"ช่อ" โพสต์เฟซบุ๊ก ลั่นแพ้ชนะวัดกันที่ใครใช้โซเชียลฯ สร้างการเปลี่ยนแปลงทางความคิดได้มากกว่ากัน "ปิยบุตร" หนุนเป็น ส.ส.คุณภาพ ไร้กังวลโดนถล่ม เชื่อทุกอย่างจะผ่านไปได้ "ศรีสุวรรณ" ลุยเอาผิด "ธนาธร" ปล่อยกู้เงิน 110-250 ล้านบาท ยันหลักฐานพอให้ กกต.เชือด "เลขาฯ อนค." จี้ "ชวน" เร่งชงศาล รธน.ชี้ปม 41 ส.ส.รัฐบาลถือหุ้นสื่อ
เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงการยื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบ น.ส.พรรณิการ์ หรือช่อ วานิช ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กรณีโพสต์ภาพและข้อความจำนวนมากในเฟซบุ๊กที่ทำให้ประชาชนเข้าใจไปในทางที่อาจเชื่อมโยงกับเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมิบังควร อันเป็นพฤติการณ์หรือการกระทำที่ส่อไปในทางขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงว่า อย่าลืมว่า น.ส.พรรณิการ์เป็น ส.ส. ได้รับโปรดเกล้าฯ และได้ถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งในคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนก็ได้ระบุว่า จะปฏิบัติให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญทุกประการ
นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญมาตรา 2 และมาตรา 6 ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า ส.ส.จะต้องให้ความเคารพและปฏิบัติให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และจะเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่สูงยิ่ง การที่ น.ส.พรรณิการ์ได้โพสต์ข้อความมากมายต่างกรรมต่างวาระ ฉะนั้นหลักฐานเหล่านี้ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงต่อความผิดในเรื่องของประมวลจริยธรรม และเป็นความผิดค่อนข้างจะร้ายแรง ดังนั้นเมื่อฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมร้ายแรง ก็จะเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่ต้องไต่สวน สอบสวน และเสนอหลักฐานมายังศาลฎีกาเพื่อให้ดำเนินการเอาผิดผู้ที่ฝ่าฝืน
"แม้ภาพและข้อความที่โพสต์ในเฟซบุ๊กนั้นเป็นการโพสต์นานแล้ว แต่ต้องทราบว่า น.ส.พรรณิการ์ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็น ส.ส.แล้ว ซึ่งภาพดังกล่าวแม้จะมีการโพสต์มาหลายปีแล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องในอดีต แต่ข้อความเหล่านั้นไม่ได้ลบทิ้ง ดังนั้นความผิดมันยังต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ น.ส.พรรณิการ์เป็น ส.ส.อยู่" เลขาฯ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยกล่าว
ขณะที่ น.ส.พรรณิการ์โพสต์เฟซบุ๊ก Pannikar Chor Wanich เรื่อง "แคมเปญออนไลน์ อาวุธใหม่ในสมรภูมิเก่า" ระบุว่า สัปดาห์นี้ช่อได้รับเชิญจากมูลนิธิคอนราด อาเดนาวร์ (Konrad-Adenauer-Stiftung) ให้เข้าร่วมการประชุม E-LECTION BRIDGE ASIA-PACIFIC 2019 ที่นครย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา และได้เป็นผู้อภิปรายในหัวข้อ “อิทธิพลของกองทัพต่อการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย: บทเรียนจากไทยและเมียนมา” (The influence of military in democratic elections: Lessons from Thailand and Myanmar) ตัวแทนจากพรรคการเมืองทั่วโลก รวมถึงเพื่อนชาวเมียนมาจากพรรค NLD ให้ความสนใจกับหัวข้อนี้กันมาก และส่วนใหญ่กังวลว่าสถานการณ์ในประเทศไทยยังไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่ทุกฝ่ายคาดหวัง หลังการเลือกตั้ง 24 มีนาคม แต่กลับดูจะเลวร้ายลง เราคุยกันถึงปัญหาการใช้รัฐธรรมนูญเป็นกลไกสืบทอดอำนาจของทหาร ซึ่งเมียนมากับไทยมีความคล้ายคลึงกันมาก การใช้กฎหมาย องค์กรอิสระ ไปจนถึงการใช้กำลังในการโจมตีนักกิจกรรม ผู้เห็นต่าง และพรรคการเมืองฝ่ายต่อต้าน คสช.
'ช่อ'ลั่นสู้กันที่โซเชียลฯ
"ช่อได้ยกตัวอย่างทั้งกรณีการดำเนินคดีกับแกนนำพรรคอนาคตใหม่ และกรณีลอบทำร้ายคุณเอกชัย หงส์กังวาน รวมถึงจ่านิว เพื่อชี้ให้เห็นว่าในความเป็นจริงแล้วนักเคลื่อนไหวและพรรคฝ่ายประชาธิปไตยในไทยอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงอันตรายขนาดไหน แม้รัฐบาลจะพร่ำบอกว่ากำลังเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยเต็มใบก็ตาม ตัวแทนจากพรรค NLD ของเมียนมาพูดติดตลกกับช่อว่า เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะได้พูดประโยคนี้ ประโยคที่ว่า ดูเหมือนเมียนมาจะเป็นแบบอย่างให้กับรัฐบาลทหารของไทยได้เป็นอย่างดี รัฐธรรมนูญเมียนมาให้พื้นที่ ส.ส. ที่มาจากการแต่งตั้งของกองทัพ 1 ใน 4 แต่ของไทย รัฐสภากลับให้พื้นที่สมาชิกรัฐสภาที่แต่งตั้งโดยทหารมากถึง 1 ใน 3"
น.ส.พรรณิการ์ระบุว่า แต่แน่นอนว่าช่อไม่ได้มาที่นี่แค่เพื่อเล่าปัญหาให้ผู้เข้าร่วมประชุมจากประเทศต่างๆ ฟัง ในอีกหลายช่วงของการประชุมมีการแลกเปลี่ยนกันอย่างเข้มข้นถึงประสบการณ์การทำแคมเปญหาเสียงของพรรคการเมืองฝ่ายเสรีนิยมจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญเลือกตั้งของพรรค BJP ของ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ที่ต้องเผชิญกับความหลากหลายของจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 900 ล้านคน แคมเปญของพรรคลิเบอรัลของออสเตรเลีย ที่ใช้วิดีโอเสียดสีล้อเลียนคู่แข่งเป็นเครื่องมือหลักในการสร้างคะแนนนิยม (หลายคน รวมถึงช่อ แย้งว่าวิธีหาเสียงแบบนี้ไม่ได้ผลในวัฒนธรรมการเมืองของเอเชีย) หรือพลังแห่งแฮชแท็ก # ในแคมเปญเลือกตั้งของฟิลิปปินส์ และการประท้วงในฮ่องกง
"หนึ่งในปัญหาที่เราเห็นร่วมกันก็คือ การใช้โซเชียลมีเดียในการหาเสียงเป็นดาบสองคม และต้องมีวิธีการรับมือกับของแถมอันไม่น่าพิสมัยอย่าง ข่าวปลอม (fake news) และวาทะสร้างความเกลียดชัง (hate speech) ที่สำคัญที่สุด โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือใหม่ที่ทรงพลังก็จริง แต่อย่าลืมว่าเรายังคงต่อสู้ในสมรภูมิเดิม แก่นแท้ของสมรภูมิการเมืองในไทยยังคงเป็นการต่อสู้ทางความคิด การสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาในรัฐสภา ประชาธิปไตย และพรรคการเมือง การต่อสู้กับวาทกรรมที่ว่าทหารและการรัฐประหารคือทางออกเมื่อเกิดวิกฤติทางการเมือง เรามีโซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือ เขาก็มีเช่นกัน แพ้ชนะตัดสินกันที่ว่าใครสามารถใช้เครื่องมือชนิดนี้สร้างการเปลี่ยนแปลงทางความคิดได้มากกว่ากัน" น.ส.พรรณิการ์ระบุ
ส่วนนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณี น.ส.พรรณิการ์ที่กำลังถูกโจมตีเรื่องสถาบันฯ ว่า ไม่กังวล อนาคตใหม่มีจุดยืนชัดเจน ผ่านมรสุมแบบนี้มาหลายครั้ง นี่จะเป็นบทพิสูจน์ของการสร้างพรรคว่าเมื่อมีอุปสรรคก็จะผ่านไปได้
"ยืนยัน น.ส.พรรณิการ์มีความสามารถ คุณภาพ รู้เรื่องการต่างประเทศ น่าจะเป็น ส.ส.ที่มีคุณภาพคนหนึ่ง เชื่อว่าการโจมตีทำลายล้างกันไม่เกิดประโยชน์อะไร ส่วนคดีที่ดำเนินการก็ว่าไปตามกระบวนการ ล่าสุด น.ส.พรรณิการ์ได้รับการเชิญจากมูลนิธิคอนราร์ดฯ ไปร่วมเสวนาหัวข้อ อิทธิพลของทหารและกองทัพกับการเมืองไทย" เลขาฯ พรรค อนค.กล่าว
ศรีฯ ลุยเอาผิดธนาธร
วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางเข้าให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของ กกต.กรณีที่สมาคมร้องเรียนให้ตรวจสอบนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ให้พรรคกู้ยืมเงินจำนวน 110 -250 ล้านบาท อันส่อที่จะขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง
นายศรีสุวรรณกล่าวหลังเข้าให้ถ้อยคำว่า ตนได้ยืนยันว่าการให้เงินกู้ของนายธนาธร และการรับเงินกู้ของพรรคอนาคตใหม่เป็นการกระทำที่อาจไม่ชอบด้วย พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองปี 2560 มาตรา 62 ประกอบมาตรา 66 ที่ระบุว่าบุคคลจะบริจาคหรือให้ประโยชน์อื่นใดกับพรรคการเมืองเกิน 10 ล้านบาทไม่ได้ ดังนั้นการให้กู้ยืมเงินในระดับ 110-250 ล้านบาท น่าจะขัดต่อกฎหมาย หาก กกต.รับเรื่องไว้วินิจฉัยว่าเป็นไปตามคำร้องของสมาคม นายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ก็อาจจะมีความผิด โดยนายธนาธรอาจมีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และโทษจำคุก รวมทั้งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ส่วนกรรมการบริหารพรรคอาจจะถูกถอดถอนยกชุด สำหรับวงเงินที่เกิน 10 ล้านบาท จะต้องตกเป็นของกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองต่อไป
“วันนี้ กกต.พยายามซักถามผมว่าจะกล่าวหาใครอย่างไร ผมยืนยันขอกล่าวหานายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ในฐานะผู้รับเงินกู้ ซึ่งเป็นหลักสำคัญในการให้ถ้อยคำ ส่วนหลักฐานมีเพียงข้อมูลจากการรายงานข่าวของสื่อมวลชน รวมทั้งคำบรรยายของนายธนาธร ที่ได้พูดกับสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ซึ่งเป็นประจักษ์พยาน นอกจากนี้ ยังชี้ช่องให้ กกต.เสาะแสวงหาพยานหลักฐานอื่น เช่น บัญชีรับ-จ่ายของพรรคการเมือง ซึ่งจะต้องประกาศให้สาธารณชนรับทราบ และส่งรายงานมายัง กกต.ภายใน 90 วันหลังการเลือกตั้ง โดยจะครบกำหนดในวันที่ 22 หรือ 23 มิ.ย.นี้ เพื่อพิสูจน์ว่าการได้เงินและการใช้จ่ายเงินของพรรคอนาคตเป็นไปตามที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองกำหนดไว้หรือไม่ ยืนยันว่าเอกสารที่มายื่นให้กับ กกต.ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว” เลขาฯ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยกล่าว
ที่พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค อนค. กล่าวถึงความคืบหน้าการส่งเรื่องให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตรวจสอบสมาชิกภาพของ 41 ส.ส. ที่ถือหุ้นสื่อว่า ตามมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ ประธานสภาฯ ไม่มีอำนาจใช้ดุลพินิจใดทั้งสิ้น มีหน้าที่เพียงตรวจสอบว่าลายเซ็นของ ส.ส.ที่เข้าชื่อครบหรือไม่ ซึ่งในทางกฎหมายไม่น่ามีอะไรติดขัด ไม่มีเหตุให้เหนี่ยวรั้งได้ ตอนนี้ครบ 7 วันแล้ว จึงอยากเรียกร้องไปยังประธานรัฐสภาให้ยื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และหากยึดตามกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก็จะใช้เวลาเพียง 7 วันเท่านั้น ที่จะรู้ว่ารับไว้พิจารณาหรือไม่ และจะมีคำสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวหรือไม่ ซึ่งตนคิดว่าเมื่อเทียบกับกรณีของนายธนาธรนั้นไม่ต่างกัน ก็ต้องมีคำสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ด้วย
"เรื่องนี้จะส่งผลต่อการทำงานด้วย เพราะ 41 ส.ส.นี้อยู่ฟากรัฐบาลทั้งหมด เราเสียโอกาสมาแล้วหนึ่งครั้ง เพราะ ส.ส.เหล่านี้โหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และตอนนี้เขากำลังจะจัดตั้งรัฐบาล ซึ่ง 41 ส.ส.จะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญ หากประธานรัฐสภาไม่ส่งเรื่องไปยังศาลก็ถือว่าทำหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เหมือนรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ ที่เขียนให้ประธานสภาฯ เหมือนเป็นบุรุษไปรษณีย์เท่านั้น" นายปิยบุตรกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |