11 มิ.ย. 2562 นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการแถลงจัดการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านพลังงานและการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ 37( The 37th SOME) ว่า เรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการและรอการตัดสินใจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานใหม่นั้น ขณะนี้ทางกระทรวงได้เตรียมข้อมูลไว้พร้อมแล้ว ซึ่งอยู่ในแผนแม่บทกระทรวงพลังงาน ปี 62-65 ประกอบด้วย แผนบริหารจัดการไฟฟ้า ,แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ , แผนบริหารจัดการน้ำมัน , แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (เออีดีพี) และแผนอนุรักษ์พลังงาน (อีอีพี) โดยทั้งหมดยังต้องรอดูนโยบายรัฐบาลใหม่ว่าจะมีทิศทางอย่างไร
สำหรับเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ อาทิ การพัฒนาโรงไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ การจัดหาแหล่งก๊าซธรรมชาติสำหรับโรงไฟฟ้าน้ำพอง การรับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ การนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การบริหารจัดการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กองทุนอนุรักษ์พลังงาน เป็นต้น ซึ่งทุกเรื่องยังคงต้องรอดูนโยบายของรัฐบาลใหม่และต้องนำเสนอให้รัฐมนตรีใหม่พิจารณาเช่นกัน
“เราต้องเอานโยบายรัฐบาลชุดใหม่มาเป็นตัวตั้ง ซึ่งขณะนี้คาดว่าอยู่ระหว่างการจัดทำร่างนโยบายใหม่ของรัฐบาล หากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้วเราก็ต้องนำนโยบายพลังงานเหล่านี้มาพิจารณาประกอบกับแผนต่างๆที่กำลังรอพิจารณาอยู่ ซึ่งกระทรวงพลังงานได้เตรียมความพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนแผนพีพีดี 2018 นั้นยืนยันว่ามีความสมบูรณ์มากคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งฉบับ แต่อาจมีการปรับบางส่วนให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่เท่านั้น”นายกุลิศ กล่าว
ขณะที่การเตรียมความพร้อมการเข้าร่วมประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านพลังงาน และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ 37 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-28 มิ.ย. 2562 จะมีการหารือเพื่อจัดเตรียมประเด็นเนื้อหาทั้งเชิงนโยบายที่สำคัญในระดับภูมิภาค รวมถึงแนวทางการพัฒนากิจกรรมความร่วมมือด้านพลังงานภายใต้กรอบของอาเซียน ซึ่งกระทรวงพลังงานจะรวบรวมเนื้อหา เพื่อรายงานต่อไปยังที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน (AMEM) ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพและจะจัดขึ้นในเดือนก.ย.ด้วย
โดยเบื้องต้น กระทรวงพลังงานจะหารือถึงประเด็นเชิงนโยบายด้านพลังงานที่สำคัญเพื่อผลักดันกิจกรรมความร่วมมือด้านพลังงานในอาเซียนให้เป็นรูปธรรม อาทิ เป้าหมายด้านการอนุรักษ์พลังงาน เป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนในอาเซียน แผนขยายการเชื่อมโยงโครงข่ายสายส่งไฟฟ้า รวมถึงหารือถึงแผนการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานก๊าซธรรมชาติ ที่ปัจจุบันมีการใช้ก๊าซในอาเซียนรวม 10 ล้านตัน ผลักดันให้เพิ่มเป็น 60 ล้านตันในปี 2578
นายกุลิศ กล่าวว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญและเป็นผู้นำในการผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในปีนี้แบ่งเป็น 4 ด้าน 9 ประเด็น เช่น ด้านไฟฟ้า ส่งเสริมขยายการเชื่อมโยงโครงข่ายไฟฟ้าพหุภาคี ซึ่งล่าสุดความร่วมมือ 3 ประเทศ ระหว่างไทย สปป.ลาว และมาเลเซีย โดยจะมีการลงนามความร่วมมือ หรือ MOU ฉบับใหม่ จากเดิมมีความร่วมมือร่วมกัน 100 เมกะวัตต์ ให้เพิ่มเป็น 300 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ยังมีด้านการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานที่ไทยอาจนำเสนอความสำเร็จจากปี 2561 ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานได้ถึง 21.3% ซึ่งสูงเกินเป้าที่ตั้งไว้ 20 % โดยไทยจะปรับเป้าดังกล่าวเพิ่มเป็น 30 ในปีนี้ ขณะที่ด้านพลังงานทดแทนจะมีการลงนามความร่วมมือระหว่างศูนย์พลังงานอาเซียน และสถาบันพันธมิตรของอาเซียนเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์เครือข่ายวิจัยและพัฒนาพลังงานชีวภาพอาเซียนด้วย
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |