ว่าด้วยความรู้และการปฏิบัติ


เพิ่มเพื่อน    

(1)

        สิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ นั้น...ว่ากันว่า ถ้าหากรู้แล้ว!!! แต่ดันไม่ได้นำไปปฏิบัติ ไปๆ-มาๆ อาจเป็นอะไรที่หนักหนา สาหัส ยิ่งกว่าพวกที่ ไม่รู้ หรือพวกที่ไม่ได้มีศีล ไม่ได้มีศาสนาใดๆ ติดตัวเอาไว้เลยก็ไม่แน่ เพราะพวกที่ไม่เคยแตะ ไม่เคย คาบ คัมภีร์ใดๆ มาก่อนเลยนั้น อาจเป็นผู้มีสิ่งที่เรียกขานกันในนาม ศีลธรรมตามธรรมชาติ หรือศีลธรรมที่มีมาก่อนศาสนาใดๆ ติดตัวมาตั้งแต่อ้อน แต่ออก ซึ่งก็แทบไม่ได้ต่างอะไรไปจาก ศีลธรรมในศาสนา กี่มากน้อย...

(2)

        ด้วยเหตุนี้...ท่าน พุทธทาสภิกขุ ท่านถึงได้ปรารภ รำพึง ไว้ในช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ประมาณว่า ผู้ที่ไม่มีศาสนาแต่มีธรรมะ ยังไงๆ ย่อมต้องดีกว่าผู้ที่มีศาสนา แต่ไม่มีธรรมะอยู่แล้วแน่ๆ คือดีกว่าผู้ที่รู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก อะไรดี อะไรชั่ว แต่ยังอดที่จะทำในสิ่งที่ไม่ถูก-ไม่ดี เพื่อตอบสนองอารมณ์อยาก อารมณ์ชอบ อารมณ์ชัง แห่ง ตัวกู-ของกู ไปตามสภาพ เหมือนอย่างที่ สุภาษิตสันสกฤต ว่าเอาไว้นั่นแหละว่า... I know what is right, but feel no inclination to follow it; I know what is wrong but cannot desist from it.” หรือ “ข้าพเจ้าทราบว่าอะไรถูกต้อง...แต่ไม่อยากทำ ข้าพเจ้าทราบว่าอะไรผิด...แต่อดทำไม่ได้ ประมาณนั้น...

(3)

        คือถึงรู้ว่าอะไรถูก-อะไรผิด...แต่ถ้าดันไปเอา ตัวเอง หรือ ตัวกู-ของกู เป็นศูนย์กลางซะอย่าง อะไรที่ผิดๆ นั่นแหละ...มันอาจถูกโน้มน้าว ชี้แจง ชักจูง ให้กลายเป็น ถูก ในสายตาคนอื่นๆ หรือในสายตาตัวเองแบบ เข้าข้างตัวเอง ได้เสมอๆ ขณะที่อะไรที่ถูก แต่ดันไม่ตรงกับกิเลส ความปรารถนา ต้องการ หรือแม้แต่ รสนิยม ของตัวเอง เผลอๆ...อาจถูกนำมา แปลความ ตีความ ซะใหม่หมด ให้กลายเป็นอะไรที่ไม่เข้าท่า เข้าทาง ที่เชยซ์ซ์ซ์ ที่ถึงดีแต่ไม่มีประโยชน์ อาศัยแค่ความดีล้วนๆ ยังไงๆ ก็ข้ามถนนแทบไม่ได้ ฯลฯ อะไรประมาณนั้น... 

(4)

        และบรรดาผู้ที่มีขีดความสามารถในการแปลความ ตีความทำนองนี้...ย่อมต้องเป็นผู้ที่รู้เรื่องธรรมะ เรื่องศาสนา อยู่มั่ง ไม่มากก็น้อย ยิ่งถ้าหากเป็นประเภทรู้มาก รู้ลึก ระดับสามารถนำเอา คัมภีร์ มาคาบไว้ในปาก หรือเอามาถือไว้ในมือซ้าย ขณะมือขวาถือสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคัมภีร์ ไม่ว่าจะเป็นสากกะเบือหรืออะไรก็แล้วแต่ อันนี้...ยิ่งถือเป็น อันตราย เอามากๆ ชนิดที่นักการศาสนาระดับ อภิมหาศาสดา อย่าง พระเยซูคริสต์ ท่านอดไม่ได้ต้องด่าเช้า ด่าเย็น ด่าชนิดวันละ 3 เวลา หลังอาหาร สำหรับผู้ที่ท่านใช้คำเรียกขานว่า พวก ฟาริสี และ สะดูสี อันได้แก่บรรดานักบวชชาวยิวทั้งหลาย ที่เอาแต่คาบคัมภีร์จนมองไม่เห็นธรรมะในศาสนา อันทำให้ศาสนายิวในช่วงนั้น ยิ่งห่างไกลธรรมะเข้าไปทุกที...

(5)

        สำหรับศาสนาพุทธเรานั้น...อันตราย ก็คงไม่ได้ผิดแผก แตกต่าง ไปจากกันซักเท่าไหร่นัก คือไม่ได้เป็นเพราะรู้-ไม่รู้ ถึงสิ่งต่างๆ ที่บัญญัติไว้ในศาสนา แต่เนื่องมาจากการนำเอาสิ่งที่รู้ๆ ไปปฏิบัติ หรือไม่ปฏิบัติ แบบไหน อย่างไร ซะมากกว่า ที่พังพินาศสูญหายไปจากแผ่นดินอินตะระเดีย ทั้งๆ ที่เป็นต้นกำเนิดศาสนา ถ้าลองไปศึกษาให้ลึกๆ แล้ว ก็อยู่ที่การปฏิบัติ-ไม่ปฏิบัตินี่แหละ ไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่รู้ๆ หรือสิ่งที่ทำให้เกิดนิกง นิกาย อะไรต่างๆ มากมาย แต่อยู่ที่การรู้แล้ว...ก็เฉยไว้ หรือข้าพเจ้ารู้ว่าอะไรถูก แต่ไม่อยากทำ รู้ว่าอะไรผิด แต่อดทำไม่ได้...นั่นแล...

(6)

        บรรดาสิ่งต่างๆ ที่ถูกเขียน ถูกบัญญัติ เอาไว้ในศาสนา ชนิดที่กลายเป็น กฎพระ นั้น จึงแทบไม่ต่างไปจากสิ่งที่ถูกเขียน ถูกบัญญัติ ไว้ในระบอบการปกครองในแต่ละรูป แต่ละแบบ หรือสิ่งที่เรียกว่า กฎหมาย ทั้งหลายนั่นเอง คือตัวที่มันมักก่อให้เกิด ปัญหา หรือก่อให้เกิด อันตราย ไม่ว่าสำหรับศาสนา หรือสำหรับระบอบปกครองนั้นๆ เอาไป-เอามา...มันแทบไม่ได้อยู่ที่ความรู้-ไม่รู้ ในรายละเอียดตื้น-ลึก-หนา-บางของกฎนั้นๆ มากมายซักเท่าไหร่ แต่มักอยู่ที่ การบังคับใช้ กฎทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้นนั่นแหละ ว่ามันจะอ่อนหนัก อ่อนเบา บิดเบือน เบี่ยงเบน ไปเพราะการแปลความ ตีความ มากน้อยขนาดไหน หรือสรุปง่ายๆ ว่า...เอาเข้าจริงๆ แล้ว ผู้ที่เป็นตัว สร้างปัญหา หรือ สร้างอันตราย ให้กับระบบต่างๆ คงไม่ใช่ประเภท ผู้ที่ไม่รู้ แบบบรรดาตาสี ตาสา ยายมี ยายมา ทั้งหลาย แต่มักได้แก่ประเภท ผู้รู้ หรือผู้ที่มีอำนาจ หน้าที่ ในการบังคับใช้กฎเกณฑ์ต่างๆ นั่นแหละ ที่ต้องถือเป็น เป้าหมาย สำคัญอันดับแรก ในการไล่ทุบ ไล่บี้ ไล่เอาขวาน เอาชะแลง ฟาดฟันให้หนักๆ เข้าไว้ แผ่นดินธรรม-แผ่นดินทอง หรือ แผ่นดินอันงดงาม มันถึงอาจพอเป็นจริง เป็นจัง ขึ้นมาได้มั่ง...


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"