ต้มเปื่อยคนอีสาน กาพท.ได้‘ธนาธร’


เพิ่มเพื่อน    

 "พท." เคลียร์ใจ ส.ส.พรรค หนุน "ธนาธร" ชิงเก้าอี้นายกฯ "ภูมิธรรม" อ้างกติกาทำไปไม่ถึงเป้า ยันไม่ได้หลอกชาวบ้าน "ยุทธพงศ์" พ้อผิดสัญญาทำกลับอีสานไม่ได้ ป่วนแน่! "ชูศักดิ์" ตั้งทีมอภิปรายยาว "พ่อฟ้า" ลั่นพร้อมสู้ "บิ๊กตู่" ขอโอกาสโชว์วิสัยทัศน์ในสภา สะกิด "ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย" เปลี่ยนใจยังทัน "เพื่อชาติ" เตือนใครงูเห่าหมดอนาคตการเมือง แถมบาปติดตัว

    ที่พรรคเพื่อไทย วันที่ 4 มิ.ย. เวลา 10.15 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงความพร้อมของ 7 พรรคการเมืองในการเสนอชื่อบุคคลเข้าร่วมโหวตชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า  ในช่วงเช้าวันนี้พรรคเพื่อไทยมีการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคและคณะกรรมการชุดต่างๆ และจะหารือถึงผู้ที่มีความเหมาะสมของ 7 พรรคการเมืองที่จะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามที่ทั้งสองสภาจะมีการประชุมร่วมกันในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ 
    นายภูมิธรรมกล่าวว่า จากการหารือของ 7 พรรคการเมืองเมื่อครั้งที่แล้ว พรรคการเมืองต่างๆ ยังมั่นใจได้ข้อตกลงที่จะให้พรรคเพื่อไทยกับพรรคอนาคตใหม่เป็นผู้หารือว่าจะส่งใครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากการประชุมเมื่อได้ข้อยุติแล้ว ในช่วงบ่ายจะนำข้อหารือไปแจ้งต่อพรรคอนาคตใหม่ต่อไป 
    "กรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย พรรคไม่ได้ส่งรายชื่อ เนื่องจากคุณหญิงสุดารัตน์ได้ประกาศว่าจะไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ และคุณหญิงเองคงจะไม่ยอมตระบัดสัตย์ที่เคยให้ไว้ต่อสาธารณะด้วย" นายภูมิธรรมกล่าว
    ถามว่า ส.ส.อีสานพรรค พท.หลายคนต่างมีความเห็นอยากให้พรรคเสนอชื่อคุณหญิงสุดารัตน์ เลขาฯพรรค พท.กล่าวว่า พรรครับฟังความคิดเห็น ส.ส.ทุกคนจากการที่ ส.ส.ไปพบปะชาวบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่า และเป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจ ในการประชุมของพรรคในช่วงเช้าจะมีการพูดคุยถึง 2 เรื่อง คือปัญหาความต้องการของประชาชนที่ได้สะท้อนมาอยากให้พรรคเพื่อไทยแก้ปัญหา และเรื่องความร่วมมือของ 7 พรรคการเมืองที่จะไปร่วมต่อสู้กันในสภา  เราจะหาทางออกที่ดีที่สุด เพื่อสะท้อนเจตจำนงของประชาชน เพื่อจะปฏิเสธกฎเกณฑ์ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
    ซักว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มีความเหมาะสมหรือไม่ และมีอุปสรรคทางข้อกฎหมายประการใดหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ทั้ง 7 พรรคการเมือง ผู้นำ หัวหน้าแต่ละพรรค ล้วนมีคุณสมบัติครบถ้วน มีความพร้อมเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นคุณหญิงสุดารัตน์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย 3 คน แม้ไม่ได้เป็น ส.ส. แต่ยังมีคุณสมบัติครบถ้วน  พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ก็เหมาะสม เพียงแต่ติดข้อกฎหมาย ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ไม่ได้ เพราะมี ส.ส.ไม่ถึง 25 คน 
    "นายธนาธรต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็ยังถือว่ามีคุณสมบัติ สามารถเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ จากนี้ไปทุกพรคต้องไปทำความเข้าใจ กฎกติกาที่เป็นแบบนี้ จะเลือกผู้นำเฉพาะหน้า ไปสู้กันในสภาอย่างไร" นายภูมิธรรมกล่าว
    ต่อมาเวลา 13.00 น. พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค พท. นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค, นายภูมิธรรม นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย ร่วมประชุมกับ ส.ส.จากทุกภูมิภาค เพื่อเตรียมความพร้อมในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
ส่ง'ธนาธร'ชิงนายกฯ
    มีรายงานว่า เริ่มการประชุมนายภูมิธรรม ได้แจ้งผลหารือที่ได้ไปร่วมคุยกับ 7 พรรคการเมือง ถึงการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ตอนหนึ่งระบุว่า พรรคมอบหมายให้หัวหน้าพรรค ตน และคุณหญิงสุดารัตน์ ร่วมหารือกับตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เราต้องดึงเจตนารมณ์ที่ประชาชนมอบผ่านส.ส. มาว่าเขาคิดอย่างไร อยากเห็นประเทศเดินไปทางไหน ขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึง 7 พรรคการเมือง ที่เราต้องร่วมมือกันที่อยากให้ประเทศหลุดพ้นกับสภาพที่ไม่เป็นประชาธิปไตย หลุดพ้นการสืบทอดอำนาจ 
    "พรรค พท.ในฐานะพรรคการเมืองใหญ่ในฝ่ายประชาธิปไตย จะผลักดันเจตนารมณ์ประชาชนให้เป็นจริง ช่วงเช้าคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ผู้แทนวิปชั่วคราวที่จะทำหน้าที่ในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่คุยกัน ได้คำนึงถึงสถานการณ์ปัจจุบันทั้งหมดที่เราจะต้องมาร่วมมือกัน กับการที่ผู้อำนาจเดิม มีความพยายามยึดครองอำนาจต่อไป" นายภูมิธรรมกล่าวในที่ประชุม 
    จากนั้น นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรค พท. ได้ลุกขึ้นกล่าวต่อที่ประชุมทันทีว่า มี 4 เหตุผลที่จะนำเรียนต่อทางพรรคเหตุใดเราต้องสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเรา
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงที่นายยุทธพงศ์กำลังจะแจกแจงเหตุผลที่ต้องสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พท. ปรากฏว่า พล.ต.ท.วิโรจน์กล่าวขึ้นมาทันทีว่า "เดี๋ยวครับท่านยุทธพงศ์ อย่าเพิ่งพูดครับ ขอให้สื่อมวลชนได้ออกจากห้องประชุมไปก่อน" จากนั้นสื่อมือชนก็ถูกเชิญออกจากห้อง และที่ประชุมก็หารือกันต่อไป   
    กระทั่งเวลา 16.10 น. นายภูมิธรรมแถลงผลการประชุม ส.ส.ของพรรคว่า ที่ประชุมได้มีการพูดคุยใน 2 เรื่องใหญ่ๆ คือ 1.การทำหน้าที่ในสภาเพื่อโหวตนายกฯ ในวันที่ 5 มิ.ย. และ 2.การตัดสินใจส่งบุคคลชิงนายกฯ หรือไม่ แม้พรรค พท.จะได้ ส.ส.เป็นอันดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ เนื่องจากกติกาที่พิกลพิการ เราจึงจำเป็นที่จะต้องประสานกับพรรคต่างๆ ซึ่งพรรคได้ตั้งเป้าหมายไว้ คือไม่ให้มีการสืบทอดอำนาจ แก้รัฐธรรมนูญโดยเฉพาะการให้ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ และกฎกติกาต่างๆ ที่ถูกออกแบบมาให้เป็นอุปสรรคต่อการเลือกตั้ง 
    "เราจึงมีมติว่าในการโหวตเลือกนายกฯ ในวันที่ 5 มิ.ย. พรรค พท.จะไม่เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ แข่งในสภา และจะสนับสนุนแนวทางของทั้ง 7 พรรคที่เปิดโอกาสให้นายธนาธร หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้แข่งขันกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรายังรักษาสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะไม่เป็นเงื่อนไข โดยไม่ขอรับตำแหน่งใดๆทั้งสิ้น เพื่อทำให้แนวร่วมที่จับร่วมมือกันได้หาทางคลี่คลายกฎกติกา รัฐธรรมนูญที่เป็นปัญหา เป็นอุปสรรคของประเทศ" นายภูมิธรรมกล่าว
    ถามว่า การที่พรรคไม่เสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯจะตอบชาวบ้านอย่างไร เลขาฯ พรรค พท.กล่าวว่า  เรื่องนี้ที่ประชุมถกเถียงกันมาก แต่คิดว่าชาวบ้านเข้าใจ เพราะประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ไม่อยากเห็น พล.อ.ประยุทธ์ยังทำหน้าที่อยู่
    ซักว่า ส.ส.อีสานต้องการให้พรรคส่งคุณหญิงสุดารัตน์ลงแข่งขันในนามพรรค นายภูมิธรรมกล่าวว่า ที่ประชุมมีเสียงแตกเป็นหลายส่วน แต่เมื่อพิจารณาแล้วเราต้องหวงแหนความร่วมมือกันของทั้ง 7 พรรคเอาไว้ เพื่อแก้ไขปัญหาในอนาคต ทุกคนก็เห็นพ้องตรงกันจะต้องเดินไปตามมติของพรรค 
    เมื่อถามว่า จะถูกมองว่าเลือกเพื่อไทย แต่ได้ธนาธรหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า อันนี้ตนไม่ได้พูด คุณพูดเอง ไม่ได้พูดว่าเลือกเราได้ใคร แต่เราต้องฝ่าวิกฤติและรัฐธรรมนูญที่พิกลพิการ การร่วมมือของพวกเรา เพื่อร่วมฟันฝ่า ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ นอกจากนี้ส่วนตัวมองว่าคนจะมาเป็นผู้นำ ก่อนจะโหวตควรแสดงวิสัยทัศน์ ควรบอกประชาชนว่าจะจากนี้จะทำอะไรให้กับสังคมด้วยวิธีการอย่างไร
พ่อฟ้าขอโชว์วิสัยทัศน์
    ด้านนายชูศักดิ์กล่าวว่า พรรค พท.เตรียมประเด็นเสนอญัตติอภิปรายนายกฯ หลายประเด็น อาทิ คุณสมบัติต้องห้ามนายกฯ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 หรือไม่ กรณี พล.อ.ประยุทธ์คัดเลือก ส.ว. 250 คน แล้วมาเลือก พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งดูแล้วไม่เป็นกลางทางการเมืองจะเข้าข่ายขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือไม่ ส่วนการอภิปรายจะวุ่นวายหรือไม่ อยู่ที่การควบคุมของประธานสภาฯ และอยู่ที่ว่าจะมีการเปิดให้อภิปรายอย่างกว้างขวางหรือไม่
    ถามว่า ประเด็นที่พรรคเพื่อไทยเตรียมไว้มีมากคาดว่ากระบวนการเลือกนายกฯ จะจบในวันที่ 5 มิ.ย.หรือไม่ ปธ.คณะทำงานฝ่ายกฎหมายฯ กล่าวว่า ดูแล้วประเด็นที่จะอภิปรายมีอย่างกว้างขวาง ไม่มั่นใจว่าจะจบ  
    ขณะที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรค พท. ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคไม่เสนอชื่อคุณหญิงสุดารัตน์ ตนคงจะตอบคำถามคนอีสานไม่ได้ เพราะตอนหาเสียงเลือกตั้ง บอกคนอีสานมาตลอดว่าจะเอาคุณหญิงสุดารัตน์เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของไทย ถ้าไม่เอาคุณหญิงสุดารัตน์ขึ้นชิงนายกรัฐมนตรี คงกลับบ้านที่อีสานไม่ได้
    ที่อาคารไทยซัมมิท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) แถลงว่า วันที่ 5 มิ.ย.เป็นวันสำคัญของประเทศไทยในการชี้ทิศทางของประเทศจะเดินทางไปในทิศทางใด จะอยู่กับระบอบ คสช. หรือจะเลือกนำประเทศไทยกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตยอีกครั้ง ซึ่ง ส.ส.จากพรรคอนาคตใหม่จะเสนอชื่อตนเป็นนายกรัฐมนตรี 
    “ผมพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรี ในโอกาสนี้ผมขอขอบคุณพรรคเพื่อไทย พรรคที่ได้รับเสียงจากประชาชน ทำให้มีจำนวน ส.ส.มากที่สุด แสดงสปิริตที่น่ายกย่อง ไม่ผูกมัดกับผลประโยชน์ ซึ่งนี่เป็นการแสดงออกทางการเมืองที่น่านับถือ ผมขอขอบคุณ ส.ส.เพื่อไทยทุกท่านที่ให้โอกาสให้เรา รวมทั้งพรรคการเมืองและ ส.ส.ที่ร่วมลงนามสัตยาบันต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.ทั้ง 7 พรรค ผมซาบซึ้งใจและจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด” นายธนาธรกล่าว
    หัวหน้าพรรค อนค.กล่าวว่า สำหรับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย ตนจะได้รับเสนอชื่อเป็นแดนดิเดตนายกฯ ยังไม่สายเกินไปที่ทั้ง 2 พรรคจะตัดสินใจให้ถูกต้อง และเลือกเดินไปกับประชาชน หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. นี่คือวินาที ประวัติศาสตร์ ที่ชี้ขาดอนาคตของประเทศ ทั้ง 2 พรรคจะมีโอกาสพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง
    “ผมอยากเชิญชวนทั้ง 2 พรรคให้ตัดสินแบบที่ตนเองได้หาเสียงและสัญญาไว้กับพี่น้องประชาชน เราพร้อมทำงานกับทั้ง 2 พรรค พร้อมยืดหยุ่นในการพูดคุยต่อรอง เพราะเราเห็นว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับประเทศ คือการนำประเทศกลับสู่ประชาธิปไตย ซึ่งก้าวแรกที่จะทำแบบนั้นได้ คือการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช.” หัวหน้าพรรค อนค.กล่าว
    นายธนาธรกล่าวว่า ตนพร้อมจะแสดงวิสัยทัศน์ต่อสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเชื่อว่าสมาชิกสภาและพี่น้องประชาชนมีทั้งสิทธิและความชอบธรรมที่จะได้รับฟังผู้ที่เสนอตัวเองเป็นายกฯ ว่าคนที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นคนต่อไป มีวิสัยทัศน์อย่างไร หากสภามีมติ อนุมัติตนจะรออยู่ที่สภา ไม่ว่าคุณประยุทธ์จะมาหรือไม่ก็ตาม 
    "อย่าให้ใครมาหลอกว่าเลือกนายกฯ แล้วจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ปัญหาเศรษฐกิจแก้ไม่ได้ภายใต้เผด็จการ การเมืองที่ดีจะนำมาซึ่งเศรษฐกิจที่ดี” นายธนาธรกล่าว
ใครงูเห่าบาปติดตัว
    ถามว่า กังวลหรือไม่ว่าหลังจากที่ถูกเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ แล้วจะถูกอำนาจพิเศษทางการเมืองเข้าแทรกแซง นายธนาธรกล่าวว่า ไม่กังวล และมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง รวมถึงพร้อมชี้แจงทุกคดีและข้อร้องเรียน นอกจากนั้นยังพร้อมให้มีการอภิปรายเรื่องคุณสมบัติของตนในการเป็นแคนดิเดตนายกฯ และขอยืนยันคดีของตนนั้นเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ไม่ใช่คุณสมบัติของการเป็นแคนดิเดตนายกฯ
    ด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค อนค. กล่าวตอนหนึ่งในการเสวนาโต๊ะกลม "ข้อเสนอการเลือกนายกรัฐมนตรี ร่วมกำหนดวาระการเมืองที่ประชาชนเป็นศูนย์กลาง" จัดขึ้นโดยคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และเครือข่ายประชาสังคมว่า สิ่งที่กังวลคือสุดท้ายการเลือกนายกฯ กลายเป็นหวยล็อกไปแล้ว ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากในอดีต โดยเริ่มที่ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ มี ส.ว.แต่งตั้งเพื่อเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจ ที่พิเศษกว่าเดิมคือรัฐธรรมนูญ 60  ที่เกิดขึ้นล้มล้างสิ่งที่พฤษภา 35 ทำไว้คือนายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง ตรงนี้ใครกล้าพูดเต็มปากได้ว่านายกฯ มาจากการเลือกตั้ง
    "เมื่อวันก่อนมีคนพูดว่าถ้า พปชร.ไม่ได้ภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์เข้ามาก็จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย มีนายกฯ มาจาก ส.ว.ลากตั้ง หากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วไปไม่ไหวก็จะไม่ยุบสภา แต่จะให้ ส.ว.เลือกตั้ง เลือกนายกฯ คนเดิมเข้ามาใหม่จนครบวาระ การพูดเช่นนี้มีความมั่นหน้ามาก อยากถามว่าเห็นหัวประชาชนหรือไม่ จึงเหลือแค่พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเคยเป็นพรรคเทพในเหตุการณ์พฤษภา 35 และพรรคภูมิใจไทยที่จะทำให้หวยล็อกกลายเป็นหวยพลิกล็อก ถ้าไม่เป็นแบบนั้น ประชาชนก็จะโกรธแค้น ไม่มีทางออก เพราะเลือกตั้งไม่มีความหมาย ระบบรัฐสภาจะตกต่ำลง ประชาชนก็ต้องลงสู่ท้องถนน ซึ่งการเมืองเดินขบวนบนท้องถนนก็เป็นหนึ่งในระบอบประชาธิปไตย" น.ส.พรรณิการ์กล่าว
    ที่พรรคเพื่อชาติ (พ.ช.) ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรค พ.ช. กล่าวว่า ในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ อยากให้สังคมช่วยกันจับตาดูว่า ส.ส.คนใดหรือพรรคการเมืองไหนที่ได้รับเลือกจากประชาชนเข้าไปเป็นตัวแทน แล้วทรยศหักหลังเพียงเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์อยู่เหนือความชอบธรรมทางการเมือง ซึ่งปรากฏการณ์งูเห่าในยุค 4.0 นี้ ไม่ว่าจะเป็นงูเห่าเดี่ยว งูเห่าคู่ งูเห่ายกก๊วน หรืองูเห่ายกพรรคก็ตาม ถ้าเกิดขึ้นจริง ล้วนถือเป็นการตระบัดสัตย์ต่ออุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคที่หาเสียงไว้กับพี่น้องประชาชนที่เลือกเข้ามา 
    "ขอเตือนระวังอนาคตทางการเมืองจะจบไม่สวย จะมีตราบาปติดตัว บันทึกลงประวัติศาสตร์การเมืองไทย ลูก หลาน เหลน โหลน จะสามารถค้นกูเกิลและพบตราบาปนี้ไปตลอดกาล" รองหัวหน้าพรรค พ.ช.กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"