เพื่อไทยรุมถล่ม "เนติบริกร" ทิ้งอุดมการณ์รับใช้ คสช. ขัด รธน.เสียเอง ชี้สรรหา ส.ว.เกี่ยวกับประชาชนโดยตรง บี้ "บิ๊กตู่-ป้อม" รับผิดชอบ "วิษณุ" ปัดไม่เคยปกป้องใคร ยันชี้แจงชัดเจนแล้ว "ศรีสุวรรณ" ยื่น ป.ป.ช.สอบ คกก.สรรหา ส.ว. ส่อผลประโยชน์ทับซ้อน-ผิดจริยธรรม พ่วงเอาผิดเลขาฯครม.-อาลักษณ์ ละเว้นปฏิบัติหน้าที่
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยออกมาระบุให้ตนเองหยุดปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เรื่องการตั้งคณะกรรมการสรรหา ส.ว. ว่าไม่เคยปกป้อง มีแต่สื่อที่ออกมาถาม เมื่อถามตนจึงตอบ เพราะถ้าไม่ตอบจะเสียไมตรี เมื่อถามมาตนก็ตอบไป แต่คนอื่นจะว่าอย่างไรก็แล้วแต่
ส่วนที่สังคมสงสัยเกี่ยวกับที่มาของคณะกรรมการสรรหา ส.ว.นั้น นายวิษณุกล่าวว่า ไม่เป็นอะไร ใครถามตนก็ตอบ หรือจะให้ใครตอบก็แล้วแต่ ซึ่งในชั้นกระบวนการสรรหา นายกฯ คงมาตอบไม่ได้ ในฐานะที่เป็นหัวหน้า คสช. ไม่รู้ว่าเขาสรรหากันมาอย่างไร เมื่อคณะกรรมการสรรหาฯ ทำเสร็จแล้วก็เสนอให้นายกฯ และเมื่อจบการประชุม คสช. 2 ครั้งก็ส่งรายชื่อให้เจ้าหน้าที่จัดพิมพ์ โดยไม่ได้ผ่านรัฐบาลและเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพราะเป็นเรื่องของ คสช.เท่านั้น ตนก็พูดไปเท่าที่รู้
เมื่อถามว่า ทำอย่างไรให้เกิดความชัดเจนกับสังคมโดยไม่มีข้อกังขา นายวิษณุกล่าวสวนทันทีว่า แล้วจะให้ทำอย่างไร ที่จะให้ชัดเจนไปมากกว่านี้ นึกไม่ออก ถือว่าที่ตอบไปก็น่าจะชัดแล้ว เพราะต้องยอมรับว่ากระบวนการบางอย่างเป็นกระบวนการที่เอาออกมาเปิดเผยไม่ได้ ใครพูดอย่างไรหรือตัดชื่อใครออกเอามาเปิดเผยไม่ได้
อย่างไรก็ตาม หากมีองค์กรใดที่จะพิจารณาเรื่องนี้ เรียกให้ตนไปชี้แจง ก็คงชี้แจงแบบนี้ แต่อาจจะลงรายละเอียดมากกว่านี้ ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรลึกลับ ซึ่งความจริงการเปิดหรือไม่เปิดไม่มีอะไรที่ลับลมคมใน แต่ตอนนั้นกลัวว่าถ้าเปิดเผยชื่อออกไปจะเกิดการวิ่งเต้นได้ เพราะขนาดไม่เปิดเผยรายชื่อยังมีคนวิ่งเต้นให้ตนเองเข้ามาด้วยเหมือนกัน
"ต้องถือว่ากระบวนการสรรหาครั้งนี้เป็นกระบวนการสรรหาตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่กระบวนการในทางปกครอง ยืนยันว่าไม่กระทบการทำงานของ ส.ว. ก็ทำงานไปตามปกติ และไม่มีเหตุผลที่จะทำให้การโหวตเลือกนายกฯ เป็นโมฆะ สื่อที่ไปลงว่าผมชี้ ขอให้เข้าใจว่าเป็นการชี้แจง ไม่ใช่ชี้นำ ใครจะวิจารณ์ก็วิจารณ์ไปไม่ได้ว่ากัน และจะไม่ตอบเรื่องนี้อีกแล้ว เพราะพูดไปมากแล้ว" รองนายกฯ ระบุ
ร้องปปช.ฟันกก.สรรหาส.ว.
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวก่อนเดินทางไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อไต่สวนสอบสวน เอาผิดคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในช่วงบ่ายว่า หลังจากที่นายวิษณุเปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ทั้ง 10 คนนั้น คิดว่าสังคมไทยคงรับไม่ได้ และตนก็รับไม่ได้ เพราะเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 2560 บัญญัติไว้ชัดเจนเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนไม่ควรมี แต่คนที่เข้ามาเป็นคณะกรรมการสรรหาส่วนใหญ่มีตำแหน่งเป็นรองนายกฯ เป็นรัฐมนตรี และเป็นอดีตรัฐมนตรีที่ยังเป็นสมาชิกของ คสช.อยู่ แต่กลับมีการมาดำเนินการคัดเลือกตั้งเองให้ไปเป็น ส.ว.
นอกจากจะขัดรัฐธรรมนูญเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนแล้ว ยังเป็นเรื่องที่ขัดต่อประมวลจริยธรรม ซึ่งในเรื่องจริยธรรมเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่จะต้องเสนอศาลฎีกาให้วินิจฉัยและลงโทษตามกฎหมายต่อไป เพราะจากการกระทำของคณะกรรมการสรรหาฯ เข้าข่ายผิดมาตรฐานจริยธรรมข้อ 7 ต้องถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน, ข้อ 8 ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ และข้อ 9 ต้องไม่ขอ ไม่เรียก ไม่รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดในประการที่อาจทำให้กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นเรื่องนี้ควรจะเป็นบรรทัดฐานของสังคม เพื่อไม่ให้คนพวกนี้ย่ามใจและไม่สนใจกระแสของสังคมจนมีการใช้อำนาจอย่างนี้อีก
“การที่นายวิษณุออกมาพูดว่า กลัวว่าเมื่อแพร่งพรายรายชื่อกรรมการสรรหา ส.ว.ออกไปแล้วอาจจะทำให้เกิดการวิ่งเต้น และเป็นเรื่องที่ประชาชนไม่จำเป็นต้องรู้นั้น คิดว่านายวิษณุอาจจะเข้าใจผิด หรืออ่านกฎหมายไม่ครบ เพราะการประกาศรายชื่อคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ตามคำสั่ง คสช.ที่ 1/2562 นั้นมีความจำเป็น เพราะในรัฐธรรมนูญมาตรา 269 อนุมาตรา 1 เขียนไว้ชัดเจนว่า คสช.ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีความรู้ความสามารถ และมีความเป็นกลางทางการเมือง แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนที่ คสช.แต่งตั้งจะมีความทรงคุณวุฒิ มีความรู้ความสามารถ และมีความเป็นกลางทางการเมือง ประชาชนก็ต้องมาช่วยกันดู ไม่ใช่ว่าจะไปแต่งตั้งแม่เล้านางโลม โสเภณี หรือคนค้ายาเสพติด มาเป็นคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ก็ได้ และไม่ให้คนอื่นรู้อย่างนั้นจะได้หรือ เป็นนักกฎหมายควรจะรู้ ไม่ใช่ออกมาเอาสีข้างเข้าถู หรือเป็นแค่เนติบริกรที่ถูกประชาชนตำหนิทั่วประเทศ” นายศรีสุวรรณระบุ
นอกจากนี้ จะไปร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อเอาผิดเลขาธิการ ครม. และผู้อำนวยการฝ่ายอาลักษณ์ของสำนักงานเลขาธิการ ครม. เนื่องจากมีหน้าที่ในการทำประกาศ คสช. ไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่การที่ไม่ดำเนินการไปลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ภายหลังยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.แล้ว จะต้องติดตามการดำเนินการของ ป.ป.ช.ต่อไป หาก ป.ป.ช.ไม่ดำเนินการ ก็สามารถใช้สิทธิในการไปฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้อีก
ขณะที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แปลกใจมากที่นายวิษณุคิดได้อย่างไรว่าการสรรหา ส.ว.เป็นเรื่องภายในของ คสช.ที่ไม่เกี่ยวกับประชาชน ทั้งที่เรื่องดังกล่าวมีความสำคัญ เพราะเป็นการดำเนินการตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ และเกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง เมื่อ ส.ว.มีสถานะเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย การสรรหา ส.ว. จึงเป็นการสรรหาตัวแทนของประชาชน และ ส.ว.รับเงินเดือนจากงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งมาจากเงินภาษีอากรของประชาชน ไม่ได้รับเงินเดือนจาก คสช. ทุกคนจึงควรได้ทราบถึงคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาและกระบวนการสรรหา ส.ว.
นายชูศักดิ์กล่าวว่า นายวิษณุและ คสช.ต้องตอบประชาชนให้ได้ว่ามีเหตุผลและความจำเป็นอย่างไรจึงต้องปกปิดวิธีดำเนินการในการสรรหา ส.ว. ตั้งแต่การออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา รายชื่อคณะกรรมการสรรหา และวิธีการในการสรรหา เพราะเหตุผลที่อธิบายมาว่ากลัวจะมีการวิ่งเต้นนั้น เป็นเหตุผลที่เลื่อนลอยไม่น่าเชื่อถือ คสช.กับคณะกรรมการสรรหาก็เป็นคนกลุ่มเดียวกัน ใครจะไปวิ่งเต้นกับใคร ซึ่งกรรมการสรรหาที่ตั้งขึ้นมาก็ล้วนแล้วแต่มีความไม่เป็นกลางทางการเมือง และไม่ใช่ผู้ทรงคุณวุฒิอย่างที่กฎหมายกำหนด
ซัดวิษณุป้อง คสช.ขัด รธน.
“แม้เลือกที่จะอยู่กับรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจมีตำแหน่งหน้าที่เป็นมือกฎหมายของรัฐบาล และ คสช.ก็ไม่ควรละทิ้งอุดมการณ์และคุณธรรมความเป็นนักกฎหมายที่ควรดำรงไว้ซึ่งความถูกต้องชอบธรรม เพื่อให้สังคมได้เข้าใจในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ไม่ใช่หาเหตุผลข้างๆ คูๆ มาอธิบายเพื่อแก้ต่างให้ คสช.เช่นนี้” นายชูศักดิ์ระบุ
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายวิษณุน่าจะกระทำการขัดรัฐธรรมนูญเสียเอง ดังนี้ 1.นายวิษณุให้สัมภาษณ์ว่า คำสั่ง คสช.ที่ 1/2562 เป็นของ คสช. ถ้าต้องการได้ตัวคำสั่ง ขอให้ศาลสั่งมานั้น รัฐธรรมนูญมาตรา 59 บัญญัติว่า “รัฐต้องเปิดเผยข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของหน่วยงานของรัฐที่มิใช่ข้อมูลเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ หรือเป็นความลับของทางราชการตามที่กฎหมายบัญญัติ และต้องจัดให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลหรือข่าวสารดังกล่าวได้โดยสะดวก” เป็นที่ทราบกันดีว่า ส.ว.เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ดังที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 ประชาชนย่อมสามารถเข้าถึงกระบวนการสรรหา ส.ว. ซึ่งเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ ดังนั้นนายวิษณุควรเปิดเผยคำสั่ง คสช.ที่ 1/2562 ต่อสาธารณะ ส่งให้ กกต. และส่งให้ประธานรัฐสภา ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 59 หากไม่จัดส่งให้ ย่อมขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 59
2.กรณีนายวิษณุระบุว่าคำสั่งการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา ส.ว. เป็นเรื่องภายในของ คสช. ไม่เกี่ยวกับประชาชนนั้น คำกล่าวดังกล่าวขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 114 ชัดเจน กล่าวคือ “มาตรา 114 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย…..” จากสองเหตุผลนี้ ผู้รักษากฎหมายกลับดำเนินการขัดรัฐธรรมนูญเสียเองหรือไม่ ที่น่าเสียใจอย่างยิ่งคือคนระดับครูบาอาจารย์ได้ละเลยต่ออำนาจประชาชน แต่กลับไปปกป้องเผด็จการ เป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นในยุคนี้ น่าจะเกิดขึ้นเมื่อครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา
นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นคนแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาฯ และพล.อ.ประวิตร ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการสรรหาฯ จึงควรให้ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรเป็นคนชี้แจงโดยตรงจะดีกว่า นายวิษณุไม่ควรออกหน้าแทน วันนี้ประชาชนต้องการเห็นหนังสือคำสั่ง 1/2562
"มีข่าวบุคคลในสังคมวิพากษ์วิจารณ์กันมากถึงการเล่นพรรคเล่นพวก แต่งตั้งคนที่โยงใยกับ คสช., ครม. มาเป็นกรรมการสรรหา ส.ว. มาสมคบคิดกัน มีเจตนาทุจริตต่ออำนาจ ฉ้อฉล มองไม่เห็นหัวประชาชน โดยที่หนังสือแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา ส.ว. มีการปกปิดไม่ยอมเปิดเผยอย่างมีเลศนัย โดยเฉพาะมีข่าวว่า ส.ว. 2-3 คน ไม่ได้มีชื่ออยู่ในบัญชี 400 คน แต่มีชื่อโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ ถ้าเป็นจริงตามข่าว พล.อ.ประวิตรต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นประธานกรรมการสรรหาฯ รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ยิ่งต้องรับผิดชอบกรณีได้นำรายชื่อ ส.ว.ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่าไม่มีความเป็นกลาง ไม่ถูกต้องชอบธรรม กราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้ง" โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุ
นอกจากนี้ ขอถามไปยังนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ได้ระบุไว้ว่า การคัดสรรวุฒิสมาชิกให้ คสช.ดำเนินการ และในรัฐธรรมนูญระบุว่าให้ คสช.หมดหน้าที่เมื่อมี ครม.ชุดใหม่ แต่ในรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนไว้ว่าถ้าสมาชิกวุฒิสภามีอันต้องโมฆะพ้นตำแหน่งไป จะให้องค์กรใดคณะบุคคลใดมาทำหน้าที่คัดสรร ส.ว.เข้ามาใหม่ทั้ง 250 คน และสำรอง 50 คน นายมีชัยต้องตอบประเด็นนี้ให้กระจ่างด้วย
ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่าใช้หลักเกณฑ์อะไรในการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา ส.ว. แล้วทำไมองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ จึงมีแต่กลุ่มผลประโยชน์ของทหารที่กระทำรัฐประหาร และกรรมการสรรหา 10 คน ได้กลับมาเป็น ส.ว.ถึง 6 คน ส่วนกรรมการสรรหาที่ได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีแน่ๆ แล้ว ก็ยังได้เก้าอี้ ส.ว.สรรหา มาสมนาคุณให้ญาติพี่น้องนามสกุลเดียวกันอีก แถมยังเป็นการหลอกให้ความหวังประชาชนที่มาสมัครเข้ารับการสรรหาเป็น ส.ว.ทั่วประเทศ สุดท้ายแล้วกระบวนการสรรหาไม่ได้โปร่งใส แถมยังใช้งบประมาณแผ่นดินถึง 1,300 ล้านบาท
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีด้วยกับคณะกรรมการสรรหา ส.ว. ที่ตัวเองได้กลายเป็น ส.ว. และ ส.ว.ทุกคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากอำนาจที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |