ศึกชิงกระทรวงหลักระอุ! รองโฆษกพปชร.โพสต์แรง กระทรวงมีไว้ให้ทำงานเพื่อประชาชน ไม่ใช่มีไว้เพื่อหาประโยชน์ให้บริษัท "เสี่ยหนู" ย้ำทุกอย่างจบไปนานแล้ว ลั่นไม่เปลี่ยนดีล "ปชป." ย้ำเช่นกันไม่เปลี่ยนกระทรวงหลัก ปัด "บิ๊กตู่" ต่อสายตรงเคลียร์ ชี้ไม่ใช่เด็กเล่นขายของ "เทพไท" เปิดเงื่อนไขที่ 4 ให้ ปชป.คุม ก.เกษตรฯ-พาณิชย์ แก้ปัญหาราคาพืชผล ถ้าเอาคืนถือว่าผิดสัญญา ต้องทบทวนในที่ประชุม ขณะที่ 10 พรรคเล็กขอเก้าอี้บ้าง "มงคลกิตติ์" นัดหารือ 10 มิ.ย.นี้ "พท." เสี้ยม "เสี่ยหนู" โดน "ธนกร" สอยขนาดนี้ต้องจดทะเบียนหย่า
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน มีความเคลื่อนไหวถึงการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ที่กำลังมีการจัดตั้งรัฐบาลที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากมีปัญหาการจัดสรรโควตาระหว่างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ยังคงไม่ลงตัว เนื่องจากพรรค พปชร.อยากจะแลกกระทรวงกันใหม่
โดยนายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า 1.กระทรวงมีไว้ให้ทำงานเพื่อประชาชน ไม่ใช่มีไว้ให้เข้าไปหางานเพื่อบริษัท #ถูกต้องนะครับ!! 2. กระทรวงมีไว้ให้ทำงานเพื่อประชาชน และที่สำคัญ ต้องไม่ใช่เก็บไว้ให้บริษัทเข้าไปหางาน #ถูกต้องนะครับ!! 3.กระทรวงมีไว้ให้ทำงานเพื่อประชาชน แลกเปลี่ยนได้..ถ้าจะเอาไปเพื่อประโยชน์บริษัทใด #ถูกต้องนะครับ!! 4.ไม่ยอมแลก เก็บไว้ ทำงานให้ประชาชน หรือหางานให้บริษัท #คนเขาสงสัย..กระทรวงนี้ของข้าใครอย่าแตะ 55 5.ไม่มีใคร…แลกอะไรกันไปมา มีแต่หาความเหมาะสม ไม่ให้คนเขานินทาว่าเลือกกระทรวงให้บริษัท #ถูกต้องนะครับ”
สำหรับโพสต์ดังกล่าว สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Anutin Charnvirakul ระบุว่า "กระทรวงมีไว้ให้คนเข้าไปทำงาน ไม่ใช่มีไว้ให้มาเที่ยวแลกไปมา จบข่าว!!!" นอกจากนี้ยังโพสต์ในช่องแสดงความคิดเห็นว่า คมนาคม สาสุข ท่องเที่ยวครับ เปลี่ยนไม่ได้
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงปมปัญหาเก้าอี้รัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลว่า ทุกอย่างจบเรียบร้อยไปตั้งนานแล้วและยืนยันว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น
นายธนกร วังบุญคงชนะ ได้ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ระบุว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอยู่ไม่ครบเทอมว่า การที่รัฐบาลจะอยู่ครบเทอมหรือไม่นั้นไม่สำคัญ ขึ้นอยู่กับว่าอยู่แล้วทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน อยู่แล้วประชาชนอยู่ดีกินดี อยู่แล้วบ้านเมืองสงบ ประชาชนมีความสุข นี่คือสิ่งสำคัญ และการที่เสียงปริ่มน้ำใช่ว่ารัฐบาลจะอายุสั้น แต่อาจจะอยู่ยาวก็ได้หากบริหารจัดการให้ดี อย่าลืมว่า ไม่ว่า ส.ส.ฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็อยากเป็น ส.ส.เพื่อทำงานให้กับพี่น้องประชาชนนานๆ ไม่มีใครอยากเสียเวลามาเลือกตั้งใหม่
"นายธนาธรอย่าทำตัวเป็นนักพยากรณ์ และช่วยทำความเข้าใจกับผู้สนับสนุน โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดียว่า เคารพสิทธิของผู้ที่เห็นต่างด้วย ไม่ใช่พอใครมีความเห็นที่แตกต่างกับพรรคตัวเองก็รุมถล่มด่าด้วยถ้อยคำไม่สุภาพ คนรุ่นใหม่ไม่น่าจะมีพฤติกรรมแบบนี้ ไหนบอกว่าเคารพผู้อื่น ยึดหลักความเท่าเทียม อย่าแบ่งแยกประชาชน ยุติความขัดแย้งกันได้แล้ว ประเทศต้องการความปรองดองของคนในชาติ" นายธนกรกล่าว
แย่งเก้าอี้ละอายใจบ้าง
นางทยา ทีปสุวรรณ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ภรรยานายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค พปชร.
โพสต์เฟซบุ๊กว่า อย่ามองกระทรวงเป็นสินค้า เลือกตั้งประธานสภา รองประธานสภา นายกฯ เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ประชาชนรอดูโฉมหน้าคณะรัฐมนตรี เพื่อจะได้เดินหน้าขับเคลื่อนประเทศกันได้ซักที แต่ละกระทรวงก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน แตกต่างกันไปตามภาระหน้าที่งาน อย่ามองกระทรวงเป็นสินค้าเกรดเอ บี ซี เลย เพราะถ้าขุนพลที่เข้ามาคุมกระทรวงตั้งใจทำงาน มุ่งมั่นทำประโยชน์ให้ประเทศชาติตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย กระทรวงนั้นก็จะได้เกรดเอ โดยประชาชนจะให้คะแนนเอง เพราะสุดท้ายถ้ากระทรวงมีผลงานประเทศพัฒนา ประโยชน์สูงสุดก็จะตกอยู่กับคนไทยทุกคน
"อยากเห็นขุนพลทุกคนพร้อมออกรบเพื่อให้ชนะ...ไม่ใช่เพื่อพรรค ไม่ใช่เพื่อตนเอง แต่เพื่อประเทศชาติ...เพราะวันนี้เราไม่มีเวลามาขัดแย้งกันอีกแล้ว ปัญหาให้แก้รออยู่มากมาย แล้วอย่าลืมว่าครั้งนี้แม่ทัพไม่มี “ดาบกายสิทธิ์” อีกต่อไป งานหนัก งานยากรออยู่ และฝ่ายค้านพร้อมตรวจสอบทุกเวลา!!" นางทยาระบุ
นายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.กทม. พรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ว่า ขอให้ใจเย็น การจัดตั้งรัฐบาลจะสามารถจบได้เร็วๆ นี้ เพราะทุกคนต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประเทศชาติก่อน เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลนั้นจริงๆ นายกฯ ควรมีส่วนในการกำหนดด้วย เพราะท่านเป็นหัวเรือใหญ่ หากแต่ละกระทรวงเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา อย่าลืมว่านายกฯ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ การจัดตั้งรัฐบาลต้องเอาประโยชน์ประชาชนเป็นตัวตั้ง เอาคนที่เหมาะสมกับงาน ซึ่งพรรค พปชร.จะไม่มีมาบอกว่ากระทรวงไหนเล็ก กระทรวงไหนใหญ่ เพราะทุกกระทรวงสำคัญหมด และแม้จะมีเสียงปริ่มน้ำก็เชื่อมั่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะนำพาประเทศไปได้
นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เขาว่าการเมืองเป็นเรื่องต่อรองผลประโยชน์ แต่การต่อรองของคนในพรรคแกนนำกันเองนี่สิครับมันน่าละอาย อย่างตัวผมเคยอยู่ประชาธิปัตย์มา 10 กว่าปี ตอนตั้งรัฐบาลไม่เห็นมีใครในพรรคต่อรองอะไร ให้เป็นหน้าที่ของหัวหน้าพรรคกับกรรมการบริหารพรรคจะเห็นสมควร ยิ่งโดยเฉพาะการเลือกตั้งครั้งนี้ ผมว่า 80% ของคนที่เลือกพรรคพลังประชารัฐ เพราะอยากเห็นลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศต่อไป น้อยนักที่เลือกเพราะอยากเห็นคนนั้นคนนี้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงโน้นนี้
"ดังนั้นการที่จะมีใครมาอ้างว่าผมมี ส.ส.ในมือเท่านั้นเท่านี้คน ผมเข้ามาได้ด้วยตัวผมเอง พี่น้องประชาชนอยากเห็นผมเป็นนั่นนี่ แล้วมาต่อรองว่าผมต้องได้เป็นอะไรก็ตาม บลาๆๆๆๆ...ละอายใจบ้างเถอะ คิดถึงประเทศบ้าง อย่าเอาแต่ความอยากได้อยากเป็นของตัวเองเป็นที่ตั้ง แค่ที่ผ่านๆ มาคนเขาก็คลื่นเหียนกับนักการเมืองมามากพอแล้ว ปล่อยให้ท่านนายกฯ ดูความเหมาะสมและจัดวางคนที่ดีให้ทำงานเถอะ ข่าวที่ออกมามันบั่นทอนความเชื่อมั่นทุกวันๆ ประเทศมันจะเดินต่อไปยากครับ #ทำเพื่อชาติซักครั้งเถอะ" นายสกลธีระบุ
ปชป.ยันไม่เปลี่ยนแปลง
ด้านนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าพรรคพปชร.จะมีการล้มข้อเสนอที่ได้มีการเจรจาโควตากระทรวงเกรดเอในรอบแรกว่า ยืนยันว่าโควตากระทรวงในส่วนของพรรค ปชป.ยังเป็นเหมือนเดิม ถือว่าการเจรจาเงื่อนไขตกลงจบลงตั้งแต่วันที่มีการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และวันที่โหวตเลือกนายกฯจากนี้ไปจะต้องเดินตามโรดแมปที่วางเอาไว้ในขั้นต่อไป คือมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ และเดินหน้าจัดทำนโยบาย ย้ำว่าไม่มีการเจรจาเพิ่มเติม และไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เพราะทุกอย่างถือว่าจบแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ฟังคนที่มาเจรจาด้วยเท่านั้น และตนไม่สามารถตอบได้ว่าเพราะสาเหตุอะไรพรรค พปชร.จึงมีการปล่อยข่าวออกมาเช่นนี้ แต่เป็นเรื่องที่ภายในพรรคของเขาจะต้องพูดคุยกันเอง
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์มีการต่อสายตรงเพื่อพูดคุย นายนิพนธ์กล่าวยืนยันว่า ไม่มีการต่อสายตรง และไม่มีการส่งสัญญาณอะไร เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาเปลี่ยนแปลงข้อตกลงอีก ขณะนี้ทุกฝ่ายก็เดินหน้าตามข้อตกลงที่วางไว้แล้ว
"เขาไม่ทำอย่างนั้น ไม่มีทางเกิดขึ้น ไม่มีเหตุการณ์อย่างนั้น และมันจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน" นายนิพนธ์กล่าวเมื่อถามว่าหากมีการล้มดีลเกิดขึ้นจริงพรรคประชาธิปัตย์เตรียมหาทางออกไว้แล้วหรือไม่
นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค ปชป. ดูแลภาคเหนือ กล่าวว่า เชื่อว่าไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนั้น อาจจะเป็นการปล่อยข่าวออกมาหรือไม่ เพราะผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็ไปพูดคุยเจรจากันจบแล้ว แต่หากจะมีการล้มดีล เราก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ เข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.)
“เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่เด็กเล่นขายของ ปชป.มีหลักเกณฑ์ และเป็นเรื่องของเขาที่ต้องเคลียร์กันเองภายในพรรค ถ้าจะล้มดีลผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่ายจะเกิดความเสียหายและเสียผู้ใหญ่แน่นอน” นายนราพัฒน์กล่าว
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคปชป. กล่าวว่า หลังจากที่ ปชป.และพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ได้ร่วมโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ แล้วโดยภายใต้เงื่อนไขของพรรค ปชป.ใน 3 เรื่อง คือ 1.ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย 2.ให้รับนโยบายการประกันรายได้สินค้าการเกษตร และ 3.การบริหารราชการแผ่นดินรัฐบาลชุดนี้จะต้องไม่มีการทุจริต ถ้ามีการทุจริตพรรคเราก็พร้อมที่จะถอนตัวออกจากรัฐบาล
"ส่วนเงื่อนไขที่ 4 เป็นเงื่อนไขที่ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชน นั่นคือโควตารัฐมนตรีพรรค ปชป. ซึ่งยื่นข้อเสนอว่าถ้าให้พรรคแก้ปัญหาพืชผลการเกษตรให้มีคุณภาพ และได้ราคาตามที่ประกันรายได้การเกษตร คือปาล์มมีราคากิโลกรัมละไม่น้อยกว่า 4 บาท ยางพารากิโลกรัมละ 60 บาท ก็จะต้องให้พรรค ปชป.เข้าไปบริหารใน 2 กระทรวงหลัก ได้แก่ 1.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อส่งเสริมการผลิต รับผิดชอบในการผลิตสินค้าการเกษตร 2.กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นกระทรวงที่เกี่ยวกับการขาย การนำสินค้าที่ผลิตจากประชาชนไปขายทั้งในและต่างประเทศ ถ้าไม่ให้ 2 กระทรวงหลักนี้ เราเชื่อว่าไม่สามารถแก้ปัญหาได้"
เอาคืนถือว่าผิดสัญญา
นายเทพไทกล่าวอีกว่า ถ้าจะเอา 2 กระทรวงนี้คืน เท่ากับเป็นการผิดสัญญาในเงื่อนไขที่เคยมีให้กับพรรค ปชป. ซึ่ง 4 เงื่อนไขนี้เป็นเงื่อนไขในที่ประชุมส.ส. และกรรมการบริหารพรรค ปชป.ได้พิจารณาหลักเกณฑ์และการตัดสินใจที่จะเข้าร่วมรัฐบาล เมื่อเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่งผิดข้อตกลง ปชป.จะต้องเสนอเงื่อนไขเหล่านี้กลับมาพิจารณาใหม่ในที่ประชุมพรรคอีกครั้ง พรรค พปชร.จะคิดมัดมือชก และคิดว่าได้นายกฯ ไปแล้วไม่แคร์พรรคร่วมรัฐบาล อยากบอกว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด และเราเชื่อว่าถ้าคุณผิดสัญญาตั้งแต่ต้น ไม่มีหลักประกันใดว่าจะผิดสัญญาอีกต่อไปเชื่อว่า ปชป.จะต้องทบทวนในที่ประชุม ส.ส.และ กก.บห.พรรคกับเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงไป
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค ปชป. กล่าวถึงผลสำรวจของสวนดุสิตโพล ที่มีประชาชนรู้สึกผิดหวังกับการที่ ปชป.เข้าร่วมกับ พปชร.ว่า พรรคเข้าใจในความรู้สึกของประชาชนในทุกกลุ่มที่สะท้อนความคิดเห็นมา การเข้าร่วมรัฐบาลเป็นการตัดสินใจอยู่ภายใต้มติของเสียงส่วนใหญ่จากการประชุมร่วมกันระหว่าง กก.บห.และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทุกคนก็ได้สะท้อนเสียงของประชาชนในพื้นที่ต่างๆ มติจึงออกมาบนพื้นฐานสำคัญคือยึดประโยชน์ของประชาชนและประเทศเป็นที่ตั้ง ส่วนอุดมการณ์ของพรรคยังคงดำรงอยู่เช่นเดิมทุกประการ ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ขณะที่มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์ข้อความว่า พรุ่งนี้ (10 มิ.ย.) 12.00 น. กลุ่ม 10 พรรคการเมือง นัดประชุมด่วนเหตุมีการปล่อยข่าวจากผู้ไม่หวังดี ว่าพวกเราไม่ต้องการตำแหน่งฝ่ายบริหาร ซึ่งไม่เป็นความจริง และตนจะเสนอในที่ประชุมให้ทบทวนมติการเข้าร่วมรัฐบาล
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ถึงการจัดตั้งรัฐบาลและการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีที่ยังไม่ลงตัว ว่า ไงล่ะ..ไม่เห็นเหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า.. 55 ยังไงดีครับพี่หนูอนุทิน.. หลังรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ นายธนกร วังบุญคงชนะ ออกมาจัดเต็ม คุณหนูครับกระทรวงมีไว้ให้ทำงานเพื่อประชาชน ไม่ใช่มีไว้ให้เข้าไปหางานเพื่อบริษัท #ถูกต้องนะครับ!! กระทรวงมีไว้ให้ทำงานเพื่อประชาชน และที่สำคัญต้องไม่ใช่เก็บไว้ให้บริษัทเข้าไปหางาน #ถูกต้องนะครับ!! โจรเขาว่าเมื่อปล้นสำเร็จ มันจะหักหลังกัน..วุ้ย ไม่ยอมแลก เก็บไว้ ทำงานให้ประชาชน หรือหางานให้บริษัท #คนเขาสงสัย..กระทรวงนี้ของข้าใครอย่าแตะ 5.ถามจริง ธนกรพูดเองหรือขาใหญ่ใช้ให้พูด ขอถามพี่หนู อนุทินที่รักและยังเคารพ ปล่อยให้ธนกร พลังประชารัฐ สอยขนาดนี้ เป็นผมขอจดทะเบียนหย่ากับเผด็จการละครับ #แบบนี้ก็ได้ด้วยหรา
นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กระทรวงและงานบริหารประเทศ ไม่ใช่มีไว้ให้ใครมาแลก และไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของใคร ที่จะเอามาโยนไปมา แบ่งกันชมแบ่งกันใช้ ประเทศเป็นของเราทุกคน หยุดทำอะไรข้ามหัวประชาชนได้แล้ว อย่าทำให้ประเทศและการเมืองตกต่ำไปมากกว่านี้เลย
ปชช.เบื่อหน่าย
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้ตามข่าวตามสื่อ เห็นบางพรรคลงโซเชียลฯ ในทำนองว่าแลกกระทรวงไม่ได้ ซึ่งดูแล้วรัฐบาลที่มีจุดอ่อนเสียงปริ่มน้ำการทำงานก็จะยาก อีกทั้งมีพรรคร่วมรัฐบาลมากถึง 20 พรรค ซึ่งจะทำให้การทำงานร่วมกันลำบากมากไปอีก ขณะเดียวกันพรรคขนาดใหญ่และกลางที่มาจับมือกัน นโยบายที่เป็นจุดยืนของแต่ละพรรคจะเอายังไง รวมทั้งผลประโยชน์ ต่อรองกระทรวง จนไปถึงผลประโยชน์ต่างๆ ในอนาคตที่จะเกิดขึ้น ภาพเหล่านี้คนรุ่นใหม่อาจจะไม่เคยเห็น แต่นี่คือภาพการเมืองเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว สิ่งที่เกิดเป็นเพียงหนังตัวอย่าง และเมื่อทำงานจริง ความยากลำบากจะมีให้เห็นมากขึ้น และคนที่จะเป็นทุกข์ก็คือประชาชน จึงอยากให้รีบต่อรองกันให้จบ เพื่อจะได้มาทำงานให้ประชาชน
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวด้วยว่า 7 พรรคการเมืองยังผนึกกำลังเหนียวแน่น และจะเดินหน้าทำงานตรวจสอบอย่างมีคุณภาพ เป็นฝ่ายค้านที่มีเหตุมีผล หากทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ ไม่มีทุจริต พวกเราพร้อมสนับสนุน
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประชาชนเบื่อหน่ายกับการต่อรองกระทรวง แทนที่จะแข่งขันกันผลักดันนโยบายที่แต่ละพรรคใช้หาเสียงมาเป็นนโยบายเพื่อประชาชน รัฐบาลที่จะได้จะเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำสภาพไม่ต่างจากรัฐบาลเป็ดง่อยที่รวบรวมพรรคการเมืองมากกว่า 20 พรรค หน้าตารัฐบาลที่จะออกมาจึงไม่อาจเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้ ประชาชนจึงรู้สึกสิ้นหวังจากสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย เชื่อว่าหากรัฐธรรมนูญเป็นแบบนี้ต่อไป ทำให้ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาส
ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ภาพการยื้อแย่งเก้าอี้ในรัฐบาลของพรรคการเมืองต่างๆ อย่างมูมมามในขณะนี้ ชี้ให้เห็นความล้มเหลวของกติกาการเลือกตั้งที่ออกแบบโดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งทำให้ผลการเลือกตั้งบิดเบี้ยว จนเกิดระบบรัฐบาลผสมเกือบยี่สิบพรรค จะบริหารประเทศอย่างเป็นเอกภาพได้ยังไง ทั้งยังสะท้อนถึงความไร้เสถียรภาพทางการเมืองโดยยังไม่ต้องดูหน้าตา ครม.ด้วยซ้ำ และเป็นลางร้ายว่า ต่อไปนี้การเมืองจะกลายเป็นเรื่องของการต่อรองผลประโยชน์ เพราะรัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำ จึงต้องง้อพรรคเล็กพรรคน้อยเพื่อแลกกับการยกมือสนับสนุนในสภา ซึ่งจะทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา
"จะเห็นว่าสวนดุสิตโพลล่าสุดระบุว่า คนไทยร้อยละ 72.2 มองการแย่งเก้าอี้ในรัฐบาลว่าเป็นการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน เพราะเป็นกระทรวงที่มีงบประมาณมาก ไม่ได้มองว่าเป็นการแย่งกระทรวงกันทำงานแต่อย่างใด ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ระบบการเมืองไทยอ่อนแอในขณะนี้ มีต้นตอมาจากรัฐธรรมนูญ ทางแก้คือต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ไม่ใช่แก้แค่เพียงบางมาตรา เพราะมีการหมกเม็ดกลไกสืบทอดอำนาจเผด็จการไว้ในรัฐธรรมนูญเต็มไปหมด และมีการวางโครงสร้างทางอำนาจแบบผิดๆ อย่างเป็นระบบ จึงต้องวางโครงสร้างทางการเมืองกันใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอย่างแท้จริง" ร.ท.หญิง สุณิสาระบุ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |