เส้นทางการเมือง มาร์ค-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในห้วงปีนี้ เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอย่างยิ่งยวด 24 มี.ค. แสดงสปิริตลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญา นำ ส.ส.เข้าสภาฯ ได้ไม่ถึง 100 คน วันที่ 5 มิ.ย. ได้ประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อันเนื่องจากที่ประชุมร่วมคณะกรรมการบริหารพรรค กับ ส.ส.ของพรรคมีมติร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อจัดตั้งรัฐบาล และจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
ถือว่าขัดแย้งกับจุดยืนที่ประกาศไว้ว่า ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ นั่งเก้าอี้นายกฯ อีก ดังนั้นจึงขอตัดสินใจลาออก อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาแบบทั่วไป ชัดเจนว่าการประกาศดังกล่าวมีผลทางการเมือง อย่างน้อยได้ใจมวลชนที่สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ ซึ่งจะยังสนับสนุนต่อไป เพราะเป็นคนรักษาสัจจะคำพูด
พูดคำไหนเป็นคำนั้น
เมื่อไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ แต่วันหนึ่งพรรคที่สังกัดมีมติสวนทาง ก็ต้องโชว์สปิริตรับผิดชอบกับคำพูดของตัวเอง ขณะเดียวกันบรรดาแฟนคลับส่วนหนึ่งอาจไม่พอใจนักหรือรู้สึกเสียดายกับการตัดสินใจเช่นนี้ โดยมองว่า “อภิสิทธิ์” ยังสามารถทำประโยชน์ให้ประชาชนและประเทศชาติได้อีกมากมาย
แต่ก็มีคนคอยซ้ำ ย่ำคนล้ม เช่นกัน โดยเฉพาะในซีกนักการเมืองจากขั้วตรงข้าม ส.ส.จากพรรคคู่แค้นอย่างพรรคเพื่อไทย “การุณ โหสกุล” และ “วัน อยู่บำรุง” ซึ่งทั้ง 2 เป็น ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กชัดเจน “แน่จริง ต้องลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคด้วย” ซึ่งเป็นการจับไต๋ท่าทีการลาออกจาก ส.ส.ว่ายังไม่จบ และยังมีภาคต่อให้ติดตาม
ซึ่งความจริงอาจมองเช่นนั้นได้ เพราะการไม่มี “อภิสิทธิ์” เป็น ส.ส.นั่งขวางในสภาฯ ทำให้ ส.ส.ภายในพรรคหลายคนสบายใจขึ้น เมื่อเห็น “อภิสิทธิ์” ก็เหมือนเห็นหลักการ ซึ่งที่ผ่านมาติดคอ ส.ส.ฝั่งต้องการร่วมรัฐบาล
เมื่อไร้เงาอดีตหัวหน้าพรรคก็ทำอะไรสะดวกขึ้น อย่างน้อยดีกรีกอดหลักการลดน้อยลง และนำประโยชน์เรื่องเศรษฐกิจปากท้องของพี่น้องประชาชนด้วยการยืนอยู่ในฝ่ายรัฐบาลมาก่อน โดยหวังจะได้นำงบประมาณลงพื้นที่ให้ชาวบ้านได้มากขึ้น และบางคนอาจได้สมดั่งใจหวังครั้งหนึ่งในชีวิตได้ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีกระทรวงนั้นกระทรวงนี้
ประเด็นการลาออกของอภิสิทธิ์ในห้วงเวลาห่างกันไม่นานนักถึง 2 ครั้ง ลาออกจากหัวหน้าพรรค ล่าสุดมาลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถูกมองว่าเป็นการถอยเพื่อก้าวที่มั่นคงและยิ่งใหญ่อีกครั้ง รอการกลับมาของ “อภิสิทธิ์” อีกรอบหนึ่ง
หนึ่งในคนสนิทที่ใกล้ชิดอย่าง “เทพไท เสนพงศ์” ส.ส.นครศรีธรรมราช มองว่า “ในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ และร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ในการต่อสู้ทางการเมืองด้วยกันมาเป็นเวลาหลายปี รู้สึกใจหาย และเสียดายต่อการตัดสินใจทางการเมืองของท่านอภิสิทธิ์ในครั้งนี้ เพียงแต่คาดหวังว่า ในอนาคตข้างหน้าท่านคงจะกลับมารับใช้พี่น้องประชาชน และชาติบ้านเมืองอีกครั้ง การลาออกจาก ส.ส.ของท่านอภิสิทธิ์ในวันนี้ เป็นการยุติบทบาททางการเมืองในสภาฯ แต่ผมยังเชื่อว่าท่านยังคงมีบทบาททางการเมืองในฐานะสมาชิกพรรคคนหนึ่ง และเชื่อมั่นในตัวท่านว่า ยังเป็นบุคลากรที่สำคัญของสังคม จะร่วมกันขับเคลื่อนการเมืองภาคประชาสังคมต่อ”
ขณะที่ “อภิสิทธิ์” ก็บอกเอาไว้ตอนหนึ่งว่า “เมื่อถึงวันนี้แล้วผมเหลือทางเดียวที่จะรักษาเกียรติภูมิ ไม่ใช่เฉพาะผม แต่รวมถึงเกียรติภูมิของตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคที่มีคำขวัญว่า สัจจังเว อมตะวาจา ที่จะต้องรักษาคำพูดและรับผิดชอบกับคำพูดที่กล่าวไว้กับประชาชน เพราะการทำงานของผมนั้นยึดถืออุดมการณ์และหลักการเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่เป็นเรื่องของการเลื่อนลอย เพราะเชื่อว่าการมีอุดมการณ์และหลักการเท่านั้นถึงจะสร้างประโยชน์สุขให้กับประชาชนและประเทศชาติในระยะยาวได้”
ถ้าสังเกตให้ดีไม่มีคำพูดใดตรงไหนที่ประกาศว่าจะเลิกเล่นการเมือง เป็นแต่เพียงว่าขอห่างเวที ส.ส.เพียง 1 สมัยนี้เท่านั้น ในสมัยถัดๆ ไป คงได้เห็นอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ผู้นี้สร้างประโยชน์ให้ประเทศและประชาชนผ่านเวทีสภาฯ อีกรอบ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |