ประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ของเม็กซิโก นำประชาชนเดินขบวนฉลองความสำเร็จของการเจรจาต่อรองกับสหรัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกก่อนที่จะมีผลในวันจันทร์นี้
ประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ โบกมือทักทายขณะมาถึงการชุมนุมเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของเม็กซิโก ที่เมืองติฮัวนา รัฐบาฮากาลิฟอร์เนีย เมื่อวันเสาร์ / AFP
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2562 ว่าตัวแทนเจรจาของรัฐบาลสหรัฐและเม็กซิโกบรรลุข้อตกลงกันได้เมื่อคืนวันศุกร์ตามเวลากรุงวอชิงตันของสหรัฐ ซึ่งช่วยหลีกเลี่ยงผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อทั้งสองฝ่าย หากสหรัฐเริ่มจัดเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก 5% ในวันจันทร์ที่ 10 มิถุนายนนี้ ตามคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ที่ขู่ด้วยว่าจะขึ้นภาษีไปจนถึง 25% ในเดือนตุลาคม และนักเศรษฐศาสตร์มองว่า เม็กซิโกคงจะใช้มาตรการตอบโต้ในแบบเดียวกัน
"จะไม่มีวิกฤติเศรษฐกิจหรือวิกฤติการเงินในเม็กซิโกวันจันทร์นี้" ประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ของเม็กซิโก ประกาศเมื่อวันเสาร์
รายงานกล่าวว่า ตามข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้อง เม็กซิโกตกลงจะเสริมการรักษาความมั่นคงชายแดนภาคใต้ของตน โดยจะใช้กองกำลังเนชันแนลการ์ด ซึ่งเพิ่งตั้งขึ้นใหม่ เป็นหลักในปฏิบัติการสกัดกั้นผู้อพยพเข้าเมืองที่ข้ามแดนมาจากกัวเตมาลา ขณะเดียวกัน เม็กซิโกจะรองรับผู้อพยพที่อาจมีหลายแสนคน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกัวเตมาลา, ฮอนดูรัส และเอลซัลวาดอร์ ระหว่างที่รอกระบวนการขอลี้ภัยในสหรัฐ
อย่างไรก็ดี คณะเจรจาของเม็กซิโก ซึ่งนำโดยมาร์เซโล เอบราร์ด รัฐมนตรีต่างประเทศ ยืนกรานปฏิเสธทำตามข้อเรียกร้องหลักของทรัมป์ที่ต้องการให้เม็กซิโกยอมเป็น "ประเทศที่ 3 ที่ปลอดภัย" ที่ผู้อพยพที่มาถึงที่นี่จะถูกบังคับให้ขอลี้ภัยในเม็กซิโก แทนที่จะเป็นสหรัฐ
กระนั้น ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า จะให้เวลา 90 วันเพื่อประเมินผลลัพธ์ของข้อตกลงนี้ ซึ่งหากไม่สามารถลดจำนวนผู้อพยพเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายเดินทางถึงชายแดนสหรัฐได้อย่างเห็นผลแล้ว จะต้องมีการดำเนินการเพิ่มเติม
ประธานาธิบดีทรัมป์ยกย่องข้อตกลงฉบับนี้่ว่าเป็นชัยชนะของสหรัฐ "เม็กซิโกจะต้องพยายามอย่างหนัก และหากพวกเขาทำมันได้ ข้อตกลงนี้จะเป็นข้อตกลงที่ประสบความสำเร็จมากสำหรับทั้งสหรัฐและเม็กซิโก" ทรัมป์ทวีตเมื่อเช้าวันเสาร์
ที่เมืองติฮัวนาของเม็กซิโกซึ่งอยู่ติดชายแดนสหรัฐ บรรยากาศที่นี่มีความผ่อนคลาย ประธานาธิบดีโลเปซ โอบราดอร์ นำประชาชนหลายพันคนเดินขบวนฉลองการบรรลุข้อตกลงนี้ และ "มิตรภาพของประชาชนชาวเม็กซิโกและสหรัฐ" แต่โลเปซ โอบราดอร์ ซึ่งบอกว่าเขาเพิ่งคุยโทรศัพท์กับทรัมป์ เตือนสหรัฐว่า การให้เม็กซิโกควบคุมชายแดนอย่างเข้มงวดมากขึ้นอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ แต่สหรัฐต้องลงทุนพัฒนาทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอเมริกากลาง เพื่อตัดตอนคลื่นผู้อพยพจากภูมิภาคนี้
ผู้นำเม็กซิโกกล่าวปราศรัยบนเวทีว่า ทางออกของปัญหาไม่ใช่เพียงแค่การปิดพรมแดนหรือมาตรการเชิงบังคับ ทางออกเพียงอย่างเดียวของปัญหานี้คือการต่อสู้กับการขาดโอกาสและความยากจน เพื่อทำให้การอพยพย้ายถิ่นเป็นแค่ทางเลือกหนึ่ง
ผลลัพธ์ของการเจรจาครั้งนี้ หลายคนมองว่าเป็นแบบฉบับเก๋ากึ๊กของทรัมป์ นั่นคือการจุดวิกฤติแล้วปล่อยให้เดือดอยู่สักพัก แล้วค่อยประกาศว่าแก้ไขวิกฤติได้แล้ว จากนั้นก็อ้างความดีความชอบ
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ฉบับวันเสาร์กล่าวว่า มาตรการส่วนใหญ่ที่เม็กซิโกลงนามเมื่อวันศุกร์นั้นผ่านความเห็นชอบกันทั้งสองฝ่ายมาตั้งแต่การเจรจาต่อรองครั้งก่อนแล้ว
กลุ่มสิทธิบางกลุ่มในเม็กซิโกวิจารณ์ข้อตกลงฉบับนี้ว่าการที่เม็กซิโกยินยอมใช้เนชันแนลการ์ดคุมชายแดนใต้ จะทำให้ปัญหามนุษยธรรมกลายเป็นปัญหาทางทหาร และส่งผลให้มีการจับกุมคุมขังผู้หญิงและเด็กที่บริสุทธิ์จำนวนมาก.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |