พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค


เพิ่มเพื่อน    

    ปิดตำนานกันไปเรียบร้อยสำหรับ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค 
    เจ้าของฉายา "มือวิสามัญ" ด้วยการก่ออัตวินิบาตกรรม กระโดดจากชั้น 7 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ พร้อมจดหมายลาตาย 
    นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีนายตำรวจระดับบิ๊กๆ เกี่ยวพันกับการเมืองหลายคน และหนึ่งในนั้นคือ  พล.ต.อ.สร้าง บุนนาค นี่แหละครับ
    เมื่อคนจากไปประวัติศาสตร์จะเป็นผู้เล่าเรื่อง เป็นความจริงที่หลีกหนีไม่พ้น 
    คดีโจด่านช้างถือว่าเด็กๆ หากเทียบกับประวัติที่สร้างชื่อให้อดีตนายตำรวจผู้นี้
    เหตุการณ์ ๖ ตุลา ๑๙ ขณะมียศเป็น พันตำรวจโท รองผู้กำกับการ ๒ รับคำสั่งจาก พล.ต.ต.สุวิทย์  โสตถิทัต ผู้บังคับการกองปราบปราม ให้นำกำลังตำรวจปราบจลาจล ๒๐๐ นายไปรักษาความสงบที่บริเวณท้องสนามหลวง และหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
    ได้ระดมตำรวจตระเวนชายแดนประมาณ ๖๐ นาย หน่วยสวาท ๔๕ นาย ใช้ปืนครก อาวุธปืนที่ติดกล้องเล็ง โจมตีเข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำให้นักศึกษา ประชาชน เสียชีวิตจำนวนมาก 
    พันตำรวจโทสล้าง อ้างว่ามีการยิงตอบโต้
    เกือบจะเกิดเหตุซ้ำรอยเดิม เมื่อเดือนตุลาคม ปี ๒๕๕๑ ขณะพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยึดทำเนียบรัฐบาลจากรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์
    พล.ต.อ.สล้าง ที่นิยมชมชอบระบอบทักษิณประกาศผ่านสื่อว่า
    “มีตำรวจมาพูดกับผมว่าตอนนี้ตำรวจไม่กล้าทำงาน เพราะผู้ใหญ่ไม่กล้าตัดสินใจ ผมจึงคิดกับเพื่อนตำรวจนอกราชการที่อดีตเคยเป็นครู ตชด.ปจ.คอมมานโด กองปราบปราม ตั้งกองกำลังกู้ทำเนียบรัฐบาล โดยจะเสนอรัฐบาลว่าจะเข้าไปยึดทำเนียบคืนเอง เบื้องต้นรวบรวมตำรวจนอกราชการได้กว่า 1  พันนาย ซึ่งถ้าหากตำรวจในราชการอยากร่วมด้วยก็ขอให้ไปลาราชการมาร่วมกันทำงาน ส่วนชาวบ้านทั่วไปก็มาร่วมได้"
    อดีตนายตำรวจผู้นี้ยังมีทัศนคติที่น่าสนใจ เป็นคำสัมภาษณ์สมัยที่ประเทศบริหารโดยรัฐบาลอภิสิทธิ์
    “ตำรวจกับการเมืองมันแยกกันไม่ออก เพราะตำรวจรับใช้การเมืองมาโดยตลอด หรือจะเรียกว่าโดยปริยาย ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา
     แม้กระทั่งรัฐบาลเผด็จการก็ต้องใช้ตำรวจในการทำหน้าที่ การแต่งตั้งโยกย้ายแต่ละครั้งก็จะปูนบำเหน็จให้กับนายตำรวจที่ตัวเองพอใจ หรือใช้ประโยชน์ได้ จะเลื่อนขั้น เลื่อนชั้น นี่คือความจริงที่เป็นอยู่  ซึ่งฝ่ายการเมือง หรือรัฐบาลเอง ก็คิดแต่อนาคตทางการเมือง ถ้ารวบตำรวจไว้ได้หมด การเลือกตั้งครั้งต่อไปก็ไม่มีปัญหา
    ยิ่งเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค ทุกพรรคในรัฐบาลผสม ก็ต้องการตำรวจไปอยู่ในพื้นที่การเมืองของตัวเอง แต่พรรคเสียงข้างมาก ก็คิดถึงอนาคตข้างหน้า ถ้าให้ไปหมด เลือกตั้งครั้งหน้า เราก็ได้เสียงน้อย  ก็ลำบาก จึงเกิดการกั๊กกันขึ้นมา”
    จะผิดจะถูก คนในวงการตำรวจ และการเมืองต่างรู้ดี 
    มีอีกบทสัมภาษณ์หนึ่ง ที่แทงใจฝ่ายการเมือง ขณะที่ประชาชนทั่วไปน่าจะเห็นด้วย 
    “ตำรวจเหี้ยมันก็มี แต่ก็ส่วนน้อย และที่ตำรวจมันเหี้ย ก็มาจากฝ่ายการเมืองทั้งนั้น อย่างเรื่องการซื้อขายตำแหน่งนั้นมีจริงในวงการตำรวจ เพราะนักการเมืองมันส่งมา บ้านเมืองมันจึงยุ่งเหยิงอยู่ทุกวันนี้  ตำรวจจะสู้ได้อย่าง แม้จะไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง แต่เมื่อฝ่ายการเมืองช่วยเหลือไว้แล้ว ก็เอาไปใช้เป็นขี้ข้า เพื่อผลประโยชน์ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป”
    ครับนั่นคือ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"