แฟ้มภาพ

11 มิ.ย.62-  นายจุรินทร์ ลักษณวิศิฏฐ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวถึงการจัดทำนโยบายร่วมกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ในการยกร่างนโยบายรัฐบาลจากที่ตนเคยเป็นประธานยกร่างนโยบายรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาก่อน  โดยจะเชิญพรรคร่วมรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ประจำส่วนหนึ่งมาทำการยกร่างตามขั้นตอน แต่สำหรับรัฐบาลชุดนี้ก็ขึ้นอยู่กับนายกฯและพรรคพลังประชารัฐ ก็คงต้องหารือร่วมกัน โดยในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ยังยืนยันนโยบายแก้จนสร้างคนสร้างชาติ รวมถึงนโยบายการประกันรายได้พืชผลการเกษตร 

“ที่พูดไม่ได้ประสงค์จะกดดัน เพียงแต่เรื่องดังกล่าวรับเป็นเงื่อนไขไปแล้ว ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่พรรคมองเห็นว่าปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจประเทศไม่ใช่เศรษฐกิจไม่เจริญเติบโต แต่ยังไม่ลงไปสู่รากหญ้าเพราะราคาพืชผลการเกษตรและเศรษฐกิจฐานรากยังมีปัญหาอยู่ จึงเป็นที่มาและหัวใจสำคัญที่พรรคเข้าไปมีส่วนร่วมในการคลี่คลายปัญหานี้ ดังนั้นนโยบายแก้จน สร้างคนสร้างชาติ และการประกันรายได้เกษตรกรจะเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งผมมั่นใจว่ารัฐบาลพร้อมรับเป็นนโยบายร่วมของรัฐบาล ส่วนนโยบายสปก.ที่มีข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐจะผลักดันเรื่องที่ดินทองคำนั้น ผมไม่ทราบรายละเอียด ซึ่งทั้งหมดก็ต้องหารือกัน”

สำหรับตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนี้ นายจุรินทร์กล่าวว่ายังไม่ได้กำหนดในเรื่องของขั้นตอนและหลักเกณฎ์การพิจารณา ก็คงต้องเริ่มต้นจากการพิจารณาคุณสมบัติบุคคลที่เข้าข่ายดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี โดยที่ประชุมร่วมสส.และกก.บห.จะเป็นผู้พิจารณาขั้นตอนสุดท้ายว่าบุคคลใดเหมาะสม โดยจะยุติในที่ประชุมนี้ ส่วนจะมีการใช้หลักเกณฑ์เปลี่ยนตำแหน่งไปตามสัดส่วนส.ส.และภาคหรือไม่นั้น ต้องหารือและรับฟังว่าควรจะใช้หลักเกณฑ์อย่างไรบ้าง เมื่อถึงเวลาก็คงคุยกันไม่มีปัญหาอะไร

เมื่อถามว่าจะมีปัญหาจากเดิมเป็นการจัดสรรโควต้ารัฐมนตรีระหว่างพรรคการเมือง มาเป็นปัญหาการแบ่งตำแหน่งรัฐมนตรีภายในพรรคหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งจะหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยต้องรอให้มีการโปรดเกล้าฯนายกฯก่อน โดยต้องมีการประสานงานมาว่าต้องการให้ทุกอย่างเสร็จสิ้นเมื่อไหร่อย่างไร พรรคก็ดำเนินการตามนั้น 

ถามว่าจนถึงขณะนี้ยังมั่นใจหรือไม่ว่าแนวทางที่พรรคตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐโดยไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้ในการหาเสียงเป็นทิศทางที่ถูกต้อง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็นมติพรรค และเป็นความเห็นของคนส่วนใหญ่ ซึ่งต้องเคารพกันและต้องฝันฝ่าอุปสรรค์ปัญหาทั้งปวงที่จะเกิดขึ้น แต่เรามั่นใจว่าเมื่อได้ตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งไปแล้วจะมีผลกระทบทั้งทางบวกทางลบ เพราะมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือการพิสูจน์ ด้วยการสร้างผลงานในรัฐบาลให้ประชาชนเห็นอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้พรรคเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในอนาคต 

เมื่อถามว่าหมายถึงมั่นใจว่าการร่วมรัฐบาลครั้งนี้จะทำให้พรรคได้คะแนนเสียงมากขึ้นในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่าเราต้องพยายามทำให้ดีที่สุดและทำให้เต็มที่