เป็นเพราะถูกกดดันหนักเข้าจน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ทนไม่ไหวที่ปกปิดมานานหลายเดือน จำต้องออกมาแจกแจง เรื่องการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา

                ชาวบ้านชาวเมืองก็เพิ่งรู้กันวันที่ 12 มิถุนายนนี่แหละว่า ใครเป็นกรรมการสรรหาและคัดเลือกกันอย่างไรถึงได้ส.ว.อย่างที่เห็นๆ กันอยู่

                พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งกรรมการสรรหา ส.ว. 10 คน ล้วนเป็นสมัครพรรคพวกทั้งสิ้น ส่วนใหญ่เป็นทหาร อยู่ใน คสช. ครม. สนช. คนเหล่านี้และญาติได้ชักแถวเข้าไปนั่งเป็น ส.ว.

                มาดูหน้าดูชื่อกรรมการสรรหากันหน่อย

                1.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองหัวหน้า คสช. และรองนายกฯ น้องชายชื่อ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ ได้เป็น ส.ว.

                2.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ น้องชายชื่อ พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม ได้เป็น ส.ว.

                3.พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวน้า คสช. และรองนายกฯ ได้เป็น ส.ว. เลขาฯ หน้าห้อง ชื่อนายนพปฎล สุนทรนนท์ ได้เป็น ส.ว.สำรองอันดับ 30

                4.พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองหัวหน้า คสช. ได้เป็น ส.ว.

                5.พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองหัวหน้า คสช. ได้เป็น ส.ว.

                6.พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช. ได้เป็น ส.ว.โดยตำแหน่ง

                7.พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ ได้เป็น ส.ว.

                8.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รองนายกฯ กำลังจะมาเป็นรมว.มหาดไทย

                9.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรองนายกฯ กำลังจะเป็นรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ พี่ชายชื่อ นายสม จาตุศรีพิทักษ์ ได้เป็น ส.ว. เลขาฯ หน้าห้อง ชื่อ พล.อ.นาวิน ดำริกาญจน์ ได้เป็น ส.ว.

                10.นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้เป็น ส.ว. และได้เป็นประธานวุฒิสภา สำหรับนายพรเพชร ต่อมาได้ลาออกจากการเป็นกรรมการสรรหา ทำให้เหลือกรรมการสรรหา 9 คน

                สิ่งที่เป็นปัญหาในการสรรหา ส.ว. ก็คือ คณะกรรมการสรรหาตาม ขัดต่อ รธน.มาตรา 269 (1) “ให้มีคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาคณะหนึ่ง ซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งมีความรู้และประสบการณ์ในด้านต่างๆ และมีความเป็นกลางทางการเมือง จำนวนไม่น้อยกว่า 9 คน แต่ไม่เกิน 12 คน มีหน้าที่ดำเนินการสรรหาบุคคล ซึ่งสมควรเป็นสมาชิกวุฒิสภา....”

                เหล่าขุนศึกใน คสช.และ ครม.ย่อมไม่ใช่ผู้ทรงคุณวุฒิ และไม่ได้เป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์ในด้านต่างๆ

ความเป็นกลางทางการเมือง ....ยิ่งไม่มีต้องพูดถึง เพราะไม่มีแม้แต่น้อย ทุกคนเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอยู่ข้างคณะรัฐประหาร และพวกเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งอยู่ข้างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

                การปกปิดรายชื่อกรรมการสรรหา ส.ว. เท่ากับงุบงิบทำกัน เป็นการกระทำที่น่าสงสัยว่า เจตนาสุจริตหรือมีอะไรแบบแฝงอยู่เบื้องหลัง?

                มาถึงวันนี้ คสช.ก็ยังไม่ยอมเปิดเผยว่า คำสั่ง คสช.ที่ 1/2562 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา ส.ว. ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 เขียนไว้อย่างไร

                การไม่ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาก็เป็นเรื่องพิกล มีค่าแค่กระดาษแผ่นเดียว ไม่มีผลทางกฎหมาย มิหนำซ้ำ วิธีการคัดเลือกให้ได้บุคคลมาไม่เกิน 400 คน เพื่อส่งให้ คสช.เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา กรรมการสรรหาก็ทำเหมือนนักเรียนประถมต้น ส่งรายงานครู โดยหลักแล้วคณะกรรมการสรรหาต้องออกประกาศหรือระเบียบว่าด้วยวิธีการสรรหา เพราะ รธน.มาตรา 269 (1) (ข) บัญญัติไว้ชัดแจ้ง

                “(ข) ให้คณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา คัดเลือกผู้มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมในอันจะเป็นประโยชน์แก่การปฏิบัติหน้าที่ของวุฒิสภา และการปฏิรูปประเทศมีจำนวนไม่เกิน 400 คน ตามวิธีการที่คณะกรรมการสรรหากำหนด แล้วนำรายชื่อเสนอค่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ..”

                ไม่ใช่กำหนดวิธีการคัดเลือกกันด้วยปากเปล่า เออออห่อหมกกันง่ายๆ ในการประชุมของกรรมการสรรหาซึ่งไม่มีหลักไม่มีฐานที่เป็นมาตรฐาน

                เมื่อการได้คณะกรรมการสรรหามาอย่างผิดทำนองคลองธรรมและขัด รธน.มาตั้งแต่ต้น จึงไม่แปลกที่คนได้รับแต่งตั้งเป็น ส.ว. มีแต่พวกพ้องและวงศาคณาญาติของคสช. ครม.

                การสรรหา ส.ว.แบบนี้ควรจะเป็นโมฆะ จึงกลายเป็นเสียงกระทุ้งจากหลายฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ อาจคิดตื้นๆ เพียงว่า การแต่งตั้ง ส.ว.คงจะเหมือน สนช.ที่เลือกเอาแต่พวกพ้องและพี่น้องมาเป็น

                ความผิดเพี้ยนอย่างมหันต์ในการสรรหา ส.ว. จะกลายเป็นบ่วงมัดคอรัฐบาลใหม่ ส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์อาจหายใจไม่ออกก็เป็นได้.