ฟังแล้วเจ็บจี๊ด.........
"หมอวรงค์" บอกว่า ฝ่ายประชาธิปไตยไม่กล้าพูดเรื่องโกงข้าว
ความจริงมันเป็นเช่นนั้น
ก็ลองไล่ดูซิครับ ตั้งแต่พรรคเพื่อไทย อนาคตใหม่ เสรีรวมไทย พลังปวงชนไทย เศรษฐกิจใหม่ เพื่อชาติ และประชาชาติ มีพรรคไหนพูดถึงการโกงของระบอบทักษิณบ้าง
พรรคแตกแบงก์พัน เผ่าพันธุ์เดียวกัน แม้กระทั่งในพรรคอนาคตใหม่ มีคนของระบอบทักษิณเพียบ จึงไม่แปลกที่ฝ่ายประชาธิปตุง จะไม่พูดเรื่องโกงจำนำข้าวเลย
แล้วเวลานี้เขาเหล่านี้พูดเรื่องอะไรกัน
วันก่อนนักกฎหมายใหญ่ปิยบุตร เปิดประเด็นว่า "บิ๊กตู่ ๒" ทำผิดกฎหมาย เพราะไปร่วมประชุม "ครม.บิ๊กตู่ ๑"
สรุปคือ "บิ๊กตู่" ไม่สามารถครองตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนเดิม และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ได้พร้อมๆ กัน
ครับ...นี่คือสติปัญญาทางกฎหมายของพรรคอนาคตใหม่
คนรุ่นใหม่เขาคิดกันแบบนี้หรือ
การต่อต้าน คสช.ไม่ให้สืบทอดอำนาจ เป็นเรื่องที่รับได้ และควรมีการเคลื่อนไหวลักษณะนี้อยู่ อย่างน้อยก็มีผลดีไม่ให้ คสช.เหลิงอำนาจ
แต่การตีความกฎหมายเพราะความแค้นแทนที่จะเป็นตัวบท แบบนี้เขาไม่เรียกว่านักกฎหมาย
เป็นได้แค่เด็กเลี้ยงแกะ
ถ้าอยากรู้ "บิ๊กตู่ ๒" ไปประชุม "ครม.บิ๊กตู่ ๑" ได้หรือเปล่า ลองย้อนกลับไป หลังเลือกตั้งวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ วันที่ "ทักษิณ ๒" เข้าประชุม "ครม.ทักษิณ ๑" แล้วจะได้คำตอบ
อีกอย่างลองไปพลิกบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญดู คำตอบอยู่ในนั้น
ฉะนั้นในฐานะนักกฎหมาย "ปิยบุตร" ต้องแยกให้ออกว่า กฎหมายพูดถึงตัวตำแหน่งหรือตัวบุคคล อย่าเอาเรื่องเท็จมานำเสนอต่อสาธารณะ
วานนี้ (๑๙ มิถุนายน) มีฝ่ายประชาธิปไตยอีกคนออกมาพูดหลังหลบหน้าหลบตาไปหลายวัน
"ช่อริกา" ไปประชุมสภาในชุดเสื้อสีเหลือง นัยว่ามีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และเพื่อทุเลาโทษ
แต่คำพูดคำจา ไม่ได้สะท้อนว่า สำนึกในสิ่งที่ทำในอดีต
ซ้ำร้ายกลับโยนว่าผู้อื่นผิดเพราะไปตีความเอาเอง
“....มีวาทกรรมสร้างความเกลียดชัง จึงขอโทษที่ทำให้เกิดวาทะที่ไม่สร้างสรรค์ขึ้นในยามที่บ้านเมืองต้องการเดินไปข้างหน้า....
....จุดยืนของพรรคอนาคตใหม่พูดตั้งแต่แรกแล้วว่า ไม่อยากให้นำสถาบันกษัตริย์มาเป็นเครื่องมือโจมตีทางการเมือง ซึ่งดิชั้นไม่ใช่คนแรกและคงไม่ใช่คนสุดท้ายที่โดนโจมตีด้วยข้อหาแบบนี้ ซึ่งทุกคนเห็นแล้วว่า ไม่ได้ส่งผลแค่ดิฉันคนเดียว แต่ถึงพ่อ ถึงเพื่อน ซึ่งไม่ได้เตรียมใจจะต้องรับเรื่องนี้....
...ตลอด ๑๐ ปีที่ผ่านมา ฝ่ายที่เป็นประชาธิปไตย หัวก้าวหน้า มักจะถูกสกัดกั้นทางการเมืองด้วยข้อหานี้ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถแก้ตัวได้เลย...
...การเดินทางของนักศึกษาเดือนตุลาเข้าป่ามีความสุดโต่ง เวลาผ่านไปอีกก็เรียนรู้ว่าไม่ใช่แล้วก็กลับมา รัฐบาลในยุคนั้นก็ได้รับการยกย่องสรรเสริญ เพราะไม่ได้กำจัดพื้นที่ความคิดแตกต่าง...
...อย่างกรณีของดิฉันนั้นไม่ถือว่าสุดโต่ง การตั้งคำถามถึงจุดยืนที่เกี่ยวข้องกับสถาบันทางการเมือง ซึ่งตอนนั้นนิสิตนักศึกษาต่อต้านการรัฐประหารมาก แต่ถูกป้ายสีว่า ไม่จงรักภักดี โดยไม่มีทางแก้ตัว จนสังคมตัดสินไปแล้ว ตอนนั้นจึงตั้งคำถามกับการใช้สถาบันเป็นเครื่องมือทางการเมือง ตอนนี้เปลี่ยนไปเยอะ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนของสังคมนี้คือ การใช้สถาบันเป็นเครื่องมือทำลายกันทางการเมือง..."
ครับ...ก็ยังย้อนไปคำถามเดิมๆ ถ้า "ช่อริกา" ไม่มีพฤติกรรมส่อไปในทางหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จะมีใครไปโจมตีได้
แค่คำว่า "วันเกิดแล้วไง" มันสะเทือนใจคนที่จงรักภักดีต่อ "พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร" มากแค่ไหน "ช่อริกา" รู้หรือไม่
และดูเหมือนว่าเธอจะจุดประเด็นใหม่ขึ้นมา ที่บอกว่าสมัยเป็นนักศึกษาต่อต้านรัฐประหารกันเยอะ แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับสถาบันพระมหากษัตริย์
แต่เพราะพวกคุณเองใช่หรือไม่ที่เหมารวมว่าทุกอย่างเกี่ยวข้องกัน
ถึงขนาดอุดมการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ คือระบอบประชาธิปไตย โดยไม่มี "อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข".
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |