คดีหวย 30 ล้านอลวนอลเวง ถึงขนาดคนระดับ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังต้องออกมาพูดถึง ตอนนี้น่าจะเริ่มพอได้เค้าแล้วว่าระหว่าง ครูปรีชา กับ หมวดจรูญ ใครคือเจ้าของลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ตัวจริงเสียงจริง

      แม้การสรุปคดีอย่างเป็นทางการต้องรอถึงวันพุธ 28 ก.พ. ตามที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กำหนดเดดไลน์เอาไว้

      แต่แค่ถอดถ้อยคำสัมภาษณ์ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ในทำนอง...

        “คดีนี้ผมได้พูดมาตั้งแต่แรกแล้วว่ามีการดำเนินการในรูปขบวนการ ส่วนใครจะอยู่ในขบวนการนี้บ้าง เรามีหลักฐาน แต่ยังเป็นในขั้นตอนการพูดคุยเฉยๆ ยังไม่อยู่ในรูปของลายลักษณ์อักษร ผมเชื่อว่า  บช.ก.ไม่ไปกลั่นแกล้งใคร และบุคคลที่ทำคดีนี้เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ทั้งนั้น เท่าที่ผมตรวจสอบคดีหวยในลักษณะแบบนี้ มีไม่เกิน 5 คดี ซึ่งแต่ละคดี บช.ก.มีข้อมูลหมดแล้ว”

      ทุกอย่างก็เริ่มกระจ่าง เริ่มมีสัญญาณตอบข้อสงสัยของสังคมที่ต่าง รอลุ้น กันมาเป็นแรมเดือน

      ยิ่งเมื่อ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามคำสั่งให้ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี  มาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยให้ขาดจากต้นสังกัด

      ตามหนังสืออ้างถึงคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนมีความจำเป็นต้องรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดเท่าที่จะสามารถทำได้ เพื่อประสงค์ทราบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่างๆ อันเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกล่าวหาคดีหวยรางวัลที่ 1 ของ ครูปรีชา และ หมวดจรูญ

        "เพื่อที่จะพิสูจน์ให้เห็นความผิด หรือความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา ดังนั้นเพื่อให้การสืบสวนสอบสวนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่าย...จึงให้ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร."

      ตอกย้ำด้วยคำชี้แจง คำอธิบายถึงการออกคำสั่งดังกล่าวของ พล.ต.อ.สุชาติ บอกเอาไว้ว่า

        "เนื่องจากผลการสืบสวนสอบของคณะทำงาน พล.ต.ต.สุทธิอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดคดีหวย 30 ล้าน เพื่อให้การสอบสวนเป็นไปอย่างเป็นธรรม และไม่ให้เข้าไปยุ่งเหยิงกระบวนการรวบรวมวัตถุพยานหรือพยานบุคคล จำเป็นที่จะต้องออกคำสั่งให้มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อน เพื่อให้คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนได้สอบสวนอย่างมีประสิทธิภาพ"

      ถือเป็น ดาบแรก ที่ฟันเปิดแผลหวย 30 ล้านให้ปริแยกอย่างชัดเจน นับตั้งแต่อลวนอลเวงกันมาเป็นแรมเดือน

      ทว่าคำสั่งเด้ง ผู้การกาญจน์ เข้ากรุไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมายหรือเซอร์ไพรส์ใหญ่โต เพราะหากติดตามคดีหวยกันมาตั้งแต่ต้น พฤติกรรม พฤติการณ์ของ ผู้การ ที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดีแบบเกินงาม แบบแปลก จนสังคมตั้งคำถาม ตั้งข้อสงสัย สุดท้าย ผบ.ตร. ก็ต้องโอนคดีจากเมืองกาญจน์มาให้กองปราบปรามทำสำนวนการสอบสวนทั้งหมด ก็พอเห็นสัญญาณมาบ้างแล้ว

      โดยเฉพาะคำสัมภาษณ์ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ในวันที่ไปสอบปากคำคดีหวยถึงเมืองกาญจน์ เรียกตำรวจระดับผู้กำกับการ ระดับ ร.ต.อ.-พ.ต.ท.มาสอบถาม เรียกแม่ค้าหวยมาซักถามนานกว่า 10 ชั่วโมง

        "ถือว่าให้โอกาสแล้ว และให้ความยุติธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย หากผลสุดท้ายเกิดอะไรขึ้นก็ต้องยอมรับสภาพจากการกระทำ"

      นอกจากนี้ยังมีคำสั่งเด้ง พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี, ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ชัชรินทร์กุล รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรีไปปฏิบัติราชการที่ บก.ป. ซึ่งทั้ง พ.ต.ท.ชูวิทย์ และ ร.ต.อ.จิรยุทธ์มีชื่อเกี่ยวข้องในคดีหวยระหว่างนายปรีชากับ ร.ต.ท.จรูญเกี่ยวกับการทำสำนวนสอบสวน

      ไฮไลต์สำคัญต้องโฟกัสไปที่ ดาบสอง ที่จะตามมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ในการออก หมายจับ  ขบวนการ "ตกหวย" รางวัลที่ 1 ช่วงชิงลอตเตอรี่มูลค่า 30 ล้านบาท ตามข้อมูลที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เปิดเอาไว้ว่าทั้งหมดมาในรูปขบวนการ เป็นการซ้ำแผลดาบแรก

        ชนิดเลือดสาด!!!

      เพราะหากทุกอย่างเป็นไปตามข้อมูลในบันทึกข้อความที่ พล.ต.ท.ฐิติราช เสนอ ผบ.ตร. ขอพิจารณาสั่งให้ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรีมาปฏิบัติราชการที่ ตร. ซึ่งมีการแชร์ในโลกโซเชียลแจกแจงถึงพฤติกรรม พฤติการณ์ของแต่ละบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจระดับใหญ่ ไปจนถึงระดับเล็กและคนอื่นๆ เข้ามามีส่วนเปลี่ยนแปลงคำให้การในสำนวนการสอบสวนเป็นขั้นเป็นตอน

      พยานหลักฐานต่างๆ ก็ชัดเจน เพียงพอที่จะมีการ ออกหมายจับ ขบวนการ ตกหวย ที่แนวโน้มเบื้องต้นน่าจะมีนายตำรวจใหญ่ 1 ราย และอีก 2 คน 

      ที่ต้องเปลี่ยนสถานะตกเป็น

        "ผู้ต้องหา"!!!!