มุ้งการเมืองในพลังประชารัฐยังไม่จบ วัดใจ "บิ๊กตู่" รื้อกระทรวงใหม่ ถ้าไม่ได้พรรคแตก เลือกตั้งคราวหน้าสูญพันธุ์เพราะถูกหลอกให้สู้ ขณะที่ประชาธิปัตย์ยันจบแล้ว "เฉลิมชัย" ลั่นไม่มีแลกกระทรวง ไล่ พปชร.ไปเคลียร์กันเอง ตอกแรงขอให้ยึดผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นตัวตั้ง "เจ๊หน่อย" เพ้อหนักมีแต่พรรคลดแลกแจกแถม
มีรายงานการต่อรองโควตาเก้าอี้รัฐมนตรี ระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยยังคงไม่ลงตัว เมื่อเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รมว.พาณชิย์ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ พรรคพลังประชารัฐยังคงเดินหน้าทวงคืน ยื่นเงื่อนไขต่อรองส่ง รมว.พลังงานแลกกับ รมว.คมนาคมกับพรรคภูมิใจไทย และยื่นเงื่อนไขขอเก้าอี้ รมว.พาณิชย์จากพรรคประชาธิปัตย์คืนมา แลกกับ รมว.ศึกษาธิการ พร้อมเพิ่มให้ 1 รัฐมนตรีว่าการ ระหว่าง รมว.ยุติธรรมหรือ รมว.การต่างประเทศ บวกกับอีก 1 รัฐมนตรีช่วย แต่ 2 พรรคยังยืนยันยึดดีลแรก
โดยกลุ่มก๊วนในพลังประชารัฐต่างเห็นว่าหลายเก้าอี้สำคัญที่แต่ละกลุ่มในพรรคต้องการหลุดมือ จึงพยายามผนึกกำลังขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงมาเคลียร์ปัญหา โดยมีข่าวเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ได้ออกจากทำเนียบรัฐบาลเพื่อหารือกับแกนนำพลังประชารัฐ โดยแกนนำพลังประชารัฐพยายามขอให้ พล.อ.ประยุทธ์เคลียร์ในจุดนี้ ยกเหตุผลจากเหตุการณ์ในการโหวตนายกฯ โดนอภิปรายถล่มอย่างหนักจากเหตุเสียเก้าอี้ประธานสภาฯ ให้ประชาธิปัตย์ ต้องดึงดุลกลับมาที่พลังประชารัฐ และหากปล่อยไปแบบนี้จะถูกพรรคร่วมกรรโชกไปเรื่อยๆ ขณะที่หลังจากนั้นมีรายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้นัดแกนนำพรรคร่วมเพื่อพูดคุย
ขณะเดียวกัน กลุ่มการเมืองในพลังประชารัฐมองว่า การที่โยนให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้ตัดสินใจ เพื่อต้องการวัดใจ พล.อ.ประยุทธ์ด้วย เพราะเห็นว่าหากกุมอำนาจไว้ในมือและสามารถยุบสภาได้ แล้วยังยอมให้เป็นไปตามดีลแรก แสดงว่าเลือกเกรงใจผู้ที่ทำหน้าที่ดีลรอบแรก เท่ากับถูกหลอกให้สู้ พลังประชารัฐเป็นแค่พรรคเฉพาะกิจเลือกตั้งครั้งนี้เท่านั้น และอาจทำให้พลังประชารัฐกลายเป็นพรรคที่แตกเอง แต่หากเห็นคล้อยตามฝ่ายกลุ่มการเมืองในพลังประชารัฐ ลงมาเคลียร์ปัญหาแบ่งโควตา ดึงกระทรวงที่จะสามารถสร้างผลงานได้ตามที่หาเสียงไว้กลับมา สามารถสร้างผลงานต่อเนื่องจาก 5 ปีที่ทำมาได้ พร้อมที่จะเลือกตั้งในครั้งหน้าด้วย
นอกจากนี้ มีรายงานว่าขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยเอง เชื่อว่าหากยังมีปัญหาการแบ่งโควตารัฐมนตรีไม่ลงตัว พล.อ.ประยุทธ์จะยื้อการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีออกไป เพราะด้วยรัฐธรรมนูญไม่มีกรอบเวลาว่าต้องจัดตั้ง ครม.ให้แล้วเสร็จเมื่อไหร่ และจะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ไม่ทันการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 34 ระหว่างวันที่ 20-23 มิ.ย.62 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า เมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้ว ต้องช่วยกันเดินหน้าประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพที่สุด เมื่อวานนี้ ผมได้นัดคณะผู้บริหารและ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐประชุมหารือถึงการจัดตั้งรัฐบาล ผมขอแจ้งความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐกับพรรคร่วมรัฐบาลว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการพูดคุยหารือ ตั้งทีมประสานงานเพื่อหารือกับพรรคร่วม เพื่อเร่งจัดตั้งรัฐบาล หลังจากที่เราได้ท่านพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งขณะนี้รอขั้นตอนการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการก่อน
โดยระหว่างนี้พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้หารือกับพรรคร่วมแล้ว มีมติเห็นชอบให้คุณสนธิรัตน์เป็นหัวหน้าคณะทำงานประสานงานกับพรรคร่วมฯ เพื่อจัดทำนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ โดยเราจะนำนโยบายของแต่ละพรรคมาพิจารณา เนื่องจากบางนโยบายมีความคล้ายคลึงกันเพื่อให้เกิดความเหมาะสมเป็นแนวทางเดียวกัน
จากนั้นจึงจะวางตัวบุคคลให้เหมาะสมกับตำแหน่งรัฐมนตรีของแต่ละกระทรวงครับ ผมขอย้ำว่าทุกคนเมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้วต้องหารือร่วมกัน เพื่อช่วยกันเดินหน้าประเทศให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนกรณีที่มีพี่น้องประชาชนให้ความสนใจคือ การวางตัวคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ผมขอเรียนชี้แจงว่าขณะนี้ยังไม่มีการสรุปว่าใครจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงใดบ้าง แต่ยืนยันว่าจะพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อให้ตำแหน่งต่างๆ ลงตัวที่สุด และเสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อเร่งดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาปากท้องและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน โดยเร็วที่สุด
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หนึ่งในพรรคที่มีมติร่วมพับพรรคพลังประชารัฐเพื่อจัดตั้งรัฐบาล และเลือก พล.อ.ประยุทธ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Anutin Charnvirakul ระบุว่า "กระทรวงมีไว้ให้คนเข้าไปทำงาน ไม่ใช่มีไว้ให้มาเที่ยวแลกไปมา จบข่าว!!!"
นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยยังโพสต์ในช่องแสดงความคิดเห็นว่า คมนาคม สาสุข ท่องเที่ยวครับ เปลี่ยนไม่ได้
ปชป.ยันจบดีลไปแล้ว
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงข่าวลือ และยังไม่มีใครติดต่อมายังตนในฐานะผู้ประสาน การพูดคุยเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลถือว่าเสร็จเรียบร้อยแล้วก่อนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะตนเป็นคนประสานพูดคุยกับพรรคพลังประชารัฐเอง
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า พรรคไม่ได้ไปต่อรองตำแหน่งกระทรวง เพียงแต่พูดคุยเรื่องการทำงาน โดยเฉพาะในส่วนของพรรคที่จะต้องผลักดันนโยบาย ในการแก้จน สร้างคน สร้างชาติและการแก้ไขรัฐธรรมนูญในบางมาตราที่เป็นปัญหา ตามที่ได้หาเสียงไว้ สิ่งสำคัญคือการดูแลปากท้องของประชาชน ราคาพืชผลทางการเกษตรที่เราขอจะเข้าไปดูแล และพรรคพลังประชารัฐก็รับเงื่อนไขได้ ดังนั้นจนถึงเวลานี้ยังไม่มีการแลกกระทรวง
นายเฉลิมชัยเผยว่า จากนี้ควรจะเดินหน้าทำงานให้ประชาชนมากกว่าการมาพูดคุยเรื่องตำแหน่งแล้ว และหากมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น ขอย้ำว่าปัญหาทั้งหมดไม่ได้เกิดจากพรรคประชาธิปัตย์ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาภายในของพรรคพลังประชารัฐที่ต้องไปแก้ไขกันเอง พร้อมขอให้ยึดผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นตัวตั้ง
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายนนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะมีการประชุมกรรมการยุทธศาสตร์พรรค เพื่อพิจารณาบุคคลของพรรคมานั่งในตำแหน่งกระทรวงต่างๆ
ด้านนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวแลกกระทรวงว่า ขอยืนยันยังยึดข้อตกลงการเจรจาเดิมทั้งหมด และเราไม่เคยให้ข่าวหรือสัมภาษณ์ข่าวรายวันเหมือนเด็กเล่นกัน เพราะทุกคนมีความเป็นผู้ใหญ่ ผ่านประสบการณ์ หน้าที่การงานสำคัญมามาก จะมาเล่นขายของแบบเด็กๆ เปลี่ยนคำพูดรายวันไม่ได้ ฉะนั้นข่าวที่ออกมา ตั้งแต่หลังวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เข้าใจว่าเป็นข่าวปล่อยปั่นกระแสให้การฟอร์มทีมจัดรัฐบาลร่วมครั้งนี้กระเพื่อม
“เพราะผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐยังยืนยันกับพรรคประชาธิปัตย์ว่า เขายังยึดมั่นในข้อตกลงเดิม ตามที่ได้รับปากกับประชาธิปัตย์ ว่าทุกอย่างเหมือนเดิม ซึ่งถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องใดๆ จะมีการส่งสัญญาณโดยตรงมาถึงผู้ที่มีอำนาจเต็มในการเจรจาของพรรค ซึ่งขณะนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ขอให้สื่อมวลชนรับฟังจากตัวแทนพรรคหรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจให้ไปเจรจาเท่านั้น” นายนิพนธ์กล่าว
ยึดข้อตกลงเดิม
เมื่อถามย้ำว่า ขณะนี้มีข่าวพรรคพลังประชารัฐเสนอจะเอาสองกระทรวงมาแลกกับกระทรวงพาณิชย์คืน นายนิพนธ์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ข้อตกลง เพราะไม่เคยอยู่ในวงการพูดคุยตกลงกัน จึงเป็นเรื่องของพรรคอื่นที่ต้องไปจัดการปัญหาภายในกันเอง ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ยึดในข้อตกลงเดิม
นายนิพนธ์ยืนยันว่า วันนี้ทุกอย่างเป็นไปตามที่พูดคุยกันตั้งแต่เบื้องต้นตามที่เจรจาเสนอชื่อนายชวน หลีกภัย เป็นประธานรัฐสภา จนถึงเลือก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ วันนี้ถ้าจะมาเปลี่ยนแปลงอะไรก็ไม่อยู่ในวิสัยที่จะเป็นไปได้ ซึ่งทางการเมือง แม้จะไม่มีการทำนิติกรรมสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร แต่เรายึดถือที่คำพูด ความเชื่อมั่น ความไว้วางใจในเกียรติและศักดิ์ศรีต่อกัน สิ่งนี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการทำงานร่วมกันมากกว่า
"ดังนั้น ข่าวปล่อยต่างๆ ที่ออกมาจึงเป็นเรื่องภายในของพรรคการเมืองอื่นที่จะต้องไปตกลงเจรจาแก้ไขปัญหาในพรรคของเขาเอง พรรคประชาธิปัตย์ไม่ขอยุ่งเกี่ยว เช่นเดียวกันกับงานหรือเรื่องใดๆ ในพรรคประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองอื่นก็ไม่ควรมายุ่งเกี่ยวเช่นกัน เวลานี้เรานิ่งหมดแล้ว รอพรรคใหญ่เท่านั้น” นายนิพนธ์กล่าว
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลว่า ขณะนี้นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค กำลังเจรจาหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ คงจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ จากนั้นคงเป็นอำนาจตามกฎหมายที่ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องพิจารณา ครม.ทั้งหมดเพื่อความเหมาะสมในการบริหารงานราชการแผ่นดินต่อไป ทั้งนี้ ยืนยันว่าภายในพรรคพลังประชารัฐไม่ได้มีปัญหาอะไร อาจจะมีความเห็นที่แตกต่างกันบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย
"ผมมั่นใจว่า ครม.ใหม่จะตอบโจทย์พี่น้องประชาชนได้ และจะสามารถสร้างความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชนได้ เศรษฐกิจฐานรากจะค่อยๆ ดีขึ้น เนื่องจากภาวะผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ที่มีความเด็ดขาด กล้าคิดกล้าทำ บวกกับคณะรัฐมนตรีที่มาจากภาคการเมืองซึ่งอยู่ใกล้ชิดพี่น้องประขาชน จะทำให้การบริหารประเทศเดินไปในทิศทางที่ประชาชนคาดหวัง อย่าลืมว่านักการเมืองเข้าใจปัญหาของชาวบ้านดีว่าชาวบ้านต้องการอะไร เมื่อบวกกับผู้นำที่มีความตั้งใจทำงานให้ประเทศ จะทำให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้" นายธนกรกล่าว
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการล้มดีลเก้าอี้รัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐว่า 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่ค่อยได้แก้ปัญหาให้กับประชาชนเท่าไหร่ ดังนั้นวันนี้จึงอยากให้คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน มากกว่าคำนึงถึงประโยชน์ของพรรคการเมืองหรือของกลุ่มการเมืองต่างๆ หาคนที่เหมาะสมมีความรู้ความเข้าใจในตำแหน่งนั้นๆ และคนนั้นจะต้องใจกว้างที่จะรับฟังปัญหาของประชาชนแล้วมาแก้ไขปัญหา ซึ่งตนติดตามข่าว เห็นว่าการต่อรองผลประโยชน์เหล่านี้มีมาร่วม 2-3 เดือนแล้ว อยากให้มาฟังเสียงของประชาชนบ้างว่าเดือดร้อนแค่ไหน อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่ ตนยังยืนยันว่าประชาชนกำลังลำบาก เนื่องจากเศรษฐกิจในระดับฐานรากไม่ดี ประกอบกับสงครามการค้าและค่าเงินที่แข็งตัวทำให้การส่งออกซบเซา ทั้งยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ
"เจ๊หน่อย"โวยพรรคอื่นแจก
คุณหญิงสุดารัตน์ยังเห็นว่า นโยบายที่หาเสียงของพรรคแกนนำและพรรคร่วมรัฐบาลส่วนใหญ่เป็นการแจกเงิน แต่การใช้เงินควรใช้เพื่อสร้างรายได้ใหม่และกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ตนยังไม่เห็น จึงยังไม่สามารถคาดหวังการแก้ปัญหาเศรษฐกิจจากนโยบายเหล่านี้ ถ้ายังไม่ถูกปรับให้เหมาะสม เพราะหากนโยบายแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง 4-5 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น
"ดังนั้นรัฐบาลชุดนี้ เนื่องจากเป็นรัฐบาลที่ทำงานมาต่อเนื่อง ควรเอาบทเรียนในอดีตมาปรับเปลี่ยนวิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อให้ทุกเม็ดเงินที่ลงไปสร้างรายได้และทรัพย์สินใหม่ให้กับประชาชนเพื่อให้กระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่ทั้งนี้ยังเร็วไปที่จะพูด ขอรอดูก่อนว่าจะรวมนโยบายของแต่ละพรรคเข้าด้วยกันอย่างไร เพราะถึงจะเป็นการแจกเงินเหมือนกัน แต่ก็แจกเงินคนละแบบ คนละวิธี" คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการนัดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธที่ 12 และ 13 มิถุนายนที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงในการประชุมสภาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยผู้แทนราษฎรได้เตรียมเรื่องปัญหาความทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชนไว้เป็นจำนวนมาก แต่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กลับแจ้งผู้แทนราษฎรทั้งหมดว่าของดประชุมทั้งสองวันในสัปดาห์หน้านี้โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
เขากล่าวว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎรไม่ใช่สภาโจ๊ก จะเลื่อนหรืองดตามใจชอบของประธานมิได้ ประธานรัฐสภาที่มีหลักการจะต้องบอกเหตุผลให้สมาชิกได้ทราบ ไม่ใช่นึกอยากจะงดก็งด เพียงแค่ส่งเอสเอ็มเอสแจ้งสมาชิกเท่านั้น ถือว่ายังไม่เพียงพอ นายชวนต้องมีเหตุผลประกอบด้วยว่าเพราะอะไร ประชาชนจับตาดูความเป็นกลางของประธานสภาฯ อยู่ ตนไม่อยากคิดไปเองว่ากำลังดึงเชงยืดเวลาเพื่อต่อรองผลประโยชน์ตามข่าวลือตลอด 2-3 วันมานี้เรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีของแต่ละพรรค โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ประธานสภาฯ เป็นสมาชิกอยู่หรือไม่
ตอก"จอมยุ"หน้าหงาย
“วันนี้ประชาชนรอพึ่งรัฐสภาในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจำนวนมากที่ถูกหมักหมมมานานกว่า 5 ปี และประชาชนเขาจ้าง ส.ส.มาทำงาน ให้ประชุมสภา อยู่ดีๆ ให้หยุดงานโดยไม่มีเหตุผล เปลืองภาษีประชาชน เพราะฉะนั้นนายชวนต้องมีคำชี้แจงต่อสมาชิก อย่าตอบว่า ‘ยังไม่ได้รับรายงาน’ จากเจ้าหน้าที่” นายจิรายุกล่าว
แต่นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีต ส.ส.ตรัง และว่าที่เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร ตอบโต้ว่า นายจิรายุเป็นคนช่างยุสมกับชื่อเล่นตัวเอง เพราะยุให้บ้านเมืองแตกความสามัคคี ยุให้ประชาชนแตกแยกกัน ช่างยุจริงๆ ทำเป็นขยันเกินเหตุ หนำซ้ำในขณะที่บ้านเมืองกำลังปฏิรูป นายชวนต้องการปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปสภา ให้เป็นที่ศรัทธาของประชาชน นายจิรายุกลับทำการเมืองแบบเดิมๆ ใส่ร้ายประธานสภาฯ ด้วยโวหาร ว่าที่เลื่อนการประชุมเพราะพรรคประชาธิปัตย์กำลังต่อรองเรื่องคณะรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่งตนขอให้นายจิรายุหัดฝึกเป็นคนคิดบวก ฝึกเป็นคนดีเหมือนคนทั่วไปบ้าง
เขาแจงว่า การเลื่อนการประชุมครั้งนี้มีเหตุผลสำคัญคือกรณีที่ญัตติขอตั้ง กมธ.วิสามัญนั้น ถ้าคิดตามหลักข้อบังคับและที่เคยปฏิบัติ กมธ.วิสามัญจะต้องประกอบด้วย ส.ส.และบุคคลภายนอก ซึ่งคือตัวแทนของหน่วยงานและตัวแทนคณะรัฐมนตรี ซึ่งปัจจุบันเรายังไม่มี ครม. หากตั้ง กมธ.ตอนนี้ก็จะขาดองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งไป อีกทั้งการเสนอญัตติ จะต้องมีเวลาให้ประธานสภาฯ และเจ้าหน้าที่พิจารณากลั่นกรองเสนอความเห็น 7 วัน ซึ่งเรื่องเข้ามาวันพฤหัสบดีที่แล้วเวลา 18.00 น. สำนักประชุมเสนอให้ท่านประธานพิจารณาวันศุกร์ก่อนเที่ยง
"วันนี้รัฐบาลใหม่ยังไม่ได้ตั้ง เพราะสภาเพิ่งเลือกนายกรัฐมนตรี ดังนั้นจะไม่มีฝ่ายบริหารหรือรัฐบาลมารับฟัง" นายสมบูรณ์กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |