2 มิ.ย. 62 - นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การที่รัฐสภาปัจจุบัน อันประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฏร 500 คน และวุฒิสมาชิก 250 คน รวม 750 คน จะลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 5 มิ.ย. เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่ผ่านมาเราเลือกนายกรัฐมนตรีกันในสภาผู้แทนราษฏร ครั้งนี้แตกต่างจากอดีต เพื่อการสืบทอดอำนาจหรือไม่ คงไม่ต้องเถียงอะไรกันให้เมื่อยปาก ฝ่ายหนึ่งต้องการเสียงส.ส.เพียง126 คนก็ได้เป็นนายกแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งรวมเสียงส.ส.ได้มากกว่า 250 เสียงเกินครึ่งของสภาผู้แทนก็ยังเป็นนายกไม่ได้
สำหรับการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งนี้โดยภาพทางการเมือง ดูเหมือนจะเป็นงานสบายหมูๆ แต่ตนเห็นว่าเป็นงานหินเอามากๆ เพราะการเลือกนายกฯ มีความแตกต่างไปจากอดีต เดิมนายกฯ มาจากส.ส. ใครไม่ใช่ส.ส.ไม่มีสิทธิเป็นนายกฯ ครั้งนี้ให้รัฐสภาต้องเลือกนายกฯ จากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอตอนเลือกตั้งก่อน รัฐธรรมนูญกำหนดให้ผู้ถูกเสนอต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะเป็นรัฐมนตรี แสดงว่าบุคคลที่รัฐสภาจะพิจารณามีมติให้เป็นนายกฯ นั้นต้องพิจารณาเสียก่อนว่ามีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี คงไม่ใช่ถึงเวลาก็จะโหวตกันเลยว่าจะเลือกใคร เรียกได้ว่ารัฐสภาจะต้องพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเสียก่อน เมื่อให้รัฐสภาพิจารณา รัฐสภาก็ต้องตรวจสอบเพื่อไม่ให้การเลือกมีความผิดพลาด
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาปัญหาการดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ต้องห้ามมิให้เสนอให้เป็นนายกฯ เป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ต้องถือว่าเป็นประเด็นปัญหาที่ยังไม่มีข้อยุติชัดเจน เรื่องนี้รัฐสภาจะต้องวินิจฉัย ทั้งผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ใช่องค์กรวินิจฉัยตีความรัฐธรรมนูญที่จะเป็นข้อยุติสิ้นสุดผูกพันองค์กรอื่นๆ ได้ ปัญหาต่อมาคงต้องพิจารณากันโดยรอบคอบคือการที่ ส.ว. ชุดปัจจุบันนี้ ที่จะไปใช้สิทธิเลือกนายกฯ ในรัฐสภา ปัญหาการสรรหาที่ถูกกล่าวหาว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ กรรมการสรรหาไม่ใช่ผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่ใช่ผู้เป็นกลางทางการเมือง เรื่องใหญ่มากๆ คือการที่ หัวหน้าคสช. มาเป็นผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ โดยพรรคการเมือง จึงเกิดปรากฏการณ์ไม่ยอมเปิดเผยกรรมการสรรหากระบวนการสรรหา ภายหลังเห็นมีผู้เป็นกรรมการสรรหาไปเป็นส.ว.เสียเอง
“การที่หัวหน้า คสช. ซึ่งเป็นผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ โดยพรรคพลังประชารัฐ และเป็นผู้คัดเลือก ส.ว. จากกรรมการสรรหาเสนอมา เป็นผู้ลงนามรับสนองฯ และแล้วในที่สุด ส.ว. ทั้งหลายจะเป็นผู้มาเลือกตนเองให้เป็นนายกฯ ตามบัญชีที่พรรคการเมืองเสนอ ทำนองผลัดกันเกาหลัง ชงเองกินเอง จึงมีปัญหาว่า ส.ว. ผู้โหวตได้กระทำการอันขัดกันแห่งผลประโยชน์ มีสิทธิถูกร้องว่ากระทำผิดทั้งรัฐธรรมนูญและมาตรฐานทางจริยธรรม มีผลร้ายอย่างไรก็ไปเปิดรัฐธรรมนูญดูกันเอง ยังมีอีกหลายประเด็น จึงฟันธงว่าไม่หมู งานยาก อย่าคิดว่าเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจไว้ดีแล้ว อะไรที่มันผิดธรรมชาติ ดึงดันจะเอาแบบนี้ ที่สุดคืออวสาน เป็นกำลังใจให้ประธานการประชุม หวังว่าคงจะไม่รวบรัดให้โหวตกันไปแบบไม่ต้องพิจารณาประเด็นเหล่านี้เลย เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่จบแค่ใครจะได้เป็นนายกฯ" ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย ระบุ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |