ต้อม-นิรันดร์ โอภาสธัญกร พระเอกลิเกหน้าหวานที่ก้าวเข้ามาในวงการบันเทิงได้ไม่นาน แต่ก็มีโอกาสได้ลองทั้งงานละครและภาพยนตร์มาแล้วหลายเรื่อง และถึงแม้จะกำลังเดินหน้าลุยงานแสดงอย่างต่อเนื่อง แต่ "ลิเก" ก็เป็นสิ่งที่เขารักและตั้งใจจะสืบสานให้อยู่คู่คนไทยต่อไป
"นี่ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องที่สองต่อจาก 777นะชาลีติ จนมาเรื่องนี้ เล่าฤาสื่อIV จริงๆผมเล่นลิเกเป็นหลักมาก่อน จนมาเจอครูมิ้งค์ผู้กำกับ แล้วจึงได้มีโอกาสลองเล่นละครเล่นภาพยนตร์เล็กๆน้อยๆ ก่อนหน้านี้เราเป็นพระเอกลิเก ก็เล่นลิเกกับคณะ เล่นลิเกกันตั้งแต่รุ่นคุณแม่ ถึงแม้เราจะมีงานแสดงด้วยแต่เราก็ทิ้งวงไม่ได้ เพราะเรายังมีบุคลากรในทีมอีก 40-50 คน แต่โชคดีที่เวลาครูมิ้งค์หรือทางกองขอคิว เราก็จะมีคิวลิเกของเราให้เขาดูว่าเราว่างวันไหนบ้าง อะไรที่เรารับไว้แล้วเขาก็จะไม่ยุ่งคิวนั้น
ชื่อคณะละเก "นิรันดร์ อภิวันท์" ก็มาจากชื่อผมกับน้องชาย ก็เล่นเป็นพระเอกทั้งคู่ จริงๆที่บ้านทำอาชีพนี้มาตั้งแต่รุ่นคุณแม่ แต่ไม่ได้มีคณะของตัวเอง คือไปเล่นให้คณะอื่น แต่พอเราเริ่มโตเป็นหนุ่มก็เริ่มมาหัดเล่นเลิเกจริงๆจัง คุณพ่อคุณแม่ก็เลยตั้งคณะให้ ตอนนี้ก็ตั้งคณะมา 20 ปีแล้วครับ ส่วนผมก็เล่นลิเกมา 20 กว่าปีแล้ว
การเสพความบันเทิงของแต่ละยุคมันก็ไปตามยุคสมัย ลิเกยุคนี้มันก็แคบลง เป็นกลุ่มเล็กลงตามต่างจังหวัด เพราะสมัยนี้มีทั้งคอนเสิร์ต รำวง รถแห่ ดนตรีต่างๆ ตัวเลือกอื่นเยอะ แต่มันก็ไม่ได้สายไปกับการที่เราจะอนุรักษ์ไว้ จริงๆผมก็มีตำแหน่งอยู่ในสมาคมลิเก ลิเกตอนนี้มีสมาคมแล้วนะครับ จัดตั้งมาได้ 2 ปีกว่าแล้ว และคณะกรรมการที่อยู่ในสมาคมส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้อาวุโสหมดเลย เป็นครูลิเกของแต่ละจังหวัดรวมกัน ส่วนผมก็เป็นศิลปินรุ่นใหม่ที่เข้าไปมีตำแหน่งในสมาคม ที่เราจะสามารถไปเสริมผู้ใหญ่ถึงเรื่องต่างๆที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัยนี้ ว่ามันต้องเปลี่ยนต้องปรับอะไรกันบ้าง
อย่างที่ก่อนหน้านี้พี่เอ กับ แอน มิตรชัย มีลิเกเดอะมิวสิคัล ผมชอบมาก ผมทึ่งเลยที่เขาเอาลิเกมาพัฒนาให้มันทันสมัยขึ้น เพื่อดังคนรุ่นใหม่ให้มาดูลิเกเพิ่มขึ้น เพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะดึงวัยรุ่นมาดูลิเก ยกเว้นเสียแต่คณะที่ดังมากๆ อย่างมิตรชัย ที่เขาดังและมีแฟนคลับมากอยู่แล้ว แต่คณะๆเล็กๆทั่วไปก็จะยากหน่อย แต่เราก็ต้องพยายาม ซึ่งการที่เราเริ่มเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงก็เป็นเรื่องที่ดี ส่งเสริมกับการเล่นลิเกเราไปด้วย เพราะลิเกที่เป็นกึ่งๆดาราก็จะมีผลเรื่องราคา ขยับขึ้นมาได้อีกนิด จากที่เมื่อก่อนโนเนม ตอนนี้ก็อัพมาอีกเกรดในสายลิเก
และนอกจากลิเกและงานแสดงแล้วผมก็ทำธุรกิจอื่นควบคู่ไปด้วย เป็นร้านนวดสปาและร้านซักอบรีดครบวงจร เพราะเราเข้าวงการบันเทิงตอนอายุเยอะแล้ว เด็กสมัยนี้เข้าวงการบันเทิงกันตั้งแต่อายุ 15-16ปี เราเลยมองว่าอาชีพที่เกี่ยวกับการแสดงมันจะมีอายุของมัน เราเลยควรทำอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย แต่โชคดีที่ผมเป็นคนตัวเล็กเลยรับบทที่เด็กกว่าอายุได้ อย่างละครที่เคยเล่นก็รับบทนักศึกษา เลยต้องพยายามประคับประคองรูปร่างหน้าตาให้อยู่เท่าเดิมตลอด ซึ่งจริงๆแล้วพระเอกลิเกจะผอมๆหุ่นเพรียวเอวบางเพราะพอใส่ชุดลิเกแล้วจะดูพอดี แต่พอเราเข้ามาในวงการบันเทิง มันไม่ได้
ผมจะโดนทักตลอดว่าตัวเล็กไปผอมไป ก็เลยเริ่มเข้าฟิตเนสจริงจัง มีเทรนเนอร์ ออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อ เรียกได้ว่าในวงการลิเกน้อยคนจะเข้าฟิตเนส ถึงเข้าก็จะไม่ค่อยจริงจัง เพราะไม่มีเวลา กว่าจะเล่นลิเกเสร็จก็ดึกแล้ว นอนตื่นก็สายแล้ว พระเอกลิเกเลยมีอยู่สองแบบส่วนมากถ้าไม่ผอมไปเลยก็หุ่นพังพุงย้อย เพราะเวลาการนอน เวลาการกินมันผิดเพี้ยนไปหมด ผมเลยต้องพยายามมากๆ ไม่ทานกลางคืน ถ้าหิวหลังเลิกลิเกก็ทานผลไม้อย่างอื่นแทน
การพักผ่อนก็ไม่ค่อยเป็นเวลา มีบางช่วงที่ลิเกถ่ายและตรงคิวถ่ายหนังหรือละครไปด้วยแบบติดๆกัน เล่นลิเกเสร็จเที่ยงคืนตีหนึ่ง กองถ่ายนัดตี5 คือแทบไม่มีเวลานอนเลย ก็ต้องอาบน้ำแล้วขับรถไปกองถ่ายเลย วันนั้นเรียกได้ว่าลอยจริงๆ แบบสติแทบไม่มี แล้วเป็นซีนที่มีเราทั้งวัน ทั้งยังมีการย้านโลเคชั่นถ่ายอีก เรียกได้ว่าขับรถไปพอเจอไปแดงก็หลับทีนึง ขับไปอีกติดไฟแดงก็งีบอีก ไม่ดีเลย ยังดีที่รุ่งขึ้นกองหยุดพัก ผมเลยนอนที่รีสอร์ทที่กองจัดไว้เลย เรื่องวิ่งรอกจนเกือบวูบนี่บ่อย ผมต้องจอดรถนอนเลย ไม่งั้นไม่ไหว เพราะเราขับรถเอง ตอนนี้เริ่มมองหาคนขับรถแล้ว เพราะไม่งั้นมันเสี่ยงต่อชีวิตเรามากครับ"
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |