เมื่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิงไปเยือนบริษัท JL MAG Rare-Earth Co. Ltd. ซึ่งเป็นแหล่งผลิตและการดำเนินงานการพัฒนาอุตสาหกรรม "สินแร่หายาก" ในจังหวะที่สงครามการค้ากับอเมริกากำลังร้อนแรง ก็ย่อมกลายเป็นประเด็นให้ตีความทางการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ยิ่งคนที่เดินเคียงคู่ในการไปเยือนครั้งนี้คือ รองนายกฯ หลิว เฮ่อ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมเจรจาประเด็นสงครามการค้ากับอเมริกาด้วย ก็ยิ่งทำให้ตีความกันได้อย่างดุเดือดมากขึ้นไปอีก
สำนักข่าวซินหัวรายงานไว้อย่างน่าสนใจว่า
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2019 ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเดินทางไปเยี่ยมชม และรับฟังข้อมูลจากบริษัท JL MAG Rare-Earth Co. Ltd. ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองก้านโจว มณฑลเจียงซี ก็ถือโอกาสแสดงความเห็นเป็นแนวทางนโยบายแห่งรัฐว่า
หัวใจของการดำเนินนโยบายสำหรับประเทศจีนคือ การให้ความสำคัญกับปัญหาภายในของตนเอง จำเป็นต้องมีความพยายามร่วมกันเพื่อผลักดันการปฏิรูปและการพัฒนา ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสูงของภาคการผลิต เร่งการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล อินเทอร์เน็ต และเทคโนโลยีอัจฉริยะในทุกพื้นที่
ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ ที่ผู้นำจีนคนนี้เน้นว่าการมีสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาและเทคโนโลยีหลักที่เป็นอิสระของตนเอง จะเป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศมีศักยภาพและสามารถประสบความสำเร็จท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้นดุเดือดในระดับสากลได้
สี จิ้นผิงให้น้ำหนักรัฐวิสาหกิจของจีน ที่จะต้องสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่จำเป็นต้องเร่งฝีเท้าด้านนี้เพื่อความอยู่รอด และทำให้เกิดความสามารถในการแข่งขัน
ก่อนหน้านี้ รัฐวิสาหกิจใดที่ขาดทุนต่อเนื่อง ไร้อนาคต และเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา ก็จะถูกลดขนาดหรือเลิกไปเลยเพื่อไม่ให้กลายเป็นภาระทางด้านงบประมาณรายจ่าย
ผู้นำจีนย้ำว่าทุกฝ่ายจะต้องใช้ความพยายามมากขึ้น ในการส่งเสริมความสามารถด้านนวัตกรรมที่เป็นอิสระของตนเอง
ความหมายคือจะต้องไม่พึ่งพาต่างชาติ เพื่อว่าหากเผชิญกับการข่มขู่คุกคามหรือแรงกดดันอย่างที่จีนกำลังเผชิญอยู่กับสหรัฐฯ จะได้ไม่ตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนกหรือมีอันต้องสวามิภักดิ์ต่อแรงบีบจากข้างนอก
ที่ชัดเจนว่าสี จิ้นผิงเอาจริง คือคำประกาศว่าเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่านี้ รัฐบาลต้องสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ "มีเสถียรภาพ มั่นคง ยุติธรรม และโปร่งใส"
อีกทั้งยังต้องให้ความช่วยเหลือองค์กรเอกชน บริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมในการจัดการปัญหาด้านการเงินอีกด้วย
เป็นการตอกย้ำว่ารัฐบาลจะให้ความสำคัญต่อเอกชนและ SMEs มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
พอเอ่ยถึง "สินแร่หายาก" สี จิ้นผิงก็ย้ำว่านั่นเป็น "ทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์" ที่มีคุณค่ายิ่ง เพราะไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก จึงต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการใช้ประโยชน์ อีกทั้งยังต้องประยุกต์ใช้และสร้างมูลค่าเพิ่ม
แต่ต้องไม่ลืมว่าจะต้องอนุรักษ์และปกป้องสิ่งแวดล้อมเพื่อให้บรรลุการพัฒนาสีเขียวและยั่งยืนพร้อม ๆ กันไปด้วย
นี่เป็นวาทะของผู้นำจีนยุคนี้ ที่ต้องใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชนมากกว่าที่เคยเป็นมาอย่างชัดเจน
การไปเยือนเหมืองแร่ rare earth ของสี จิ้นผิงครั้งนี้ แน่นอนว่าถูกจับตามองจากสื่อและนักวิเคราะห์อย่างกว้างขวาง
ทำไมหรือ?
เพราะการปรากฏตัวที่บริษัท JL MAG Rare-Earth Co. Ltd. ที่ผลิตสินแร่หายากหรือ rare earth นั้น ถูกตีความว่าผู้นำจีนต้องการจะส่งสัญญาณถึงอเมริกาว่าจีนมีทรัพยากรที่สหรัฐฯ ต้องการสำหรับอุตสาหกรรมหลายด้าน
เพราะสินแร่ rare earth เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตชิปคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ด้วย
น่าสังเกตว่าอเมริกาไม่ได้รวม rare earth อยู่ในบัญชีเพิ่มภาษีนำเข้า
เหตุก็เป็นเพราะสหรัฐฯ ยังมีความจำเป็นต้องนำเข้าแร่เหล่านี้จากจีน และวอชิงตันก็ตระหนักดีว่าจีนเป็นผู้ผลิตแร่หายากนี้ถึง 90% ของโลก
แต่ประเด็นที่น่าวิเคราะห์เพิ่มเติมก็คือ "วิธีคิด" ที่สี จิ้นผิงประกาศในการเยือนเหมืองสินแร่หายากครั้งนี้ ว่าแม้จีนจะมีจังหวะที่สามารถพัฒนาเชิงกลยุทธ์ได้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก “แต่จีนก็เผชิญกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อนมากขึ้นไม่น้อย”
หัวใจของสารจากสี จิ้นผิงก็คือ
จีนต้องมองสถานการณ์วันนี้จากมุมมองระยะยาว และทำความเข้าใจกับปัจจัยที่ไม่เอื้ออำนวยทั้งในและต่างประเทศ
และต้องไม่ลืมว่าในท้ายที่สุดแล้วจีนจะต้อง "เตรียมพร้อมตั้งรับความยากลำบากที่อาจเกิดขึ้นในวันนี้และวันข้างหน้า"
กัปตันสี จิ้นผิงกำลังบอกประชาชนคนจีนว่า "อากาศข้างหน้ายังแปรปรวนต่อเนื่อง ทุกคนรัดเข็มขัดให้แน่นด้วย!"
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |