10 มิ.ย.62 - ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลลาดพร้าว ตัวแทนจาก 10 พรรคประกอบด้วย 1.พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ หัวหน้าพรรคพลังชาติไทย 2.นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ หัวหน้าพรรคประชาภิวัฒน์   3.นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ 4.นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล หัวหน้าพรรคพลังไทยรักไทย 5.นายปรีดา บุญเพลิง หัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน 6.พล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนงค์ หัวหน้าพรรคประชานิยม 7.นายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย 8.นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ หัวหน้าพรรคพลเมืองไทย 9.นายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ และ10. นายระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ร่วมแถลงจุดยืนทางการเมือง

พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ หัวหน้าพรรคพลังชาติไทย  แถลงว่ากลุ่ม 10 พรรคมีมติร่วมกันยืนยันสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) และทุกพรรคได้เสนอนโยบายทางการเมืองให้กับพรรคพปชร.ไปร่างเป็นนโยบายของรัฐบาลแล้ว ขณะเดียวกันต้องการให้ประเทศเดินหน้าต่อไปให้ได้ พร้อมกันนี้จะต้องรีบเร่งจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วที่สุด และตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นดุลพินิจของพล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสม พร้อมยืนยันว่าทั้ง 10 พรรคยังเกาะกันเหนียวแน่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ และนายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย เพิ่งจะเปิดแถลงข่าวขู่จะถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล และเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากไม่จัดสรรโควต้ารัฐมนตรีตามเงื่อนไขที่เสนอไป โดยมีการนัดหารือพรรคเล็กทั้ง 10 พรรค แต่เมื่อถึงเวลากลับมีเพียงนายมงคลกิตติ์ กับนายพิเชษฐ เพียง 2 คนเท่านั้น  ขณะที่อีก 8  พรรคไม่เอาด้วย ทำให้มีข่าวพรรคเล็กแตก จนกระทั่งมีการรวมตัวกันแถลงข่าวเพื่อแสดงจุดยืนดังกล่าว

นายมงคลกิตติ์  กล่าวว่า ตนยืนยันอยู่ในกลุ่ม 10 พรรค และยืนยันสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เหมือนเดิม แต่การจัดตั้งรัฐบาลเชื่อว่าจะต้องมีความใจกว้าง รอบคอบ เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์จะจัดการทางการเมืองได้โดยเร็ว และใจกว้าง และตนพูดออกข่าวไปช่วงเช้าเป็นความเห็นส่วนตัว แต่ที่มาร่วมแถลงข่าวเย็นนี้เป็นมติของ 10 พรรค ซึ่งการพิจารณาตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นดุลยพินิจของพล.อ.ประยุทธ์

“ผมเชื่อว่านายกฯเป็นคนฉลาดปราดเปรื่อง ผมไม่เคยลืมท่านนายกฯ หวังว่านายกฯจะไม่ลืมผม เพราะผมดูแลนายกฯมาตั้งแต่ปี 57 ช่วงที่มีการชุมนุม ” นายมงคลกิตติ์ กล่าว

ด้านนายพิเชษฐ กล่าวว่า ที่ผ่านมา หากพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ได้ตำแหน่งบริหารในกระทรวงไหน ประธานกรรมาธิการในชุดที่เกี่ยวข้อง ก็จะเป็นส.ส.ที่มาจากพรรคนั้น แต่ตนขอเสนอให้ ฝ่ายค้านนั่งเป็นกรรมาธิการในชุดต่างๆ เพื่อทำให้ง่ายต่อการตรวจสอบถ่วงดุล ซึ่งเรื่องนี่ถือเป็นเรื่องใหม่ในการเมืองไทย สำหรับแนวทางการตรวจสอบแบบนี้

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.บัญชีรายชื่อและแกนนำพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตนรู้จัก หัวหน้าพรรคเกือบทุกพรรคในที่นี้มานานพอสมควรทั้งนี้เป็นความรับผิดชอบของตนในการประสานงานซึ่งทุกครั้งที่มีการตัดสินใจเดินหน้า

“สำหรับสัดส่วนตำแหน่งของพรรคเล็กนั้นเชื่อว่าภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์จะเรียกทุกพรรคการเมืองหารือ เพื่อหาทางออก แต่ตอนนี้ขอให้หยุดสร้างวาทกรรมทางการเมือง เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้  ยืนยันว่าไม่ได้มาร่วมประชุมกับ 10 พรรคตั้งแต่แรก แต่มาให้กำลังใจและมาร่วมรับฟังเท่านั้น เนื่องจากนายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ หัวหน้าพรรคพลเมืองไทย ได้โทรศัพท์มาหาผมตั้งแต่แรก  ขอให้มาให้กำลังใจ ซึ่งผมก็มา และเท่าที่รับฟัง 10 พรรคการเมืองก็ยืนยันว่าจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพล.อ.ประยุทธ์และพรรคพปชร.  ส่วนของนายมงคลกิตติ์นั้น  ผมเห็นว่าส.ส.หน้าใหม่คนนี้อนาคตจะเป็นดาวสภาและมีอนาคตไกล” ร.อ.ธรรมนัส  กล่าว

ด้านนพ.ระวี  กล่าวยืนยันว่า ต่อให้ 10 พรรค ไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี พรรคพลังธรรมใหม่ จะไม่เปลี่ยนจุดยืนเดิม เรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีให้เป็นดุลพินิจของพล.อ.ประยุทธ์ ในการตัดสินใจ และยังยืนยัน กลุ่ม 10 ยังเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่น ไม่เเตกกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการหารือเกือบ 1 ชั่วโมง นายธรรมนัส ในฐานะตัวเเทนจากพลังประชารัฐ ได้เข้ามาร่วมประชุมด้วย โดยบางช่วงของการพูดคุย ได้มีการตักเตือนนายมงคลกิตติ์ ให้ระมัดระวังการเเสดงความเห็น และท่าที การต่อรองเก้าอี้ นอกจากนี้หัวหน้าพรรคบางพรรค ยังยื่นคำขาดในที่ประชุมว่า หากนายมงคลกิตติ์ ยังล้ำเส้น ก็อาจจะมีการทบทวนร่วมกัน ว่า จะมีนายมงคลกิตติ์ อยู่ร่วมในกลุ่ม 10 ต่อไปหรือไม่.