“ภูมิธรรม” แจงเป้าหมาย 4 ข้อพรรคเพื่อไทยก้าวสู่สถาบันการเมือง ปลุกสาวกตื่นร่วมแก้รัฐธรรมนูญเพื่อล้างอยุติธรรม “หญิงหน่อย” ตอกย้ำภารกิจจบแล้ว ไม่รับเก้าอี้ขอเป็นแค่กองเชียร์ ลั่นไม่มีไขก๊อกพ้นเพื่อแม้วแน่
    เมื่อวันอาทิตย์ นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงทิศทางการเมืองของพรรคว่า ภารกิจและความรับผิดชอบของพรรคในปัจจุบันไม่เพียงต้องให้ความสำคัญกับบทบาทการต่อสู้เป็นปากเสียงให้ประชาชนในระบบรัฐสภาเท่านั้น  หากยังมีภารกิจทำงานในด้านต่างๆ อีกมากมาย เพื่อคัดค้านการสืบทอดอำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ภายใต้รูปลักษณ์ของรัฐบาลประยุทธ์ 2 รวมทั้งสร้างแนวร่วมและการตระหนักรู้ใหม่ที่เชื่อมโยงไปถึงปัญหาโครงสร้างประชาธิปไตยของประเทศ ซึ่งการรับรู้ในคุณภาพใหม่จะมีส่วนให้เกิดการตรวจสอบจากพลังประชาชนนอกสภา เครือข่ายภาคประชาชนต่างๆ และทำให้อำนาจเก่าถูกสั่นคลอนแน่นอนในอนาคตอันใกล้
    นายภูมิธรรมโพสต์อีกว่า พรรคมีภารกิจที่ต้องร่วมมือในหลายด้าน 1.ทำหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจรัฐบาลในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งการต่อสู้ในสภาครั้งนี้ยากลำบากกว่าเดิม เพราะกฎเกณฑ์กติกาที่บิดเบี้ยว ดังนั้นภารกิจสร้างความเข้มแข็งในสภาจึงเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น 2.การสร้างการมีส่วนร่วมของเครือข่าย องค์กรภาคประชาชน และประชาชนที่มีหัวใจรักประชาธิปไตย เป้าหมายการร่วมมือกันเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ส่งผลเสียหายระยะยาวของประเทศ 
“การแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่ในมิติกฎหมายเพียงด้านเดียว แต่เห็นครอบคลุมถึงมิติการละเมิดสิทธิ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การใช้กลไกรัฐในการทำลายผู้เห็นต่างอย่างไร้คุณธรรม เลือกปฏิบัติอย่างไร้มาตรฐาน ไม่เท่าเทียม การทำงานกับเครือข่ายภาคประชาชนและประชาชนที่รักความเสมอภาค เข้าใจผลร้ายจากความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น จึงเป็นการระดมความคิด สร้างทางเลือกใหม่ๆ เป็นทิศทางที่พรรคเพื่อไทยต้องสร้างการมีส่วนร่วมอันจะนำไปสู่การร่วมกันยกระดับความรับรู้ใหม่ เพื่อจัดการปัญหาในระดับคุณภาพใหม่ต่อไป” นายภูมิธรรมโพสต์
    เลขาธิการพรรค พท.โพสต์อีกว่า 3.การสร้างพรรคให้เป็นสถาบันการเมืองที่เข้มแข็ง สามารถทำงานการเมืองเพื่อตอบสนองประโยชน์ของประชาชนได้อย่างต่อเนื่องระยะยาว ไม่ใช่เป็นพรรคที่จะมีชีวิตในช่วงการเลือกตั้งและเปิดสภาเท่านั้น ขณะเดียวกันก็เร่งรัดทำงานกับประชาชน ชุมชนในพื้นที่อย่างเคารพ ยอมรับในความปรารถนาดีของกันและกัน ก็จะเป็นการสร้างพลังหล่อเลี้ยงให้พรรคเข้มแข็งเป็นจริงเพิ่มขึ้น ผู้แทนราษฎรเองก็มีความสุขและความเชื่อมั่นในพรรคตลอดไป
    “4.การสร้างฐานมวลชนที่มั่นคงและเข้มแข็ง ซึ่งพรรคมีต้นทุนการยอมรับจากฐานมวลชนอย่างมั่นคงมาเป็นเวลายาวนาน นับเป็นเกียรติยศที่พรรคได้รับความไว้วางใจมากขึ้น การสร้างฐานมวลชนทั้งในเมืองและชนบทมีธรรมชาติที่ต่างกัน รวมไปถึงฐานมวลชนในชุมชนสื่อสังคมออนไลน์ที่มีอิทธิพลมากขึ้น และพร้อมเป็นปากเสียงของความถูกต้องชอบธรรมในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น” นายภูมิธรรมโพสต์
    คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรค พท. กล่าวถึงบทบาทและอนาคตทางการเมืองว่า วันแรกที่ตัดสินใจกลับเข้ามาที่พรรคและทำงานการเมือง เพราะสถานการณ์พรรคในช่วงนั้นอยู่ในช่วงต้องมีผู้นำมาทำให้พรรคเข้มแข็ง หากเปรียบเหมือนบ้านก็เป็นบ้านที่ถูกระเบิดจนหลังคาบ้านพัง ทุกคนจึงต้องหันหลังกลับเข้ามาซ่อมแซมบ้านตัวเองให้แข็งแกร่ง ซึ่งก็ได้ทำเต็มที่ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายที่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นวันจบภารกิจ แม้จะไม่ได้เป็นอะไร หรือมีตำแหน่งสำคัญทางการเมือง ก็พร้อมเป็นกองเชียร์และผู้สนับสนุนทำให้พรรคเป็นที่พึ่งของประชาชนมากขึ้น
    “ไม่เคยมีความคิดแยกตัวออกไปจากพรรคเพื่อไทย และจะยังอยู่กับพรรค เพราะตลอดชีวิตของการเป็นนักการเมืองหลายสิบปี อิ่มตัวกับการเมืองมากแล้ว จึงไม่เคยคิดที่จะย้ายบ้าน และไม่ได้จะวางมือจากการเมืองอย่างที่เป็นข่าว” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
     นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรค พท. ตอบโต้กรณีนายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีต ส.ว. วิจารณ์พรรคให้ปรับปรุงเรื่องศักดิ์ศรี ว่าอย่ามาวิจารณ์ในทางเสียหาย พรรคเรียนรู้ความต้องการของประชาชนเสมอ พยายามพัฒนาให้เป็นทางเลือกที่ประชาชนมั่นใจให้เป็นตัวแทนในการบริหารประเทศ จึงทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับคะแนนนิยมเป็นอันดับหนึ่งของประเทศมาต่อเนื่องยาวนานเกือบ 2 ทศวรรษอย่างไม่เคยมีพรรคใดทำได้มาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้การทำการเมืองที่สกปรก กล่าวหาอย่างเลื่อนลอย 
    “การที่พรรคได้อยู่รับใช้ประชาชนและได้รับความนิยมมาเกือบสองทศวรรษ เพราะเราดำเนินงานทางการเมืองอยู่บนพื้นฐานของอุดมการณ์และความต้องการของประชาชนนั้น เราอยากเสนอแนะให้พรรคการเมืองต่างๆ พัฒนาพรรคการเมืองให้เข้มแข็งและมีคุณภาพมากขึ้น เพื่อจะได้แข่งขันทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชนต่อไป” นางลดาวัลลิ์กล่าว.