"โปลิศวอตช์" ออกแถลงการณ์จี้ "บิ๊กตู่"    เร่งปฏิรูปงานสอบสวน ยกคดีหวย 30 ล้าน ล้วงลูกสำนวนจนอื้อฉาว "ครูปรีชา" ซัดกลับ "ทนายษิทรา"  ห่วงตัวเองก่อนมาห่วงคนอื่น บี้ "หมวดจรูญ" แจงให้ชัดซื้อลอตเตอรี่จากแม่ค้าคนไหน มั่นใจมีหลักฐานเด็ดพิสูจน์ชั้นศาล "อัจฉริยะ" โพสต์คำกลอนประชดประชัน
     เมื่อวันอาทิตย์ เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (คป.ตร.) หรือ Police  Watch ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 8/2561 เรื่อง ขอให้นายกรัฐมนตรีเร่งแก้ปัญหาตำรวจและปฏิรูปงานสอบสวน จากบทเรียนคดีหวย 30 ล้าน  
     แถลงการณ์ระบุว่า ตามที่ได้เกิดปัญหาตำรวจปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนในกรณีต่างๆ อยู่เสมอๆ   ไม่ว่าจะเป็นการรับส่วยสินบนรู้เห็นเป็นใจให้มีแหล่งอบายมุขในพื้นที่อันเป็นสาเหตุสำคัญของอาชญากรรมและยาเสพติด จนกรมการปกครองและทหารต้องตรวจจับกุมแทนอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งปัญหาการไม่รับแจ้งความบันทึกเลขคดีในกรณีที่ประชาชนร้องทุกข์กล่าวโทษ หรือการแจ้งข้อหาต่อบุคคลโดยปราศจากพยานหลักฐานการกระทำผิดหรือเกินจริง รวมไปถึงการสั่งงานสอบสวนของผู้บังคับบัญชาโดยมิชอบให้แต่งเติมพยานหลักฐานการดำเนินคดีตามที่ต้องการ  และการโจรกรรมวัตถุพยานสำคัญที่เกิดขึ้นในสถานีตำรวจ เช่น คดีหวย 30 ล้าน ปรากฏหลักฐานการกระทำผิดชัดเจนตามหนังสือกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ 0026(ก1)/16 วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 เป็นข่าวอื้อฉาวอยู่ในขณะนี้ 
    แถลงการณ์ระบุว่า พฤติการณ์เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศถึง 71 เปอร์เซ็นต์ หรือจำนวน 47 ล้านคน ไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมทางอาญาตามผลสำรวจของสำนักวิจัยกรุงเทพโพล ส่งกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมและความมั่นคงของชาติอย่างร้ายแรงยิ่ง  
    "จึงขอเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สั่งการให้มีการดำเนินคดีอาญาและสั่งพักราชการตำรวจผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้รับผิดชอบทุกระดับที่ไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมายตามอำนาจหน้าที่ ในกรณีพบการกระทำโดยมิชอบ เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อข้าราชการตำรวจอื่น"
    แถลงการณ์ยังเรียกร้องให้เร่งปฏิรูประบบงานสอบสวนด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันการกระทำผิดในการสอบสวนลักษณะต่างๆ 1.ให้มีบทบัญญัติคุ้มครองความเป็นอิสระการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนทุกหน่วยเช่นเดียวกับพนักงานอัยการ 2.แยกงานสอบสวนออกจากตำรวจเป็นสายงานเฉพาะ ให้พนักงานสอบสวนมีความเจริญก้าวหน้าด้วยระบบประเมินที่มีมาตรฐานและยึดหลักอาวุโส โดยหัวหน้าสถานี ผู้บังคับการตำรวจ และผู้บังคับบัญชาทุกระดับต้องไม่มีอำนาจสั่งงานสอบสวน  ให้เป็นหน้าที่หัวหน้างานสอบสวนประจำสถานีและหน่วยสอบสวนทุกหน่วยเป็นผู้รับผิดชอบควบคุมและสั่งการเป็นลายลักษณ์อักษร รวมทั้งการส่งสำนวนพนักงานอัยการ 
    3.การออกหมายเรียกบุคคลเป็นผู้ต้องหาและเสนอศาลออกหมายจับต้องได้รับความเห็นชอบจากพนักงานอัยการ 4.ให้อัยการมีอำนาจตรวจสอบการสอบสวนคดีสำคัญที่มีโทษจำคุกเกินห้าปีขึ้นไป โดยพนักงานสอบสวนต้องรายงานให้ทราบทันทีที่เกิดเหตุ  รวมทั้งคดีที่มีการร้องเรียนว่าการสอบสวนไม่ได้กระทำโดยชอบตามกฎหมาย หรือไม่ได้รับความยุติธรรม 5.การสอบปากคำบุคคล ต้องกระทำในห้องสอบสวนที่จัดเฉพาะ มีระบบบันทึกภาพและเสียงอัตโนมัติเก็บเป็นหลักฐานไว้ให้อัยการและศาลเรียกตรวจสอบได้เมื่อจำเป็นทุกคดี 
    ท้ายแถลงการณ์ระบุว่า เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจเชื่อว่า หากได้ดำเนินการปฏิรูประบบงานสอบใน 5 เรื่องดังกล่าว จะทำให้การสอบสวนคดีอาญาของประเทศมีความสุจริตตรงกับข้อเท็จจริง เกิดความยุติธรรมต่อประชาชนมากยิ่งขึ้น เป็นการตรวจสอบและถ่วงดุลระหว่างพนักงานสอบสวนกับพนักงานอัยการอย่างเหมาะสมตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 258 ง.(2) อย่างแท้จริง แต่หากไม่เร่งดำเนินการ ก็จะทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องตกเป็นเหยื่อของกระบวนการยุติธรรมที่ล้าหลังซ้ำซาก สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน เกิดปัญหาความขัดแย้งทางสังคมต่อไปไม่จบสิ้น
    ด้านความคืบหน้าคดีหวย 30 ล้านบาท ระหว่างร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ กับนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทพมงคลรังษี จ.กาญจนบุรี 
    ตั้งแต่ช่วงเช้า ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านพักครูปรีชาใน จ.กาญจนบุรี โดยครูปรีชาเดินออกมาบริเวณรั้วประตูบ้านพร้อมแจ้งว่า วันนี้ของดให้สัมภาษณ์ ขอตัวไปทำธุระส่วนตัว จะไปดูสวนปาล์มและยางพารา รวมทั้งบ่อเลี้ยงปลา ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่คาบเกี่ยวระหว่างอำเภอบ่อพลอย-อำเภอห้วยกระเจา
    กระทั่งเวลา 10.30 น. ครูปรีชาเดินทางกลับจากไปดูสวนปาล์ม พร้อมระบุว่า อยากฝากผู้สื่อข่าวไปถาม ร.ต.ท.จรูญ ว่าหาคนที่ขายลอตเตอรี่ให้กับตัวเองได้หรือยัง ซื้อที่ไหน ขายที่ไหน คนขายคือใคร เพราะจนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีแม่ค้าคนใดออกมาแสดงตนว่าขายให้กับ ร.ต.ท.จรูญ และฝากขอบคุณทนายตั้มที่เตือนด้วยความหวังดี แต่ในทางนิตินัยมองว่าการกระทำในลักษณะเช่นนี้เป็นการข่มขู่ 
    "ขอขอบคุณทนายตั้มที่เป็นห่วงเป็นใย แต่ขอให้ห่วงใยตัวเองก่อนแล้วกัน ที่ผ่านมาผมไม่เคยเตือนอีกฝ่ายแต่อย่างใด ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรจะให้เกียรติซึ่งกันและกัน สำหรับการมีคดีความเป็นเรื่องของความขัดแย้งของคนสองคน ทนายตั้มก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ทำไมถึงรู้ดี" ครูปรีชากล่าว
    ครูปรีชายืนยันมีหลักฐาน แต่ไม่ขอนำมาเปิดเผยผ่านสื่อ แต่จะนำไปแสดงในชั้นศาล ซึ่งทนายษิทรา เป็นนักกฎหมายก็ควรจะทราบในเรื่องนี้ และไม่ควรใช้โพสต์ผ่านสื่อเพื่อมอมเมาประชาชนเช่นนี้ ทั้งๆ ที่ตอนนี้ทุกคนควรจะรอผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งในวันที่ 28 ก.พ.ที่จะถึงนี้ ทาง ผบ.ตร.ก็จะออกมาแถลงข่าวในเรื่องนี้อยู่แล้ว
    ถามว่า พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.ระบุให้โอกาสคนที่รู้ตัวว่าทำผิดได้กลับตัวกลับใจ ก่อนที่จะสรุปผลการสอบสวน ครูปรีชากล่าวว่า ตนยืนยันเหมือนเดิมไม่ได้ทำผิดอะไร และเชื่อมั่นในสิ่งที่มี และเชื่อมั่นซื้อลอตเตอรี่จริง ขณะเดียวกันก็เชื่อมั่นว่าทางตำรวจก็ทำงานด้วยความยุติธรรม
    "ผมสบายใจที่ความจริงในเบื้องต้นจะได้ปรากฏในเร็วๆ นี้ ความจริงก็คือความจริง ซึ่งเราหลีกหนีความจริงไปไม่พ้น แต่การที่จะรู้ว่าใครถูกใครผิดก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการศาล ซึ่งกระแสโจมตีในโซเชียลอย่างหนักก็เข้าใจ และเชื่อว่าสักวันบุคคลเหล่านั้นจะเข้าใจเอง" ครูปรีชากล่าว 
    เขากล่าวว่า ขอใช้หลักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์บอกว่ามนุษย์ให้เดินทางสายกลาง มัชฌิมาปฏิปทา คือไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป แล้วเมื่อมีสติก็จะเกิดปัญญา สติของเราต้องควบคุมตัวเอง กายกับจิตต้องแยกออกจากกัน กายมีเรื่องของคดีความ จิตเป็นจิตที่เป็นครู ตนต้องเป็นพ่อพิมพ์ของชาติ ดังนั้นจิตกับกายที่ดีงามจะมารวมกันเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้
    "เป็นเพราะครูทำลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 หาย ทำให้ ผู้การกาญจนบุรี กับ 2 นายตำรวจต้องโดนย้ายไปช่วยราชการ ก็ต้องกราบขอโทษด้วยที่ทำให้ท่านต้องเดือดร้อน ซึ่งเชื่อว่าตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา แต่มีเหตุผลต้องโอนสำนวนไปให้ตำรวจกองปราบฯ ทำ ซึ่งผมก็ให้ความร่วมมือมาโดยตลอด เชื่อว่าตำรวจต้องพิสูจน์หลักฐานให้ครบถ้วน หากครบแล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ ก็จะแถลงข่าวว่าน้ำหนักจะไปอยู่ฝ่ายใด ใครน่าจะเป็นเจ้าของลอตเตอรี่ในเบื้องต้น ดังนั้นผลจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม ก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการศาล เพื่อให้ศาลพิสูจน์จากหลักฐานบางอย่างอีกครั้งหนึ่ง" ครูปรีชากล่าว 
    ซักว่ารู้สึกเครียดหรือไม่ ครูปรีชาตอบว่า ไม่ได้รู้สึกเครียด เพราะของจริง แล้วจะไปกลัวอะไร
    วันเดียวกัน เพจชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้โพสต์คำกลอน ระบุว่า “ฝากถึงคนแดนไกล คบคนพาลพาลไปหาผิด คบด็อกเตอร์ไม่จริงใจก็ไร้ผล  คบอีคว้าถึงเวลาก็ชิ่งหนี  คบมีสีถึงเวลาก็จากไป โอ้ครูจ๋าจะไปเที่ยวห้องกรงก็ไม่บอก จะได้ฝากเพื่อนรักไปเที่ยวด้วย อยากทำไรก็รีบทำ เดี๋ยวจะไม่มีโอกาสทำ".