แฟ้มภาพ

11 มิ.ย.62-นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคไทยรักษาชาติ และแกนนำกลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า เชื่ออยู่แล้วว่าการแต่งตั้งส.ว.ชุดนี้ไม่มีทางเป็นโมฆะ การไม่ประกาศชื่อในราชกิจจานุเบกษาเป็นกลวิธีที่ผู้รับเหมาร่างกฎหมายวางไว้ตั้งแต่ต้น ส่วนคำอธิบายของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่บอกว่า ปิดเงียบเอาไว้เพื่อป้องกันคนมาวิ่งเต้น เนื่องจากการคัดเลือกเป็นการเจาะจงรายบุคคลนั้น ดูจะให้เกียรติประชาชนน้อยไปหน่อย เพราะเอาเข้าจริงไม่คิดว่ากรรมการชุดนี้จะมีอำนาจสิทธิ์ขาดอะไร การกำหนดตัวบุคคลและตัดสินใจเลือกน่าจะเป็นเรื่องของคนไม่กี่คน โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นคนฟันธง หาเอาใกล้ไม้ใกล้มือในแม่น้ำ 5 สายที่พิสูจน์กันมา 5 ปีแล้วว่ายกมือตามสั่งได้ 
    
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เป็นอีกคำอธิบายว่าแผนการสืบทอดอำนาจถูกจัดวางอย่างละเอียด ตอนเปิดชื่อพล.อ.ประวิตรเป็นประธานสรรหามีเสียงวิจารณ์แรง ชื่อกรรมการซึ่งเชื่อขนมกินได้ว่าเป็นคนกันเองทั้งนั้นจึงปิดไว้จนตั้งเสร็จ เปิดตอนนี้ก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงอะไร และถ้านายวิษณุยืนยันว่าไม่มีกรรมการคนไหนเสนอชื่อตัวเองเป็นส.ว.ก็อยากถามต่อว่า ในกรรมการสรรหามีใครมาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดใหม่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งกรรมการสรรหาให้ไปหาคนมาให้พล.อ.ประยุทธ์ตั้งเป็นส.ว. แล้วให้ส.ว.ทั้งหมดเลือกพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ เพื่อให้พล.อ.ประยุทธ์ตั้งกรรมการส่วนหนึ่งเป็นคณะรัฐมนตรี เล่นกันแบบนี้ถึงเรียกว่าสืบทอดอำนาจ

“ตอนนี้เท่ากับว่าฝ่ายคสช.มีพรรคการเมือง 2 พรรค คือพลังประชารัฐ กับพลังประยุทธ์คัด หมายถึงส.ว. 250 คน ต่างกันตรงที่พลังประชารัฐเป็นนักการเมืองจากการเลือกตั้ง จึงบริหารจัดการยากกว่าพลังประยุทธ์คัด ซึ่งเป็นคนเคยใช้งานกันมา มีภาษีประชาชนเป็นเงินเดือนและสวัสดิการ ถ้ายังยอมรับกันว่าสิ่งเหล่านี้ถูกต้อง อนาคตประเทศไทยจะยิ่งเสียหายไปกว่านี้”นายณัฐวุฒิกล่าว.