ลงตัวแล้วสำหรับ “รัฐนาวาประยุทธ์ 2/1” หลังจาก ช่วงแรกเกิดเสียงกระจองอแงจาก 2 พรรคร่วมรัฐบาลอย่าง “ประชาธิปัตย์” และ “ภูมิใจไทย” แต่เมื่อมีเสียงเคาะมาจาก “ลุงตู่” ว่าให้ยึดดีลเดิมในการยกขันหมากไปสู่ขอทั้ง 2 พรรค ก็ทำให้เสียงบ่นเสียงค่อนแคะจืดจางไป แต่กลับมาเกิดเสียง “บ่นน้อยใจ” ภายในพรรค รวมถึงบรรดาพรรคเอื้ออาทรทั้งหลาย แต่เมื่อเจอ กระบี่มือหนึ่งในการล็อบบี้อย่าง “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ส.ส.พะเยา และประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็ทำให้ทุกอย่างหมอบราบคาบแก้ว ...๐ ดูง่ายๆ อย่าง “ตี๋เต้” มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ตอนแรกเสียงดังต้องการอย่างโน้นอย่างนี้ แต่เมื่อเจอ “ธรรมนัส” เข้าไปดอกเดียวเท่านั้น อดีตเด็กช่างกลถึงกลับไปไม่เป็น เช่นเดียวกับกลุ่ม ส.ส.อีสานตอนบนและกลุ่มด้ามขวานที่ก็พับเพียบเรียบร้อยกันไปแล้ว คงเหลือเพียง “ดำรงค์ พิเดช” หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทยที่ยังมีท่าทีขึงขังอยู่ แต่ในอนาคตอันใกล้ก็อาจลงเอยในรูปแบบเดียวกับ “ตี๋เต้” ก็เป็นได้ ...๐ งานนี้จึงเรียก ครม.ประยุทธ์ 2/1 จำนวน 36 คน 39 ตำแหน่ง เบ็ดเสร็จไปแล้ว 95% ก็ว่าได้ คงเหลือเพียงขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติและประวัติของแต่ละคนเท่านั้น ซึ่งเมื่อพินิจพิเคราะห์รายชื่อของว่าที่ ครม.แล้วต้องบอกได้คำเดียวว่า งานนี้ “เฮียกวง” น่าจะ เหนื่อยหนักในการคอนโทรลทีมเศรษฐกิจ เพราะเรียกว่ามีเพียง “คลัง-พลังงาน-อุตสาหกรรม” เท่านั้นที่อยู่ในมือแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่กระทรวงอย่าง “พาณิชย์-เกษตรฯ-คมนาคม” เรียกว่าอยู่กับเพื่อนร่วมรัฐบาลแทบทั้งสิ้น แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ หากดูรายชื่อของทั้ง “รมว.-รมช.” ก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ หรือกูรูเศรษฐกิจ ทั้งเศรษฐกิจมหภาคหรือจุลภาคแต่ประการใดเลย ...๐ เรียกว่ารายชื่อ ครม.เป็นการต่างตอบแทนในการดันก้น “ลุงตู่” ให้เป็นนายกฯ สมัย 2 นั่นแล ในขณะที่โพลสำรวจต่างๆ ที่ออกมาเมื่อสอบถามถึงเรื่องการแก้ไขปัญหาที่ต้องการให้รัฐบาลใหม่ดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือ เศรษฐกิจและปากท้อง แต่เมื่อดูหน้าของรัฐมนตรีก็บอกได้ว่าคงต้องถึงขั้นสวดมนต์ขอพรให้เศรษฐกิจโลกอย่าเกิดวิกฤติหรือเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเลย เพราะแค่เรื่องภายในประเทศก็ยากที่จะโงหัวขึ้นแล้ว ...๐ หันมาเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์อย่างกรณีการจับกุม “ปริศนา จิลเมลลี่” หรือปุ๊กกี้ ชาลาล่า อดีตนักร้องดังยุค 90 กันบ้าง ซึ่งคดีนี้สะท้อนให้เห็นว่า “ยาเสพติด” ในเมืองไทยยังอยู่ในขั้นวิกฤติและน่าเป็นห่วง เพราะกรณีของ “ปุ๊กกี้” นั้น หากไม่ได้เป็นอดีตนักร้องก็ถือเป็นเหตุการณ์จับยาเสพติดรายวันเลยทีเดียว งานนี้จึงน่าคิดว่า ทำไม “ยาเสพติด” ถึงได้ทะลักทลายเข้าเมืองไทยง่ายเสียขนาดนั้น ซึ่งน่าคิดอย่างยิ่งว่าชายแดนของไทยนั้นมีความเปราะบางหรือต้องยกระดับการคุมเข้มให้มากขึ้น เพราะไม่เช่นนั้นเราก็คงปราบปรามได้แค่ปลายเหตุ และก็จะมีเรื่องดังก็เพียงช่วงที่คนถูกจับเป็นพวกเซเลบหรือดาราเท่านั้น ...๐ งงในงงอย่างยิ่ง เพราะตอนนี้เป็น ยุค 4.0 แล้ว ยังร่ำๆ ว่าจะเข้าสู่ยุค 5 จี อีกต่างหาก แต่ที่ไหนได้การจัดสรรคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมย่าน 700 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 3 ใบอนุญาต กลับเป็นการให้ยื่นคำขอและตกลงกันเอง หรือย้อนยุคไปสัมปทานเสียนี่ แม้ กสทช.จะคุยโตว่าได้เงินถึง 56,444.64 ล้านบาท แต่เมื่อต้องนำเงินไปช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลจากตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ถือเป็นคำสั่งที่น่าจะกลายเป็นปัญหาในอนาคตแน่นอนแบบขอฟันธงไว้ตรงนี้ เป็นเงินถึง 36,000 ล้านบาท ก็เท่ากับมีเงินเหลือจากการจัดสรรสัมปทานที่มีอายุ 10-15 แค่ 20,000 ล้านบาทเป็นตัวเลขกลมๆ หรือเหลือปี 1,300-2,000 ล้านบาทเท่านั้น พระเจ้าจอร์จ! คลื่นของคนทั้งชาติได้ราคาแค่กระพีกเดียว ...๐ พูดถึงเรื่องเงินทองไม่พูกถึงการทำสถิติใหม่ของ รัฐสภาที่มี “ชวน หลีกภัย” ทำหน้าที่ประธานรัฐสภาไม่ได้ ล่าสุดใช้เวลาการประชุมเพียง 17 นาที ซึ่งก็ทำให้โลกออนไลน์มีการท้วงติงและข้องใจกันอย่างยิ่ง เพราะต้องไม่ลืมค่าเช่าห้องประชุมทีโอทีนั้นเฉลี่ยเดือนละ 11 ล้านบาท หรือตกวันละ 3.6 แสนบาท แต่รัฐสภาไทยกลับใช้เวลาแค่ 17 นาที เรียกว่าใช้แบบนกกระจอกไม่ทันจะกินน้ำกันเลย โดยหากคิดเฉลี่ยแล้วต้องบอกว่าการประชุมรัฐสภาครานี้ 1 นาทีใช้ภาษีของแผ่นดินถึง 21,000 บาทกันเลย แหม! นี่เราอยู่ในประเทศที่ล่ำซำกันขนาดนี้เชียวเหรอทั่นผู้ทรงเกียรติ ...๐
...ท.ศักดิ์
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |