2 มิ.ย.62-นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า วันที่ 4 มิ.ย.จะเป็นวันที่มีความสำคัญทางการเมืองไทยในยุคเปลี่ยนผ่าน จะเป็นวันที่ประชาชนทั่วประเทศเฝ้ารอคำตอบจากทุกพรรคการเมืองว่าจะตัดสินใจตอบสนองความต้องการของประชาชนหรือจะสืบทอดอำนาจ  เนื่องจากจะเป็นวันประชุมกรรมการบริหารพรรค แกนนำสำคัญและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของทุกพรรคการเมือง ก่อนวันประชุมรัฐสภาเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี 5 มิ.ย.นี้

นางลดาวัลลิ์ กล่าวว่า ความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจปากท้องตกต่ำตลอดห้าปีภายใต้การบริหารประเทศของรัฐบาล คสช.กลายเป็นเรื่องใหญ่ในการสำรวจความคิดเห็นของหลายสำนักที่ปรากฏข้อมูลตรงกันว่าประชาชนไม่ต้องการให้สืบทอดอำนาจให้รัฐบาล คสช.กลับมาบริหารประเทศอีกเพราะไม่เชื่อมือว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ 

"ยังมีกระแสความต้องการแก้ไขข้อบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่ปรากฏให้เห็นแล้วว่าทำลายระบอบประชาธิปไตย ทำลายพรรคการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เป็นการดีไซน์เพื่อสืบทอดอำนาจ ประชาชนจึงอยากจะมีส่วนร่วมในการยกร่างตั้งแต่เริ่มต้นเหมือนกับให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 อีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากรัฐธรรมนูญเป็นกฏหมายสูงสุดของประเทศการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมยกร่างเป็นสิ่งที่พึงกระทำอย่างยิ่ง แม้ว่าไม่สามารถแก้ไขทั้งฉบับได้ก็ควรแก้ไขในมาตราสำคัญไปก่อน"
 
โฆษกพรรค พท.กล่าวว่า  7 พรรคการเมืองฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยซึ่งมี 246 เสียง ประกาศย้ำจุดยืนอยู่เสมอว่าจะต่อต้านการสืบทอดอำนาจจะแก้ไขรัฐธรรมนูญนำประชาธิปไตยกับคืนมา ส.ว.ต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน จะให้สิทธิ์โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเฉพาะส.ส.เท่านั้น  และจะต้องเร่งฟื้นฟูแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องโดยเร็ว ส่วนการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะได้ข้อสรุปว่าจะเสนอใครหลังจากการหารือร่วมกันของทั้ง7พรรคซึ่งจะรู้ชื่อก่อน 5 มิ.ย.    

“ที่ผ่านมายังไม่เคยได้ยินว่าพรรคพลังประชารัฐซึ่งมี 116 เสียงประกาศต่อสาธารณะชนว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยเลย ดังนั้นทุกพรรคการเมืองที่จะประชุมและมีมติพรรคว่าจะตัดสินใจเข้าร่วมเป็นรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้น ควรไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนที่จะถูกหลอก ตัดสินใจผิดพลาด โดยต้องคำนึงถึงเงื่อนไขการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญด้วย ดังนั้นมติของทุกพรรคการเมืองวันที่ 4 มิถุนายนนี้จะเป็นการตอบประชาชนว่าจะมีพรรคใดบ้างที่จะร่วมสืบทอดอำนาจ คสช.อีกเพื่อประชาชนจะได้ให้บทเรียนในการเลือกตั้งครั้งหน้า”