12 มิ.ย. 2562 นายสิโรจ ประเสริฐผล กรรมการ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีไทยเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ กับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ดคิงส์เกต ประเทศออสเตรเลีย ภายหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ใช้อำนาจตามม.44 สั่งปิดเหมืองอัครา ว่า บริษัทกำลังติดตามความชัดเจนว่าบุคคลใดจะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสากหกรรมคนใหม่ เพื่อขอหารือในรายละเอียดอย่างจริงใจเพื่อยุติการฟ้องที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามในเงื่อนไขของการเจรจานั้นจะต้องมีทั้งประเด็นการชดเชยความเสียให้กับเหมืองอัคราตลอดเวลาที่ถูกสั่งปิด และประเด็นการให้ข้อยืนยันว่าหากคิงส์เกตจะลงทุนในไทยต่อไปต้องไม่ถูกรัฐบาลสั่งปิดโดยไร้ข้อพิสูจน์ตามวิทยาศาสตร์
"เราพร้อมที่จะเจรจากับรัฐบาลถึงแนวทางยุติเรื่องดังกล่าว แต่อยากให้ฝ่ายรัฐเข้ามาคุยอย่างจริงใจและตรงไปตรงมา แต่ด้านที่จะเปิดเหมืองทองตามพรบ.แร่ อันใหม่หรือไม่อยากจะรอให้เรื่องนี้มีความชัดเจนก่อน ขณะที่กระบวนการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการยังคงเดินหน้าอยู่ เดือนพ.ย.นี้จะมีการนำเสนอข้อมูลหลักฐานในการต่อสู้อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ผ่านมาได้ส่งข้อมูลรายละเอียดไปแล้ว"นายสิโรจ กล่าว
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการเหมือง กล่าวว่า ประเมินตัวเลขความเสียหายของเหมืองอัคราโดยวัดจากปริมาณสำรองแร่ทอง 8.9 แสนออนซ์ คิดเป็นวงเงินปริมาณ 37,020 ล้านบาท และเงิน 8.3 ล้านออนซ์ คิดเป็นวงเงินประมาณ 3,984 ล้านบาท ซึ่งสามารถผลิตได้ในช่วง 8-10 ปีข้างหน้า รวมมูลค่า41,004 ล้านบาท นอกจากนี้ปีปริมาณสำรองที่คาดว่าจะมี ประกอบด้วย ทอง 162 ล้านออนซ์ เงิน 28.4 ล้านออนซ์ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้คิงส์เกตได้ยื่นต่ออนุญาโตฯให้พิจารณาแล้ว ประกอบกับมีความเสียหายอื่นๆด้วย อาทิ การเยียวยาพนักงาน เพราะจนถึงปัจจุบันทางรัฐบาลก็ยังไม่มีข้อยุติทางวิทยาศาสตร์ว่าเหมืองอัคราปล่อยสารพิษจนกระทบต่อสุขภาพของประชาชนรอบเหมือง แต่ใช้อำนาจตามม.44 สั่งปิดเหมือง ทางคิงส์เกตจึงฟ้องร้องว่าไทยละเมิดการค้าเสรีระหว่างไทยกับออสเตรเลีย
"จากการหารือกับคิงส์เกตทราบว่าบริษัทพยายามขอเจรจากับรัฐบาลไทย โดยเฉพาะกระทรวงอุตสาหกรรมหลายครั้ง โดยเฉพาะช่วงที่เตรียมร้องต่ออนุญาโตฯ แต่รัฐบาลส่งนายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม หารือแทน ทำให้ไม่มีความคืบหน้า"แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า อย่างไรก็ตามพบว่าตลอดระยะเวลา 15 ปีที่เหมืองอัคราเปิดดำเนินการ นับตั้งแต่ปี 2544 – 2559ได้จ่ายเงินให้ภาครัฐ จ้างเอกชน และดูแลประชาชนรวมเป็น 40,217 ล้านบาท แบ่งเป็น จ่ายค่าภาคหลวงแร่รวม 4,593 ล้านบาท จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคล 1,145 ล้านบาท ค่าจ้างพนักงาน 1,801 ล้านบาท และจากพนักงานรวม 992 คน ปัจจุบันเหลือ 36 คน นอกจากนี้ยังมีค่าจ้างบริษัท ซัพพลายเออร์ ผู้รับเหมาต่างๆ 32,363 ล้านบาท สนับสนุนชุมชนผ่านกองทุนต่างๆ 207.5 ล้านบาท หรือฉลี่ยปีละประมาณ 37 ล้านบาท และสนับสนุนชุมโดยตรงผ่านงานพัฒนาและกิจกรรมซีเอสอาร์ 101 ล้านบาท รวมทั้งสนับสนุนทุนการศึกษา 60.2 ล้านบาท
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |