โป๊ะแตก! “วีรชน” แฉธนาธรฟังความข้างเดียว ซ้ำร้ายเป็นพวกเข้าข่ายทำผิดกฎหมาย เพจลุงตู่ตูนอัดพูดยั่วยุให้เข้าใจผิดทำให้ประเทศล่มจม "ช่อ ส้มหวาน" ท้าพิสูจน์ใครข้อมูลแม่นกว่า “เด็ก พปชร.” ชำแหละคำขอโทษพ่อฟ้าเรื่อง ส.ส.ตลาดล่าง เหมือนพวกปากว่าตาขยิบ 
          เมื่อวันอาทิตย์ ยังคงมีความต่อเนื่องจากกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) วิจารณ์การแก้ไขปัญหาการทำประมงของรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่าทำให้ชาวประมงสูญเสียรายได้และเสียโอกาสในการประกอบอาชีพ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ได้มีมอบหมายให้ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ชี้แจงกรณีดังกล่าว 
          โดย พล.ท.วีรชนระบุว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่าจากภาพและคลิปที่เจ้าหน้าที่รวบรวมมาพบว่า กลุ่มคนที่มาให้ข้อมูลกับนายธนาธรนั้น ส่วนใหญ่เข้าข่ายทำผิดกฎหมาย บางคนถูกศาลสั่งลงโทษปรับกว่า 500 ล้านบาท หลายคนถูกสั่งยึดเรือ เพราะไปทำความผิดในน่านน้ำสากล ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาการค้ามนุษย์ ฟอกปลา และขโมยปลา ดังนั้นจึงเป็นการรับฟังข้อมูลด้านเดียว และดูเหมือนจะจงใจลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ตามที่นายธนาธรเคยพูดไว้ว่าจะทำงานนอกสภา แต่กลับฟังข้อมูลไม่ครบถ้วน
“พล.อ.ประยุทธ์รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และยืนยันว่าหากรัฐบาลไม่แก้ไขปัญหา IUU อย่างจริงจัง ประเทศไทยจะเจอวิกฤติด้านการประมงอย่างใหญ่หลวง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงใครจะรับผิดชอบ ในทางตรงกันข้ามปี 2561 เราจับปลาได้เพิ่มขึ้นถึง 2 แสนตัน ในจำนวนนี้ปลาที่ชาวประมงพื้นบ้านรายย่อยจับได้มีถึง 15,000 ตัน ส่วนเรือประมงพาณิชย์ได้เพิ่มวันจับปลาให้กว่า 100 วัน สะท้อนว่าจำนวนสัตว์น้ำของไทยเริ่มกลับมาอุดมสมบูรณ์ ไม่มีปัญหาเรื่องเรือเถื่อน ชาวประมงมีโอกาสทางอาชีพเพิ่มขึ้น” พล.ท.วีรชนกล่าวและว่า ความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะพี่น้องชาวประมงที่ทำถูกกฎหมาย ทำให้อันดับการค้ามนุษย์ของไทยเลื่อนจากเทียร์ 3 มาเป็นเทียร์ 2 แล้ว ดังนั้น การออกมาคัดค้านต่อต้านของผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขปัญหาหรืออยากให้แก้ไขกฎหมายเพื่อกลับไปทำผิดเหมือนเดิมนั้น เท่ากับส่งเสริมให้เกิดปัญหาการค้ามนุษย์ขึ้นอีกหรือไม่ จึงอยากให้สังคมตรึกตรองเรื่องนี้
          เพจเฟซบุ๊กลุงตู่ตูน ที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ได้โพสต์ภาพและข้อความชี้แจงกรณีดังกล่าวด้วยเช่นกัน โดยระบุว่า การดำเนินการที่ผ่านมาของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เป็นการแก้ปัญหาไม่รอช้า โดยการออกคำสั่งหัวหน้า คสช.แก้ปัญหาเร่งด่วน ออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประมง 2 ฉบับ และออก พ.ร.ก.บริหารแรงงานต่างด้าว กำหนดให้เรือประมงบันทึกข้อมูลเพื่อให้ตรวจสอบย้อนกลับได้ ห้ามจับสัตว์น้ำต้องห้าม ห้ามเรือที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนออกจับปลา ซื้อเรือประมงที่ไม่ได้มาตรฐานคืนจากประชาชน จนต้นปี 2562 ทางไอยูยูประกาศปลดใบเหลืองประมงไทยเป็นทางการ 
          “รัฐบาลลุงตู่ไม่ได้ทอดทิ้งชาวประมง มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อดูแลประมงพื้นบ้านเพื่อเป็นแหล่งเงินทุน ให้ชาวประมงนำไปปรับเปลี่ยนอาชีพ และจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ ปัญหาฝังรากลึก หากไม่แก้ให้ถูกต้อง ประเทศจะเสียหาย หากพูดยั่วยุให้เข้าใจผิด ประเทศจะล่มจม” เพจลุงตู่ตูนระบุ
          ด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค อนค. ระบุว่า ยืนยันว่าพรรคศึกษาเรื่องนโยบายประมงมาเป็นอย่างดี ถือเป็นหนึ่งในนโยบายที่พรรครับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนมากที่สุด ซึ่งเห็นได้ว่าในพื้นที่ที่มีการทำประมงอยู่เยอะ เช่น จ.ฉะเชิงเทรา สมุทรสาคร และจังหวัดในภาคตะวันออก ล้วนเป็นพื้นที่ที่พรรคได้คะแนนเสียงจำนวนมาก หมายความว่า นโยบายของพรรคเรื่องการประมงได้รับการยอมรับ นอกจากนั้น ในการพูดถึงประเด็นนี้ทุกครั้ง พรรคก็รัดกุม เพราะคำนึงว่าเรื่องนี้มีผลกระทบทั้งต่อกลุ่มแรงงาน สหภาพยุโรป (อียู) และรัฐบาล ฉะนั้นไม่ว่ารัฐบาลจะบอกมาว่าอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลชี้แจง แต่ในส่วนของพรรคเรารู้ว่ากำลังพูดในฐานะนักการเมือง ซึ่งต้องมีความรับผิดชอบ คงไม่พูดอะไรที่เราไม่ได้ตรวจสอบหรือเป็นข้อมูลเท็จ
          "ความเสียหายที่เกิดขึ้นในช่วงที่ คสช.ออกกฎหมายหลายร้อยฉบับนั้น มีตัวเลขที่ชัดเจนว่ามีคนตกงานเท่าไหร่ เรือประมงต้องหยุดอยู่กี่พันลำ ท่าเรือต้องปิดไปกี่แห่ง จึงพูดได้ว่าการประมงพังทลายทั้งประเทศ ซึ่งสื่อมวลชนสามารถไปสัมภาษณ์ชาวประมงสัก 2-3 จังหวัด แล้วจะทราบเองว่าใครเป็นฝั่งที่มีข้อมูลแม่นยำกว่ากัน"
วันเดียวกัน ยังคงมีความต่อเนื่องกรณี ส.ส.ตลาดล่างของลูกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) โดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม สมาชิกพรรค ปชป. โพสต์เฟซบุ๊ก ว่าวันก่อนหัวหน้าพรรคนี้บอกว่าจะทำให้ทุกคนเท่าเทียมกัน แต่ลูกพรรคกลับมอง ส.ส.ที่ออกงานศพ #ส.ส.ตลาดล่าง แม้แต่ ส.ส.ยังถูกมองไม่เท่าเทียมกัน ทราบว่ามีการออกมาขอโทษ แต่สิ่งที่ต้องตระหนักคือ สังคมไทยกำลังถูกท้าทายหลายๆ อย่าง ที่เราต้องช่วยกันปกป้อง
          ส่วนนายธันวา ไกรฤกษ์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อถึงนายธนาธรที่ออกมาขอโทษแทนลูกพรรคว่า ทำถูกต้องและถูกใจมากจนอยากลาออกจากพรรค พปชร.ไปสมัครสมาชิกพรรค อนค.จริงๆ แต่พอมานั่งทบทวนถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา ซึ่งนายธนาธรและทีมงานได้กระทำก็ชักไม่แน่ใจ เพราะหากเอาประเด็นที่ขอโทษมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง อย่างกรณีอย่ายกตนเหนือคนอื่น และอย่าชมกันเองจนเกินงาม ก็เห็นว่าเพจข่าวใหญ่ๆ รวมถึงเพจวาไรตี้ที่สนับสนุนมักโพสต์ภาพใส่รองเท้าแตะหูหนีบ เปลี่ยนยางรถ กรีดยาง เหงื่อแตกจนเสื้อเปียก และล่าสุดคือตักข้าวต้มกิน ประหนึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งพิเศษที่เกิดขึ้นบนโลกโดยชายผู้สูงส่ง ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ทำไมไม่ห้ามปรามเหมือนคราวนี้
         นายธันวาโพสต์อีกว่า กรณีอย่าหยาบคายต่อผู้อื่นแม้ความเห็นไม่ตรงกัน ทำไมกลุ่มผู้สนับสนุนพรรค อนค.มักหยาบคายต่อผู้อื่นอย่างรุนแรง แล้วก็ไม่เคยเห็นออกมาห้ามปรามหรือแสดงความคิดเห็นใดๆ ในเรื่องนี้ โดยความรุนแรงนั้นนอกจากหยาบคายแล้ว ยังดูถูกดูแคลนผู้อื่น โดยเฉพาะผู้มีวัยวุฒิมากกว่า จนบางกรณีลุกลามไปถึงบุพการีด้วยซ้ำไป
          “คุณออกมากล่าวขอโทษและอบรมลูกพรรค แต่ทำไมที่ผ่านมาคุณไม่เคยออกมากล่าวขอโทษในพฤติกรรมที่เพื่อนของคุณ, ผู้มีอุดมการณ์ร่วมกับคุณ, สมาชิกพรรคของคุณ, กลุ่มผู้สนับสนุนของคุณ และทีมงานปั่นกระแสไม่รู้ของคุณหรือเปล่าได้ด่าทอ ดูถูกเหยียดหยามและคุกคามต่อสถาบัน ผู้ทรงคุณวุฒิ รวมถึงประชาชนผู้เห็นต่างเลยสักครั้ง ในทางตรงกันข้ามกลับเพิ่มระดับมากขึ้นทุกวัน ซึ่งความขัดแย้งที่เกิดจากชุดความคิดและวาทกรรมบิดเบือนต่างๆ นั้น แม้ทำให้คุณได้มวลชนมากขึ้นก็จริงอยู่ แต่อย่าลืมว่าความเสียหายที่เกิดต่อคนในชาตินั้นมากมายมหาศาลยิ่งกว่า” นายธันวาโพสต์ และว่า อยากเห็นนักการเมืองโดยเฉพาะนักการเมืองรุ่นใหม่ ต่อสู้กันบนพื้นฐานการคำนึงถึงจิตใจและสำนึกของคนในชาติ โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนที่รับรู้ข้อมูลข่าวสารผ่านโซเชียลมีเดียทั้งวัน จะโตขึ้นมาพร้อมกับทัศนคติแบบไหน เมื่อเห็นแต่เฮทสปีชเต็มไปหมด ซึ่งชัยชนะที่แท้จริงและความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ไม่อาจได้มาด้วยการสร้างความเกลียดชังและวิธีการที่สกปรก.