ดาบตำรวจจ่อยิง สวป.ผู้เป็นพี่เขย กระสุนตุงท้ายทอยอาการโคม่า สาเหตุจากขัดแย้งเรื่องที่ดิน ล่าสุดมีปากเสียงกันอีกก่อนที่ญาติจะห้ามปราม มือปืนยังคิดแค้น ดวดเหล้าจนเมาย้อนกลับมาทะเลาะกันอีกรอบก่อนลั่นไก ถูกจับได้ขณะหนีไปเล่นไฮโลในงานศพเพื่อนบ้าน
    เมื่อคืนวันเสาร์ พ.ต.อ.ชนะชัย เสรีพงศ์ ผกก.สภ.อุ้มผาง จ.ตาก รับแจ้งมีเหตุยิงกันบริเวณบ้านพักตำรวจด้านหน้าโรงพัก จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบร่าง พ.ต.ท.อำนาจ คุณยศยิ่ง สวป.สภ.อุ้มผาง เจ้าของบ้าน นอนจมกองเลือด ถูกยิงด้วยอาวุธปืนที่ท้ายทอย 1 นัด นำตัวส่งโรงพยาบาลอุ้มผาง แต่ผู้บาดเจ็บมีอาการหนักมาก จึงได้ประสานขอเฮลิคอปเตอร์กองบิน ตชด.ที่ 34 ค่ายพระเจ้าตาก นำตัวส่งโรงพยาบาลแม่สอด ซึ่งมีเครื่องมือ อุปกรณ์ช่วยชีวิตที่ทันสมัยกว่า โดยเมื่อไปถึง แพทย์ได้นำเข้าห้องผ่าตัดด่วน อาการยังไม่พ้นขีดอันตราย สำหรับมือปืนรายนี้คือ ด.ต.สุวรรณ แสนวงษ์ อายุ 48 ปี ผบ.หมู่ ป. ตชด.ที่ 34 อุ้มผาง หลังก่อเหตุหลบหนีไป
    จากการสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์ให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน ด.ต.สุวรรณได้เดินทางกลับจากที่ทำงานฐานปฏิบัติการ ตชด.ที่ 34 จ.ตาก มายังบ้านพักของตนเองซึ่งอยู่ติดกับบ้านของ พ.ต.ท.อำนาจ จากนั้น ด.ต.สุวรรณ ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องเมีย พ.ต.ท.อำนาจ เกิดทะเลาะกันอย่างรุนแรงกับพี่เขย ถึงขั้นขู่จะฆ่ากัน แต่ญาติเข้าห้ามปรามแยกสองฝ่ายให้ห่างจากกัน
    อย่างไรก็ตาม ตกกลางคืน ด.ต.สุวรรณซึ่งมีอาการคล้ายคนมาสุรา ได้ขับรถกระบะมาจอดที่หน้าบ้าน พ.ต.ท.อำนาจ แล้ว ด.ต.สุวรรณขึ้นบ้านเดินเข้าไปในครัวของ พ.ต.ท.อำนาจ ก่อนจะมีปากเสียงกันอีกครั้ง จากนั้น ด.ต.สุวรรณเกิดอารมณ์โมโห ชักปืนพกขนาด 9 มม. ขึ้นมาจ่อยิงที่ท้ายทอย พ.ต.ท.อำนาจ 1 นัด จนล้มลง แล้ววิ่งขึ้นรถกระบะขับหลบหนีไป
    ตำรวจสอบสวนในเบื้องต้นพบว่า สาเหตุที่น้องเมียยิงพี่เขยครั้งนี้ มาจากความขัดแย้งเรื่องที่ดินที่สองฝ่ายตกลงกันไม่ได้และเป็นประเด็นมีปากเสียงกันมานาน ซึ่ง พ.ต.อ.ชนะชัยได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ออกติดตามจับกุม ด.ต.สุวรรณอย่างกระชั้นชิด 
    มีรายงานต่อมาว่า กลางดึกย่างเข้าวันอาทิตย์ พ.ต.อ.ชนะชัย พร้อมตำรวจชุดสืบสวน ได้จับกุมตัว ด.ต.สุวรรณ แสนวงษ์ มือปืนยิง พ.ต.ท.อำนาจ คุณยศยิ่ง สวป.สภ.อุ้มผาง ได้แล้วขณะนั่งเล่นพนันไฮโลอยู่ภายในงานศพของเพื่อนบ้าน จากนั้นได้ควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.อุ้มผาง พร้อมตั้งข้อหาพยายามฆ่า และมีอาวุธปืนพกพาไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร.