า "เสียสัจจะ" จะเสียทั้งค่า ทั้งคน!
เพราะอย่างนั้น ภายใต้คำว่าปี ๒๕๖๑ ยังไงก็ต้องให้มีเลือกตั้ง
ในเมื่อจะมีเลือกตั้ง.........
ก็เป็นสิทธิ เป็นความชอบธรรม ที่ใครๆ สามารถตั้งพรรคการเมืองได้ ภายใต้กรอบกติกาที่มี
จึงไม่แปลกตรงไหน ที่เครือข่ายรัฐบาลจะตั้งพรรคตามนัยที่พูดกันว่า "พรรคทหาร"
ขออย่างเดียว ทำอะไรก็ให้มันโอ่อ่า เปิดเผย ตรงไป-ตรงมา แล้วมันจะดูสง่างาม
พูดกันตามเนื้อผ้า ภารกิจที่รัฐบาลทหารสานสร้างงานไว้ มันยังไม่จบ
ฉะนั้น เพื่อการพิสูจน์ ๒ นัย
นัยแรก พิสูจน์ว่า ประชาชน "เห็นชอบ-เอาด้วย" กับนโยบายและแผนงานที่รัฐบาลทหารริเริ่มไว้หรือไม่?
นัยที่สอง พิสูจน์ว่า ประชาชนมีความพอใจที่จะให้ "พลเอกประยุทธ์" เป็นนายกฯ ในรัฐบาลเลือกตั้ง เพื่อสานงานต่อหรือไม่?
ก็ตั้ง "พรรคทหาร" สิ........
ตั้งให้ประชาชนไปชี้ขาดในสนามเลือกตั้ง จะได้สิ้นข้อข้องใจกับทุกฝ่าย
และเพื่อให้มันชัดแจ้งสุดๆ กันไปเลย
ผมอยากให้ฝ่าย "มวลมหาประชาชน" อันมีคุณ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" ตัวจุดปะทุนำประเทศสู่การ "ปฏิรูป" ดังเป็นหน่อ-เป็นแนวขณะนี้
ตั้งพรรคการเมืองในนาม กปปส.ขึ้นด้วย!
เช่นเดียวกัน..........
ผมก็อยากเห็นฝ่าย นปช.เสื้อแดง ที่มีคุณจตุพร เป็นแกนนำ เคยสร้าง "แดงทั้งแผ่นดิน" ให้ปรากฏมาแล้ว
ตั้งพรรคการเมืองในนาม นปช.ขึ้นเช่นกัน!
ในความหมายว่าแต่ละพรรคมั่นใจ ประชาชน "เห็นด้วย-เอาด้วย" ในแนวทางของตน
ก็ถือโอกาสนี้ แข่งพิสูจน์ในระบบเลือกตั้งให้มันรู้แล้ว-รู้รอดกันไปเลย
ให้ประชาชนเลือก ให้ประชาชนตัดสินใจ จะเลือก...
-พรรคทหาร
-พรรค กปปส.
-พรรค นปช.
-พรรคประชาธิปัตย์
-พรรคเพื่อไทย
หรือพรรคไหนๆ บรรดามี ก็ให้ประชาชนด้วย "เสียงส่วนใหญ่" เป็นตัวชี้ขาด
เอากันแฟร์ๆ อย่างนี้ ดีที่สุด ไม่งั้น มันไม่จบ ขืนปล่อยให้ข้องใจ ล้างตากันไม่สิ้น
ความ "สูญสิ้น" จะตกอยู่กับบ้านกับเมือง!
เพราะผมดูแล้ว ขั้ว กปปส.ของคุณสุเทพ ถึงตอนนี้ กับประชาธิปัตย์ ต่างคน-ต่างปณิธาน
เป็น "เส้นขนาน" แทน "เส้นเชื่อม" ไปแล้ว
และ นปช.ในสภาพ "ผีหัวขาด" ตอนนี้ ขาดทักษิณ เท่ากับขาดพ่อ เหมือนถ่อหัก, ขาดยิ่งลักษณ์ เท่ากับขาดแม่ เหมือนแพแตก
เลือกตั้ง "ใครจะคุมตัวจ่าย"?
เมื่อไม่มี ก็เหมือน "ไฟตัน-น้ำมันชอร์ต" ส.ส.แต่ละคนในพรรค ต่างเอตทัคคะกันทั้งนั้น ยากที่ใครจะยอมลงให้ใคร ถ้าไม่ใช่ตัวจ่าย
ถึงอยู่ ก็คุมกันได้ยาก..........
อีกมิติในเพื่อไทยนั้น นปช.เสื้อแดง ในสายตาชนชั้นมันสมองของคนบนหอคอยเพื่อไทย มองว่า
มีค่าแค่ "ไพร่ในถนน"!
เพราะคนรุ่นบุกเบิกเพื่อไทย ถือว่าเขาชนชั้นปัญญาชน ส่วนคน นปช.เป็นไพร่ราบ
เมื่อกติกาเลือกตั้งระบบ "จัดสรรปันส่วนผสม" ตามรัฐธรรมนูญใหม่ ทุกคะแนนแปลงเป็น ส.ส.ได้กันทุกพรรคอยู่แล้ว
ดังนั้น ถ้า นปช.ตั้งพรรคลงเลือกตั้ง
ยังไงๆ ก็ต้องได้ ส.ส.ประดับ "พรรค นปช.แดงทั้งแผ่นดิน" จากแรงหนุนไพร่ร่วมสมรภูมิ
และนั่น จะมีราคา-ราศี..........
ดีกว่าเป็น "ยอดหญ้ารองตีน" คนในพรรคเพื่อไทย ในยามที่ "นายใหญ่-นายหญิง" ไม่ได้อยู่อภิบาล!
สำหรับ กปปส.นั้น ผมมองว่า ในความเป็น "มวลมหาประชาชน" บนภารกิจนำประเทศสู่การปฏิรูปวันนี้
คุณสุเทพ ให้สัตย์ว่า.......
ไม่กลับประชาธิปัตย์ ไม่ลงรับเลือกตั้ง ไม่รับตำแหน่งทางการเมือง
ก็จงรักษาสัตย์นั้นเถิด
แต่จงรับรู้และตระหนักด้วย ว่าภารกิจในการนำปฏิรูปของท่านครั้งนั้น
ยังไม่บรรลุเป้าหมาย!
การปฏิรูป โดยเฉพาะ "ปฏิรูปตำรวจ" ยังไม่ลงตัว การปฏิรูประบบราชการ รัฐบาล คสช.ยังทำได้ครึ่งๆ กลางๆ
นั่นคือ ด้วย "สันติ-อหิงสา" ณ ครั้งนั้น คุณสุเทพนำบุกเบิกทางปฏิรูปมาได้ครึ่งทางเท่านั้น
"บาปมหันต์"........
กับการทำให้ "จิตตั้งหวัง" ของมวลมหาประชาชนที่ฝากไว้ ต้องกลายเป็นหมัน!
ไม่ใช่ให้คุณสุเทพต้องนำมวลมหาชนไปในเส้นทางเดิมอีก แต่อยากให้คุณสุเทพ "สานต่อปณิธาน" กปปส.ในเส้นทาง
"ความคิดนำ" สู่การตั้งพรรค
อย่าเป็นพรรคของใคร จงเป็นพรรค กปปส.ของประเทศ ของประชาชนทุกคน
ถ้าเสียงส่วนใหญ่ เลือก กปปส.ให้นำบริหารเพื่อการปฏิรูปทุกด้านให้สำเร็จ ก็จงนำ
แต่ถ้าเลือกให้เป็นพรรคตาม ก็จงตามด้วยสนับสนุนบนหลักการ
พรรคใดเป็นแกนนำ ไม่ว่าเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์-พรรคทหาร หรือพรรคไหนๆ ถ้าเขาเดินแนวทางปฏิรูปบ้านเมืองด้วยสิ่งใหม่-สู่อนาคตใหม่ ด้วยใสและซื่อ
พรรค กปปส.จงสนับสนุนและคูณค้ำเถิด!
ให้น้ำหนักกับปณิธานและเนื้องานคน จงมองคน-มองพรรคตามความเป็นจริงบนหลักการ มนุษย์มี ๔ แบบ คือ
-มืดมา แล้วก็มืดไป
-มืดมา แล้วก็สว่างไป
-สว่างมา แล้วก็มืดไป
-สว่างมา แล้วก็สว่างไป
นั่นคือ ดีแล้วกลับเลวได้ ที่เลวแล้วกลับดีได้ การทำงานให้บ้านเมือง ต้องใจกว้าง-มองกว้าง ในเส้นทางมรรค ๘ บ้านเมืองจึงจะพ้นหล่ม
"การบ้าน-การเมือง" ที่หาจุดลงตัวไม่พบทุกวันนี้ เพราะแต่ละคน "มองยึด-คิดยึด"
ใช้ตัวเองเป็นแกนความถูกต้อง แกนความใช่-ไม่ใช่
ไม่มองในองค์รวม ด้วยความเข้าใจว่า "คิดต่าง-เห็นต่างได้" ถ้าต่างนั้น "ปลายทาง" คือสู่ที่เดียวกัน!
สรุป....เลือกตั้ง คือฤดูกาลฟุตบอลลีก
อยากแข่ง ดูกติกา แล้วก็ตั้งพรรค ลงแข่งกันให้มันแข้งเถอะ!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |