มทภ.4มาแรง ซัด'นิสิต-นศ.' เผาห้างนราฯ


เพิ่มเพื่อน    

   “อีโอดี” ลงเก็บหลักฐาน “บึ้มเป๋าตังค์” ในห้างที่นราธิวาส พบวาง 4 ใบชั้นวางจำหน่ายสเปรย์ เชื่อคนร้ายหวังผลให้ลุกลามใหญ่โตแต่ไม่มุ่งทำร้ายบุคคล  “แม่ทัพภาค 4” เผยเป็นฝีมือนักเรียน-นักศึกษารับจ๊อบอยากได้เงินช็อปปิ้ง ลั่นไม่ใช่ระเบิดแค่ซุกสารเคมี ซัดสื่อจุดไฟให้ลุกลาม 
    เมื่อวันอาทิตย์ ยังคงมีความต่อเนื่องจากเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้ไม่หวังดีวางระเบิดและจุดไฟเผาในหลายพื้นที่ของจังหวัดนราธิวาสและปัตตานีเมื่อช่วงวันเสาร์ โดยเมื่อเวลา 09.00 น. พ.ต.อ.เจริญ ธรรมขันธ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนราธิวาส พร้อมกองพิสูจน์หลักฐานและชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร จ.นราธิวาส ได้ตรวจหาหลักฐานที่ห้างซุปเปอร์ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ เลขที่ 24/2 ถ.จำรูญนรา เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ซึ่งเป็นจุดถูกวางระเบิดกระเป๋าสตางค์ 
ขณะเดียวกันยังได้แบ่งเจ้าหน้าที่ออกเป็น 2 ชุด โดยชุดที่ 1 ไล่ตรวจดูกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บนเสาไฟฟ้า และจุดตรวจ 4 มุมเมือง รวมทั้งเส้นทางที่ไปยังจุดเกิดเหตุทั้ง 3 จุด และชุดที่ 2 ตรวจสอบวงจรปิดที่ร้านจำหน่ายสินค้าราคาถูกของนายดำ โรจน์แก้ว ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหอนาฬิกา ต.บางนาค ซึ่งเป็น 1 ใน 3 จุดที่สามารถไล่กล้องวงจรปิดได้ โดยการตรวจสอบเน้นพฤติกรรมของบุคคลที่มีพิรุธต้องสงสัย เพื่อนำภาพบุคคลดังกล่าวไปประกอบไล่วงจรปิดตามจุดต่างๆ ที่บันทึกได้ในการแกะรอย เพื่อตรวจสอบว่าคนร้ายกลุ่มนี้มีเพียงกลุ่มเดียวหรือ 3 กลุ่มที่ได้แยกย้ายปะปนกับชาวบ้าน ขณะเดียวกันในการรักษาความปลอดภัยในรอบบริเวณซุปเปอร์ดีฯ นั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน อ.เมืองฯ และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครป้องกันเมืองคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก เนื่องจากเป็นย่านธุรกิจสำคัญ
      รายงานจากฝ่ายความมั่นคงแจ้งว่า กลุ่มคนร้ายที่ลอบนำวัตถุระเบิดชนิดใหม่แบบกระเป๋าสตางค์มาใช้เพื่อวินาศกรรมเผาร้านค้าย่านเศรษฐกิจสำคัญ เป็นกลุ่มวัยรุ่นใหม่ที่ถูกฝึกมาปฏิบัติการโดยเฉพาะ โดยไม่มีหมายใดๆ จากฝ่ายความมั่นคง เนื่องจากมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีรุ่นพี่อยู่เบื้องหลังคอยวางแผนและสั่งการให้นำวัตถุระเบิดไปก่อเหตุตามเป้าหมายที่ถูกเลือกไว้ หลังจากตระเวนดูต้นทางและวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยล่าสุดกลุ่มผู้ก่อเหตุได้หลบหนีออกนอกพื้นที่ไปซ่อนตัวในพื้นที่ใกล้เคียง โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอที่มีเขตรอยต่อกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว
        สำหรับคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุครั้งนี้ คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 10 คน โดยแบ่งหน้าที่เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ 1  คน  1 คนทำหน้าที่แอบนำวัตถุระเบิดไปวางซุกไว้ในร้านค้าเป้าหมาย และมีอีก 1 คนทำหน้าที่ดูต้นทาง รวมจุดละไม่น้อยกว่า 3 คน รวม 3 จุด น่าจะใช้คนไม่น้อยกว่า 10 คน โดยเลือกวางไว้ก่อนร้านปิดไม่นาน เพราะปกติร้านค้าจะปิดร้านในช่วงเวลา 22.00 น. ซึ่งคนร้ายตั้งเวลาระเบิดไว้ที่หลัง 00.00 น. เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเจ้าของปิดร้านและพักผ่อนแล้ว ซึ่งการกระทำครั้งนี้คนร้ายมุ่งเน้นเป้าที่ร้านค้ามากกว่ามุ่งหวังในชีวิต เนื่องจากเป็นวัตถุระเบิดชนิดเล็กที่ไม่มีสะเก็ดระเบิด
         มีรายงานอีกว่า วัตถุระเบิดที่พบในที่เกิดเหตุ พบภายในมีนาฬิกาข้อมือแบบดิจิตอลต่อพ่วงกับวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ต่อพ่วงอีกชั้นกับไม้ขีดไฟและแอลกอฮอล์แห้ง ซึ่งการทำงานของระเบิดกระเป๋าสตางค์มีวิวัฒนาการเพื่อนำมาอำพรางก่อเหตุในการตบตาเจ้าหน้าที่ และง่ายต่อการเล็ดลอดเข้าไปก่อเหตุในพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งระเบิดทำงานแบบง่ายๆ คือตั้งเวลาปลุกจากนาฬิกาดิจิตอลเพื่อให้วงจรทำงานจนเกิดความร้อน และความร้อนดังกล่าวเป็นตัวจุดหัวไม้ขีดให้เกิดเปลวไฟ แล้วไปทำให้แอลกอฮอล์แห้งเกิดลุกไหม้ ดังนั้นคนร้ายจึงนำวัตถุระเบิดมาวางซุกไว้ในล็อกของสินค้าประเภทกระป๋องสเปรย์นั้น เนื่องจากภายในกระป๋องสเปรย์มีส่วนผสมของแก๊สเป็นหลักที่สามารถติดไฟได้ง่าย และเมื่อเกิดระเบิดขึ้นจะสร้างประกายไฟที่รุนแรง และเมื่อกระป๋องฉีดสเปรย์ระเบิด จะปล่อยแก๊สพุ่งเป็นแรงสนับสนุนทำให้เกิดประกายไฟขนาดใหญ่ขึ้น จนลามไปติดสินค้าอื่นๆ ในทันที
    โดยจากการเก็บหลักฐานพบว่ามีการซุกระเบิดกระเป๋าสตางค์สุภาพบุรุษที่ชั้นวางสินค้า ล็อกที่ 2 ซึ่งอยู่ข้างประตูทางชั้นวางจำหน่ายสินค้าประเภทกระป๋องสเปรย์ปรับอากาศ จำนวน 2 ใบ และห่างกันประมาณ 5 เมตร บริเวณล็อกที่ 4 ซึ่งเป็นชั้นวางจำหน่ายสินค้าประเภทกระป๋องสเปรย์ยากันยุงและแมลงสาบอีกจำนวน 2 ใบ รวมเป็น 4 ใบ
    ด้าน พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 กลับระบุว่า จากการตรวจสอบไม่ใช่วัตถุระเบิด เป็นการนำเสนอข่าวเกินจริง เหมือนกรณีวัยรุ่นยิงปืนขึ้นฟ้าในงานวัดใกล้กับฐานทหาร ก็ไปเขียนข่าวแล้วว่าทหารถูกโจมตีฐาน ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ เป็นเพียงเด็กวัยรุ่นที่คึกคะนองยิงปืนตามถนน 1-2 นัด เพราะการโจมตีฐานนั้นมันต้องนำรถมาจอดโจมตีเข้ามาที่ฐานเลย แต่นี่ไม่มีอะไรเลย มาหาว่าฐานทหารถูกโจมตี ส่วนกรณีนี้นั้น คนร้ายใช้สารเคมีที่มีส่วนผสมต่างๆ ที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์และหน่วงเวลาเพื่อให้สารเคมีแตก เมื่อแตกแล้วเกิดเป็นประกายไฟทำให้เพลิงไหม้ ส่วนสาเหตุเพลิงที่ลุกไหม้เร็วเพราะคนร้ายนำไปวางไว้พื้นที่มีเชื้อไฟจุดติดง่าย เช่น น้ำมัน เครื่องสำอาง หรือผ้า 
“ผมมองว่าที่คนร้ายใช้กระเป๋าซุกซ่อนวัตถุเคมี ถือเป็นสิ่งบอกเหตุว่าคนร้ายกลุ่มนี้มันไม่มีสตางค์แล้ว เพราะตอนนี้กระเป๋ามันฉีกแล้ว ไม่มีใครให้การสนับสนุนแล้ว จึงได้ออกมาก่อกวนทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วยการขยายผลของบางสื่อ” พล.ท.ปิยวัฒน์กล่าว
พล.ท.ปิยวัฒน์ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่เก็บหลักฐานต่างๆ ไว้หมดแล้ว ซึ่งก็พอรู้แล้วว่าเป็นกลุ่มนักเรียน-นักศึกษาที่เป็นแนวร่วมรับจ้างเข้ามาวางเพื่อก่อเหตุ โดยเคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่าไม่เกี่ยวข้องกับการแบ่งแยกดินแดน พวกนี้รับจ้างมาเพื่อได้เงินมาซื้อของที่ต้องการ เช่นโทรศัพท์มือถือหรือของที่ต้องการ แต่ไม่มีเงินซื้อ และที่พูดได้เต็มที่เพราะกลุ่มพูโลหรือกลุ่มต่างๆ ขณะนี้เขาอยากออกมาใช้ชีวิตแบบปกติสุขแล้ว ซึ่งดูได้จากโครงการพาคนกลับบ้าน ที่มีคนพวกนี้เข้ามาร่วมโครงการเพิ่มมากขึ้น
“ที่ผมบอกว่าการที่จะต่อสู้เพื่อแบ่งแยกดินแดนนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะ 1.ไม่มีการยึดพื้นที่ 2.ไม่มีกองกำลัง พวกนี้อย่าว่าจะมากู้ดินแดนของเขาที่กล่าวอ้างเลย ให้ไปกู้เงินธนาคารเขายังไม่ให้มันกู้เลย” พล.ท.ปิยวัฒน์กล่าว
เมื่อถามว่า มีการประเมินเหตุการณ์ที่คนร้ายก่อเหตุในครั้งนี้หรือไม่ พล.ท.ปิยวัฒน์กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงได้ประเมินสถานการณ์ต่างๆ ไว้รอบด้านแล้ว อาจเป็นเพราะ 1.ทางองค์การความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) จะเข้ามาในไทยจะได้รู้ว่ายังมีตัวตน 2.โครงการพาคนกลับบ้านได้รับการตอบสนอง ซึ่งจะมีคนจะออกมาอีกเยอะ 3.การกวดขันจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในพื้นที่ได้ทุกคดี ไม่ว่าจะเป็นเผารถทัวร์ ซึ่งจับกุมคนร้ายได้ 8 คน ซึ่งเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ ไม่ได้เกี่ยวกับแบ่งแยกดินแดน 4.การตรวจสอบของภาครัฐเข้มข้น จนไปพบว่าที่โรงเรียนปอเนาะบากงมีการทุริตเงินค่าเล่าเรียนของครูที่เบิกมาจากกระทรวงศึกษาฯ ไม่ตรงกับความเป็นจริง และจากการตรวจคนในปอเนาะ พบอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนหนึ่ง และ 5.โผแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร เพราะพวกนี้ถูกทางเจ้าหน้าที่รัฐกวดขันอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจผิดกฎหมายและธุรกิจเถื่อน ไม่สามารถขยับได้ ถ้ายังอยู่ใน 14 จังหวัดที่รับผิดชอบ พวกนี้มันก็พยายามจะดิสเครดิตเราไป.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"