อือมม์ม์ม์...ชักเริ่มหนาวๆ ขึ้นมามั่งแล้ว เรียกว่า...พอได้หึ่ม-ฮึม-หึ้ม-หึ่ม กันไปตามสภาพ ด้วยเหตุนี้อะไรที่ออกไปทางร้อนๆ ก็อย่าให้ถึงกับต้องร้อน ชนิดม้ามแลบ ตับแลบ เกินไปนัก อะไรที่พอพูดๆ กันได้ อยู่ๆ กันไปได้ ก็น่าจะอยู่ๆ กันไปก่อน อย่าถึงกับต้องออกมาใส่กันแบบดอกต่อดอก จนอาจเสียบรรยากาศ หรือทำลายบรรยากาศจนเกินไป...
---------------------------------------------------
อย่างประเภทบิ๊กป้ง บิ๊กป้อม ก็อย่าถึงกับไปจับให้มั่น-คั้นให้ตาย ชนิดไม่ว่าคาดนาฬิกายี่ห้อไหน...มีอันโดนหมด!!! คือดูจากรูปร่างหน้า สีหน้า-สีตาของท่านแล้ว ก็ไม่ถึงกับน่าเกลียด น่าชัง อะไรมากมาย ออกไปทางตุ้มๆ กลมๆ แถมท่าทางน่าจะใจดีซะอีกต่างหาก ถ้าไม่ถึงกับจับได้-ไล่ทัน เห็น ใบเสร็จ แบบจะจะคาตา ระดับเป็นหมื่นล้าน แสนล้าน คงต้องเปิดโอกาสให้ท่านได้ตั้งหลัก ตั้งลำ ปล่อยให้เป็นเรื่องกฎหมาย หรือกฎแห่งกรรม ว่ากันไปตามสภาพ น่าจะเข้าท่ากว่า...
-------------------------------------------------------
คือว่าไปแล้ว รัฐบาลทหาร ท่านก็ไม่ได้ถึงกับเลวร้ายหนักหนา สาหัส แบบชนิด รับไม่ได้ แม้แต่วินาทีเดียว อะไรทำนองนั้น เท่าที่ผ่านมา...ท่านก็นิรมิต สร้างสรรค์ อะไรต่อมิอะไรเอาไว้มิใช่น้อย โดยเฉพาะสิ่งที่ รัฐบาลพลเรือน อาจทำไม่ได้ หรือไม่มีช่วงจังหวะ เวลา พอที่จะทำ แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่า ทหาร หรือ นักการเมือง ถ้าลองได้มีโอกาสวนไป-วนมาอยู่ใน แวดวง อำนาจ ไปซักพัก ก็อาจไม่ได้ผิดแผก แตกต่าง อะไรกันมากมาย ด้วยเหตุเพราะสิ่งที่เรียกว่า อำนาจ ในแง่ของโครงสร้างและกลไกที่หนักไปทาง รวมศูนย์ มาโดยตลอด มันมักส่งผลทำให้ใครต่อใครคล้ายๆ กันไปหมด ไม่ว่า ทหาร หรือ นักการเมือง ก็ตามที...
----------------------------------------------------------
ถ้าจะนำเอาสิ่งที่ รัฐบาลทหาร ได้ทำไว้ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ไปเทียบกับสิ่งที่ รัฐบาลพลเรือน ได้ทำไว้ ไม่ว่าจะในช่วงระยะ 3 เดือน 4 เดือน หรือ 3 ปี 4 ปีก็แล้วแต่ ก็คงไม่ได้ขี้เหร่ หรืออาจหล่อกว่าซะด้วยซ้ำ ยกเว้นรัฐบาลพลเรือนประเภท ทุนสามานย์ ที่ทำเอาชาติบ้านเมือง ต้องจมอยู่ใน ทศวรรษแห่งความมืดมน จนมิอาจรับได้แม้แต่วินาทีเดียว ด้วยเหตุนี้...อะไรที่พอๆ อยู่ๆ กันไปได้ ก็อย่าถึงกับต้องกราดๆ เกรี้ยวๆ จะเป็น-จะตายไปซะก่อนกำหนด ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างไหลเลื่อนไปตาม โรดแมป ก็คงไม่ถึงกับเสียหายอะไรมากมาย ถนอมเรี่ยว ถนอมแรง เอาไว้ใช้กันตอน โรดหมับ น่าจะเข้าท่ากว่าเป็นไหนๆ...
----------------------------------------------------------
แต่ก็อย่างว่า...เหตุที่ในช่วงหลังๆ สากกะเบือบิน มันชักจะปลิวว่อนในทุกทิศทุกทาง ก็อาจเนื่องจากช่วงระยะแห่งการเปลี่ยนผ่านจาก โรดแมป มาเป็น โรดหมับ นั่นเอง คือถ้าหาก ทหาร บางราย ท่านไม่ทำท่าว่าจะ หมับ ซะอย่าง!!! คือปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างจบลงไปแบบหนังไทยฉบับของแท้และดั้งเดิม พระเอกกับนางเอกสามารถทำความเข้าใจกันได้ โดยไม่ต้องพ่อแง่-แม่งอนอีกต่อไป โดยมีตัวตลก หรือตัวประกอบ ออกมาปล่อยมุกให้ ฮา ปิดท้ายกันซักมุก สองมุก ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็น่าจะ แฮปปี้เอ็นดิ้ง ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ แต่ถ้าพยายามหักมุมจบ แบบหนังจีนกำลังภายใน หรือหนังเกาหลี ที่ออกจะซาดิสต์ มาโซคิสต์ อยู่ซักหน่อย อันนี้นี่แหละ...ที่มันเลยส่งผลให้เกิดรายการ สาดอาวุธลับ เข้าใส่กันและกัน ชนิดสากกะเบือบินปลิวว่อนไปในทุกทิศทุกทาง...
---------------------------------------------------------
ยิ่งโดยเฉพาะการไปให้บทกับตัวตลก หรือตัวประกอบ มากเกินไป ถ้าหากเป็นตลกระดับ หม่ำ จ๊กมก หรือ เทพ โพธิ์งาม ก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าหากออกไปทางตลกแห้ง ตลกฝืด ปล่อยมุกแบบไม่มีกาลเทศะ ไม่ได้คำนวณโอกาสและจังหวะว่าควรหรือไม่ควรในตอนไหน ช่วงไหน อันนี้...มันก็เลยยิ่งโกบิ๊ก ไปกันใหญ่ อะไรที่เป็นไปในแนวหมับๆ มันเลยออกจะดูน่าเกลียด น่ากลัว กลายเป็น เงื่อนไข หรือเป็น ปัจจัยเสริม ที่อาจทำให้สะดุดหัวแม่ตีน ล้มคว่ำ คะมำหงาย เอาง่ายๆ...
---------------------------------------------------------
ดังนั้น...ถ้ารักจะเป็น สมบัติ เมทะนี หรือ มิตร ชัยบัญชา ก็แล้วแต่ เมื่อถึงเวลา หนังจบ ก็ควรปล่อยให้มันจบๆ ไปแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งนั่นแล ส่วนควรจะมีภาคสอง ภาคสาม หรือภาคพิสดาร ตามมาหรือไม่ อันนั้น...คงต้องหันไปปรึกษาผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง เอาไว้เป็นอันดับแรกนั่นแหละดี อย่าไปเสียเวลาหารือกับตัวตลก ตัวประกอบ ให้เปลืองเนื้อ เปลืองตัว โดยใช่เหตุ หลังจากผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง ท่านเช็กสายหนังทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว ก็คงพอได้คำตอบว่าจะเอายังไงต่อไป จากนั้น...ก็ค่อยไปจ้างตัวตลก ตัวประกอบ นางเอก ดาวร้าย ฯลฯ มาเข้าฉากกันอีกที...
-----------------------------------------------------------
ส่วนบรรดา คนดู ทั้งหลาย...ก็อย่าถึงกับไปใส่อารมณ์ ไป อิน กับอะไรต่อมิอะไรมากมายเกินไปนัก เพราะไม่ว่ารัฐบาลไหนต่อรัฐบาลไหน ไม่ว่าทหารหรือพลเรือนก็แล้วแต่ ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากหนังในแต่ละเรื่องนั่นเอง จะเป็นหนังบู๊แอคชั่น หนังรักโรแมนติก หนังสยองขวัญ หนังตลกโปกฮา หรือหนังอะไรก็แล้วแต่ นอกเหนือไปจากความสนุกสนาน ตื่นเต้น ซาบซึ้ง ดื่มด่ำ โศกเศร้าเคล้าน้ำตา จากการได้ดู ได้ชมแล้ว คงต้องเก็บเอาสิ่งที่สามารถนำมาใช้เป็น ข้อคิด เป็นอุทาหรณ์สอนใจ เพื่อที่จะพัฒนาวุฒิภาวะในการดูหนัง ให้สูงขึ้นๆ พอที่จะทำให้ หนังดีที่น่าดู มีโอกาสออกฉายในเมืองไทย ได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องจมปลักอยู่กับ หนังน้ำเน่า ไปตลอดชั่วนิรันดรกาลนั่นแล...
------------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Agnes de Mile (อีกครั้ง)... If you want to understand a nation, look at it dances and listen to its folk songs---don’t pay any attention to its politicians.- หากท่านประสงค์จะเข้าใจชาติใด จงดูการเริงรำและการร้องเพลงของชาตินั้นๆ อย่าไปสนใจกับนักการเมืองของเขา...”
----------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |